หลังจากที่ชอบอ่านรีวิวของคนอื่นมานาน จึงตัดสินใจอยากจะเขียนรีวิวด้วยตัวเองสักครั้ง กับประเทศที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะไปในฐานะนักท่องเที่ยว แต่เมื่อได้ไปสัมผัสแล้ว .... อินโดนีเซียมีอะไรเยอะกว่าที่คุณคิดมาก
ออกเดินทางไปด้วยกันเลยคะ
ตารางการเดินทาง 10-15 เมษายน 2015 BKK- Yokyakarta - Jakarta - BKK
(((10 เมษายน 2015))) ออกเดินทางโดย Airasia 20.55pm ไป ยอคยากาตาร์ แต่จะต้องไปรอ Transit เครื่องที่สนามบิน the Adi Sucipto International ได้บินต่อไปที่ ยอคยากาตาร์ ชื่อสนามบิน the Adi Sucipto International Airport คะ เป็นทริปวันแรกที่ทรหดมาก T.T จนต้องบ่นกับตัวเองว่า มาทำไม (ว่ะ) เนี้ยยย!!!
(((11 เมษายน 2015))) เข้าที่พักคะ the Cakra-kusuma hotel ติดกับถนนใหญ่ เดินทางสะดวกคะ แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะเราเน้นถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวคะ ฮ่าๆ (เกี่ยวกันไหม?) เราเดินทางกันง่ายคะ เพราะมีรถคู้ รถทัวร์ของมหาวิทยาลัยจัดมาให้
(1) 9.00 น. ล้อหมุนคะ สถานที่แรกที่เราจะออกไปหาความรู้ คือ "Borobudur Temple" ตื่นเต้นมากเลย เพราะก่อนมา อาจารย์บอกว่า เธอต้องไปดูให้ได้นะ เพราะเป็นสถานที่ที่เป็นของชาวพุทธที่ใหญ่ที่สุดที่ไปตั้งอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่เมืองพุทธ โอ้ววว!! มันอัศจรรย์มากเลยใช่ไหมคะ แล้ว....ก็ไม่ผิดหวังคะ
กรุ๊ปเรามี ไกด์ท้องถิ่น อัธยาศรัยดีน่ารัก พูดเก่งมาก พูดจนลิงหลับ เขาเคยเล่าว่ามีทริปคนรัสเซียมาจ้างเขาไปเป็นไกด์ ทำไปทำมา ชาวรัสเซียเอาเงินมายัดใส่มือเขา แล้วบอกว่า "จ้างเขาไม่ให้พูด พวกเขาจะถ่ายรูป" ฮ่าๆ โดนจ้างให้เงียบ
ไกด์อินโดนีเซียคนนี้เล่าต่อว่า หากขึ้นไปถึงยอดชั้นเก้า ให้เดินวนขวา แล้วให้อธิษฐานขอพร สามรอบ หากเดินไปๆแล้วหยุดถ่ายรูป พรจะไม่เป็นผล ต้องหยุดแล้วเดินนับรอบใหม่ พวกเราทุกคนจึงต้องตั้งใจเดินมาก ....
พอเดินเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินลงมาจากบุโรพุทโธ มุ่งหน้าจะไป ketep pass จุดชมวิวของภูเขาไฟเมอราปี แต่....ไกด์บอกว่าระหว่างทางที่จะไปเราจะผ่านวัดของศาสนาพุทธ ซึ่งมีบางรีวิว เขากล่าวว่า คล้ายๆ หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี!!!
(2) 11.15 น. เราก้เดินทางมาถึง Candi Mendut (วัดเมนดุต) ซึ่งครั้งแรกที่พบมันเป็นซากปรักหักพังและได้มีการบูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นประมาณปี 1897 จริงๆก็เป็นวัดเก่าที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบริเวณชุมชุน มีร้านค้าขายของ และวัดใหม่ที่สร้างขึ้นใกล้ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ พระพุทธรูปองค์ประธานที่ประดิษฐานอยู่ข้างในคะ
(3) Ketep Pass จุดชมวิวสวยๆ ชมวิวภูเขาไฟเมราปี ที่มีการปะทุครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ไม่นานมานี้เองคะ ที่คนที่อาศัยกว่า 50,000 คน ต้องอพยพเนื่อจากเกิดเถ้าถ่านและกลุ่มควันสูงหลายกิโลเมตร ที่แรกที่ไปคือ ห้องฉายภาพยนตร์คะ เขาจะมีวีดิโอเปิดให้เราได้ดูเหตุการณ์ช่วงนั้นให้พวกเราได้ดูกัน
ที่อินโดนีเซีย เวลาที่เราซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆของเขานั้น จะน่ารักอย่างนึงคะ เขาจะให้เครื่องดื่มเรา ฟรี 1 อย่าง ชา กาแฟ น้ำเปล่า แต่ที่ Ketep Pass จะมีเครื่องดื่มหลากหลายกว่านั้น ทั้งน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง และอีกหลายๆอย่าง
ระหว่างที่เราจะขึ้นไปสู่จุดชมวิว เราจะผ่านพิพิธภัณฑ์ภูเขาไปเมอราปี ก่อนคะ
