แปลกใจตัวเองนิดๆเหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่ปลื้มกับตัวอย่าง BvS ไอ้ไม่ปลื้มที่ว่านี่ก็ไม่ได้ว่าไปทางลบนะครับ คือดูแล้วมันไม่ตื่นเต้นหรืออี๋อะไรทั้งนั้น มันออกไปทางเฉยๆซะมากกว่า จะว่าเพราะเป็นแฟนมาเวลก็ไม่น่าใช่ เพราะตอน MoS นี่อย่างพีค เลยจัดแจงเสิชหาตัวอย่าง MoS เทียบกับ BvS มาเทียบกันซะเลย จนได้ 3 ข้อหลักๆที่ MoS เหนือกว่า
1.ทำลายความคาดหวัง
ใน MoS นี่เราไม่รู้จะคาดหวังอะไร คือเราพอรู้วิช่วลของผู้กำกับ Zack Snyder ว่ามาแนวสายบู๊ทั้งจาก 300 และ Sucker Punch แต่พอทีเซอร์หนังออกมา “บู้ม” ทุกอย่างกลับตลาปัด จากที่คิดว่าจะต้องบู๊ระห่ำ มันออกมาแบบไม่มีฉากบู๊ มันกลับมีภาพของชีวิตชายคนหนึ่ง พร้อมเสียงบรรยายถึงชีวิตที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน และปล่ายตัวอย่าง เราได้เห็นชายคนนี้บินในระยะไกล ถ้านี่เป็นมวย ทีเซอร์นี้คงอัดเรามึนไปแล้ว เพราะมันเป็นหมัดที่เรามองไม่เห็น เป็นหมัดที่คาดไม่ถึง
2. ทำลายภาพดั้งเดิม
ตัวอย่างต่อมาก็เริ่มคล้ายๆกัน แต่เผยให้เราเห็น ความขัดแย้งในใจตัวละครมากยิ่งขึ้น ความคิดที่ว่า Superman เก่งกาจ เป็นชายที่สมบูรณ์เริ่มเลือนหาย ตัวอย่างแสดงภาพที่ตัวละครเป็นเหยื่อทั้งโดนอัด ทั้งโดนปืนจ่อ การระเบิดที่เหมือนวว่าเยาจะไม่สามารถช่วยใครได้ หนังมอบสิ่งตรงข้ามกับทุกสิ่งที่เราเคยรู้กับตัวละครนี้ นี่คือการตั้งการ์ดและแยบเบาๆ
3. สร้างความตื่นเต้น
ตัวอย่างสุดท้ายนี้ต้องทำตัวเป็นเหมือนช่วงไคลแม็กของหนัง ถ้าเป็นหนังบู๊นี่คือเวลาที่พระเอกจะต่อยกับหัวหน้าผู้ร้าย ถ้าเป็นหนังรักนี่คือจังหวะที่พระเอกจะวิ่งไปตามหานางเอกที่สนามบิน ถ้าเป็นหนังสยองขวัญก็ถึงเวลาที่จะปล่อยสุดหักมุม หลังจากสโลไลฟ์มาสองตัวอย่าง หนังก็เริ่มเผบความยั่วยวนของมัน ทั้งทางบท (ประโยค “ผมทำเป็นแค่ลูกพ่อได้ไหม” นี่กินใจผมเสมอ) และฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ เราไม่ได้เห็นพี่ซุปโดนต่อยอย่างเดียวแล้ว เราเห็นเขาเอาคืน บ้างพร้อมกับดนตรีประกอบที่เร้าอารามณ์ แถมตอนท้ายมีอารมณ์ขันยั่วล้อกับชื่อ Superman ที่หนังเลี่ยงมาใช่ Man of Steel แทน
เหมือนกำลังบอกเราว่านี่คือหนังที่มีบทลึกซึ้งเข้มข้น ฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ และสุดท้ายคืออารมณ์ บ้าไปแล้ว นี่มันหนังอุดมคติชัดๆ หมัดอัปเปอร์คัดสอยปลายคางถูกปล่อยออกมาแล้ว
แล้วตัวอย่าง BvS ล่ะ
หนังเลือกจะเล่นข้อสามเลย หนังเลือกจะสร้างความตื่นเต้นของ 2 ตัวละครมาเจอกัน หนังเดินหน้าที่จะขายจุดนั้นอย่างชัดเจน (จริงๆมันก็ชัดตั้งแต่ชื่อเรื่องล่ะ) ให้แฟนพันธุ์แท้หลายคนก็คงตื่นเต้นที่ได้วิเคราะห์ ฉากเด็ดๆที่ใส่เข้ามา แต่มันบอกอะไรมากกว่านั้นไหม มันสร้างความแตกต่าง ทำลายความคาดหวัง อย่างที่ตัวอย่าง MoS เคยทำได้ไหม คำตอบก็คือไม่ พวกเขาเลือกจะปล่อยหมัดตรงใส่เลย ไม่มีลีลาอะไรทั้งสิ้น วัดดวงไปเลย ซึ่งไม่ผิดอะไร เพียงแต่มันออกจะเป็นมวยที่น่าเบื่อไปซะหน่อย
แต่ก็นั้นแหละครับ นี่เป็นแค่ตัวอย่าง (แถมเป็นแค่ทีเซอร์) มันยังวัดอะไรไม่ได้มากมายนะ หลายครั้งหนังที่ตัวอย่างดีเลิศก็ไม่ได้ออกมาเป็นหนังที่ดี (ใช่ครับ ผมพูดถึง MoS) และหนังที่ตัวอย่างออกมาแย่ก็เป็นหนังที่ดีได้เช่นกัน เราคงต้องรอถึงปีหน้านู้นถึงจะรู้ผลว่า DC จะพบทางที่ใช้ของพวกเขารึยัง
