ลองประมาณการดูคร่าวๆ
ชาวนาขายข้าวให้พ่อค้าข้าว ได้เงิน 7000.-/ตัน
ชาวนาขายข้าวให้ บก.ได้เงิน 15000.-/ตัน
ผู้บริโภคซื้อข้าวทั่วไปตามท้องตลาดราคา 175.-/ถุง 5 กก.
ผู้บริโภคซื้อข้าวลายจุด ราคา 200.-/ถุง 5 กก.
ใช่ครับ ข้าวลายจุดแพงกว่าท้องตลาดทั่วไปนิดหน่อย
แต่หากดูส่วนต่างจากที่ราคาที่ชาวนาขาย จะเห็นว่า
ส่วนต่างที่ชาวนาได้รับ มันต่างกันมากมายเหลือเกิน
ถึงจะซื้อแพงกว่านิดหน่อย แต่ชาวนาได้ประโยชน์
ผมเอานะครับ!!!
ลองประมาณการดูอีก สมมุติว่า
ข้าว1ตัน ต้นทุนผลิตข้าวยังไม่รวมค่าแรง 5000 บาท หากขายได้แค่ 7000 บาท
กำไรส่วนต่าง 2000 บาท จะต้องปลูกข้าวเท่าไหร่ถึงจะพออยู่พอกิน
ชาวนาเป็นประชาชนฐานราก หากฐานรากติดเครื่องไปไม่ได้ เศรษฐกิจก็จะติดขัด
ประเทศก็จะติดล็อค เดินหน้าไปต่อไม่ได้
แต่หากข้าว1ตัน ชาวนาสามารถขายได้ 15000 บาท กำไรส่วนต่าง 10000 บาท
นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้
ถ้าหากสามารถทำราคา พืชผลการเกษตรทุกชนิด ให้ได้ราคาแบบนี้ ทำแล้วพออยู่พอกิน
เกษตกรก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การพัฒนาเศรษฐกิจก็ต้องเริ่มจากฐานราก เมื่อเกษตกรฐานรากมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นไปเรื่อยๆ
มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียนเติบโตไปได้เรื่อยๆ
รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น ดำเนินบริหารจัดการดีๆ ประเทศเกิดการพัฒนา ผลประโยชน์ก็จะย้อนกลับมาสู่ ปชช.ทั้งประเทศ
บก.ขายข้าวลายจุด เกิดเป็นกระแสที่กระทบความรู้สึกของผู้คนเป็นอันมาก
(มีผู้ทำโครงการดีๆในแนวทางแบบนี้มากมาย แต่อาจไม่เป็นกระแสขนาดนี้)
ขอเป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนและขอยกย่องที่
บก.ได้ขายความคิด ได้จุดประกาย ให้สังคมได้ตระหนักและชักชวนให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันคิดหารูปแบบ
ต่อยอดความคิด และกระจายความคิดให้เกิดการปฎิบัติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปในทุกวงการ
หากประชาชนทุกภาคส่วนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เข้มแข็ง และแข็งแรงขึ้น
ก็ไม่ต้องง้อรัฐอีกต่อไป!!!!!!
ซื้อข้าวแพงหน่อย แต่ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ ผมเอาครับ!!!!!
ชาวนาขายข้าวให้พ่อค้าข้าว ได้เงิน 7000.-/ตัน
ชาวนาขายข้าวให้ บก.ได้เงิน 15000.-/ตัน
ผู้บริโภคซื้อข้าวทั่วไปตามท้องตลาดราคา 175.-/ถุง 5 กก.
ผู้บริโภคซื้อข้าวลายจุด ราคา 200.-/ถุง 5 กก.
ใช่ครับ ข้าวลายจุดแพงกว่าท้องตลาดทั่วไปนิดหน่อย
แต่หากดูส่วนต่างจากที่ราคาที่ชาวนาขาย จะเห็นว่า
ส่วนต่างที่ชาวนาได้รับ มันต่างกันมากมายเหลือเกิน
ถึงจะซื้อแพงกว่านิดหน่อย แต่ชาวนาได้ประโยชน์
ผมเอานะครับ!!!
ลองประมาณการดูอีก สมมุติว่า
ข้าว1ตัน ต้นทุนผลิตข้าวยังไม่รวมค่าแรง 5000 บาท หากขายได้แค่ 7000 บาท
กำไรส่วนต่าง 2000 บาท จะต้องปลูกข้าวเท่าไหร่ถึงจะพออยู่พอกิน
ชาวนาเป็นประชาชนฐานราก หากฐานรากติดเครื่องไปไม่ได้ เศรษฐกิจก็จะติดขัด
ประเทศก็จะติดล็อค เดินหน้าไปต่อไม่ได้
แต่หากข้าว1ตัน ชาวนาสามารถขายได้ 15000 บาท กำไรส่วนต่าง 10000 บาท
นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้
ถ้าหากสามารถทำราคา พืชผลการเกษตรทุกชนิด ให้ได้ราคาแบบนี้ ทำแล้วพออยู่พอกิน
เกษตกรก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การพัฒนาเศรษฐกิจก็ต้องเริ่มจากฐานราก เมื่อเกษตกรฐานรากมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นไปเรื่อยๆ
มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียนเติบโตไปได้เรื่อยๆ
รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น ดำเนินบริหารจัดการดีๆ ประเทศเกิดการพัฒนา ผลประโยชน์ก็จะย้อนกลับมาสู่ ปชช.ทั้งประเทศ
บก.ขายข้าวลายจุด เกิดเป็นกระแสที่กระทบความรู้สึกของผู้คนเป็นอันมาก
(มีผู้ทำโครงการดีๆในแนวทางแบบนี้มากมาย แต่อาจไม่เป็นกระแสขนาดนี้)
ขอเป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนและขอยกย่องที่
บก.ได้ขายความคิด ได้จุดประกาย ให้สังคมได้ตระหนักและชักชวนให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันคิดหารูปแบบ
ต่อยอดความคิด และกระจายความคิดให้เกิดการปฎิบัติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปในทุกวงการ
หากประชาชนทุกภาคส่วนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เข้มแข็ง และแข็งแรงขึ้น
ก็ไม่ต้องง้อรัฐอีกต่อไป!!!!!!