3 ข้อที่ตัวอย่าง Man of Steel เหนือกว่า Batman v. Superman: Dawn of Justice
แปลกใจตัวเองนิดๆเหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่ปลื้มกับตัวอย่าง BvS ไอ้ไม่ปลื้มที่ว่านี่ก็ไม่ได้ว่าไปทางลบนะครับ คือดูแล้วมันไม่ตื่นเต้นหรืออี๋อะไรทั้งนั้น มันออกไปทางเฉยๆซะมากกว่า จะว่าเพราะเป็นแฟนมาเวลก็ไม่น่าใช่ เพราะตอน MoS นี่อย่างพีค เลยจัดแจงเสิชหาตัวอย่าง MoS เทียบกับ BvS มาเทียบกันซะเลย จนได้ 3 ข้อหลักๆที่ MoS เหนือกว่า
ใน MoS นี่เราไม่รู้จะคาดหวังอะไร คือเราพอรู้วิช่วลของผู้กำกับ Zack Snyder ว่ามาแนวสายบู๊ทั้งจาก 300 และ Sucker Punch แต่พอทีเซอร์หนังออกมา “บู้ม” ทุกอย่างกลับตลาปัด จากที่คิดว่าจะต้องบู๊ระห่ำ มันออกมาแบบไม่มีฉากบู๊ มันกลับมีภาพของชีวิตชายคนหนึ่ง พร้อมเสียงบรรยายถึงชีวิตที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน และปล่ายตัวอย่าง เราได้เห็นชายคนนี้บินในระยะไกล ถ้านี่เป็นมวย ทีเซอร์นี้คงอัดเรามึนไปแล้ว เพราะมันเป็นหมัดที่เรามองไม่เห็น เป็นหมัดที่คาดไม่ถึง
ตัวอย่างต่อมาก็เริ่มคล้ายๆกัน แต่เผยให้เราเห็น ความขัดแย้งในใจตัวละครมากยิ่งขึ้น ความคิดที่ว่า Superman เก่งกาจ เป็นชายที่สมบูรณ์เริ่มเลือนหาย ตัวอย่างแสดงภาพที่ตัวละครเป็นเหยื่อทั้งโดนอัด ทั้งโดนปืนจ่อ การระเบิดที่เหมือนวว่าเยาจะไม่สามารถช่วยใครได้ หนังมอบสิ่งตรงข้ามกับทุกสิ่งที่เราเคยรู้กับตัวละครนี้ นี่คือการตั้งการ์ดและแยบเบาๆ
ตัวอย่างสุดท้ายนี้ต้องทำตัวเป็นเหมือนช่วงไคลแม็กของหนัง ถ้าเป็นหนังบู๊นี่คือเวลาที่พระเอกจะต่อยกับหัวหน้าผู้ร้าย ถ้าเป็นหนังรักนี่คือจังหวะที่พระเอกจะวิ่งไปตามหานางเอกที่สนามบิน ถ้าเป็นหนังสยองขวัญก็ถึงเวลาที่จะปล่อยสุดหักมุม หลังจากสโลไลฟ์มาสองตัวอย่าง หนังก็เริ่มเผบความยั่วยวนของมัน ทั้งทางบท (ประโยค “ผมทำเป็นแค่ลูกพ่อได้ไหม” นี่กินใจผมเสมอ) และฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ เราไม่ได้เห็นพี่ซุปโดนต่อยอย่างเดียวแล้ว เราเห็นเขาเอาคืน บ้างพร้อมกับดนตรีประกอบที่เร้าอารามณ์ แถมตอนท้ายมีอารมณ์ขันยั่วล้อกับชื่อ Superman ที่หนังเลี่ยงมาใช่ Man of Steel แทน
เหมือนกำลังบอกเราว่านี่คือหนังที่มีบทลึกซึ้งเข้มข้น ฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ และสุดท้ายคืออารมณ์ บ้าไปแล้ว นี่มันหนังอุดมคติชัดๆ หมัดอัปเปอร์คัดสอยปลายคางถูกปล่อยออกมาแล้ว
หนังเลือกจะเล่นข้อสามเลย หนังเลือกจะสร้างความตื่นเต้นของ 2 ตัวละครมาเจอกัน หนังเดินหน้าที่จะขายจุดนั้นอย่างชัดเจน (จริงๆมันก็ชัดตั้งแต่ชื่อเรื่องล่ะ) ให้แฟนพันธุ์แท้หลายคนก็คงตื่นเต้นที่ได้วิเคราะห์ ฉากเด็ดๆที่ใส่เข้ามา แต่มันบอกอะไรมากกว่านั้นไหม มันสร้างความแตกต่าง ทำลายความคาดหวัง อย่างที่ตัวอย่าง MoS เคยทำได้ไหม คำตอบก็คือไม่ พวกเขาเลือกจะปล่อยหมัดตรงใส่เลย ไม่มีลีลาอะไรทั้งสิ้น วัดดวงไปเลย ซึ่งไม่ผิดอะไร เพียงแต่มันออกจะเป็นมวยที่น่าเบื่อไปซะหน่อย
แต่ก็นั้นแหละครับ นี่เป็นแค่ตัวอย่าง (แถมเป็นแค่ทีเซอร์) มันยังวัดอะไรไม่ได้มากมายนะ หลายครั้งหนังที่ตัวอย่างดีเลิศก็ไม่ได้ออกมาเป็นหนังที่ดี (ใช่ครับ ผมพูดถึง MoS) และหนังที่ตัวอย่างออกมาแย่ก็เป็นหนังที่ดีได้เช่นกัน เราคงต้องรอถึงปีหน้านู้นถึงจะรู้ผลว่า DC จะพบทางที่ใช้ของพวกเขารึยัง