โชคไม่ดีเลยคะ สำหรับพวกเราทริปนี้ เพราะฝนตกหนักมาก ตกไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว เพื่อนคนอินโดนีเซียที่ไปด้วยกัน ก็แซวว่า "ภูเขาไฟจะระเบิดทุกๆ 5 ปี ครั้งสุดท้ายระเบิดเมื่อปี 2010 ฉะนั้นมันจะปะทุอีกที ปี 2015 (เอิ่มมม ปีนี้...นี่หว่าา?) แล้วก็เป็นช่วงที่มีคนไทยมาเที่ยวที่นี่ (เอิ่ม... อีกดอก ฮ่าๆ) เราก็เลยแซวกลับว่า ... ต้องเป็นวันที่ ฝนตกหนักด้วยใช่ไหม ... ฮาทั้งวงเลยงานนี้!!! สรุปว่าเราอดดูวิวคะ T.T
คือหมอกหนักมาก ทั้งๆที่ไม่หนาว มองอะไรไม่เห็นกันเลยทีเดียว เสียใจอีกรอบ
(((12 เมษายน 2015))) ตื่นเช้ามากกกก เพื่อมารอทริปของวันนี้
จากที่ไกด์เราได้อธิบายมา สุลต่านจะมาอาบน้ำที่นี่ และเลือกผู้หญิงที่มาลงเล่นน้ำในสระ โดยสุลต่านที่ยอคยาจะเลือก ไม่ต้องสวยมาก แต่เน้นที่สะโพกต้องใหญ่ เหมาะแก่การมีบุตรคะ ซึ่งไกด์เราให้ผู้ชายที่ร่วมทริปกับเราขึ้นไปที่หน้าต่างข้างบน ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้น อดเลย
(6) ไปต่อกันเลยนะคะ "Batik Workshop painting" คะ เป็นการระบายรูปจากผ้าที่เขาวาดให้มาแล้วนะคะ ของเจ้าของกระทู้ได้รูปดอกไม้คะ วาดด้วยยางจากต้นไม้ที่กำลังต้มร้อนๆคะ
อันนี้เป็นคุณป้า ที่มาสาธิตวิธีการวาดภาพผ้าบาติคคะ
ส่วนผ้าสองสีที่กองวางอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ของพวกเรานะคะ เป็นภาพตัวอย่างคะ ซึ่ง... ที่แตกต่างจากของพวกเรามาก คิดว่าของพวกเราสวยกว่านะ ฮ่า เมื่อเราวาดเสร็จ ทางร้านก็จะให้เราเลือกสีคะ แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะจัดส่งไปให้เราที่โรงแรมที่พัก
อันนี้เป็นหน้าตาผ้าบาติคของเจ้าของกระทู้เอง สวยเหมือนเจ้าของใช่ไหมคะ ก๊ากกกกก
(7) candi prambanan เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย สวยงามมากเลยขอบอก
ฟ้ามืดมาด้วย เกรงว่าจะไม่ได้รูปสวยๆเพราะฝนตกลงมาอีก ใครที่จะมาอินโดนีเซียช่วงหน้าร้อน แนะนำพกร่มมาด้วยนะคะ ถึงไม่ได้เอามากันฝนก็เอามากันแดดเหอะ
ภายในโบสถ์แต่ละหลัง มีพระประธานอยู่ข้างใน ซึ่งแต่ละที่ก็มีที่มาให้เราขอพรได้ ซึ่งอันนี้ไกด์บอกมาคะ
ไกด์เราขยันคะ เล่าประวัติตามผนังโบสถ์ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ สนุกดีคะ
ทางเดินกลับมาที่จอดรถคะ มีร้านขายของตามรายทาง ร้านตรงส่วนนี้ชอบมากเลยคะ เขาจะมานั่งเรียกลูกค้าที่หน้าร้านกันทุกร้านเลย
จบทริปของกลางวันวันนี้แล้วคะ แล้วคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายของเราที่ ยอคยากาตาร์ พรุ่งนี้บ่ายเราจะเดินทางไปจาการต้าร์กัน ซึ่งคืนนี้เรามีนัดกัน กับไนท์มาร์เก็ต Malioboro shopping street ที่นี่คะ
(8) Malioboro Market street เป็นสถานที่ขายของที่มีชื่อของอินโดนีเซีย ของที่ระลึก และราคาถูกกว่าจากาตาร์แน่นอนคะ ใครที่จะหาซื้อผ้าบาติคราคาถูก คุณภาพดี อาจารย์ของเจ้าของกระทู้ที่เป็นคนอินโดนีเซียคอนเฟิร์มมาคะ ฮ่าๆ
ระหว่างทางที่เดินก็ะเห็นกุ่มวัยรุ่นมาแต่งตัวเป็นมาสคอตตัวต่างๆ เปิดหมวกร้องเพลงตามทางที่เราจะเดิน
เดินมาถึงแล้วคะ ข้างในจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้เสื้อบาติคเป็นของฝากให้คุณพ่อ 1 ตัว ฮ่าๆ ราคา 129,000 รูเปียร์คะ
กลับแล้วคะ กลับโรงแรมที่พักตอนสามทุ่ม คือเดินจนเหนื่อย ไม่ค่อยเจออะไรเท่าไหร่ นอกจากผ้าบาติค แต่ก็สนุกคะได้เห็นวิถีชีวิตง่ายๆของคนยอคยาซึ่งเขาว่าต่างจากกรุงจากาตาร์มากเลยทีเดียว
(10) National Musuem ตรงนี้เป็นที่ที่ ร.5 ของเราถวายรูปปั้นช้างให้กับอินโดนีเซียคะ
(11) ที่สุดท้ายคะ ASEAN Secretariate
ปิดรีวิวครั้งนี้ไปด้วยความประทับใจของอินโดนีเซียคะ ที่สำคัญ อย่าลืมทานกาแฟ J.Co นะคะ รส Cafe Avocado อร่อยมาก
[CR] รีวิวมือสมัครเล่น ครั้งแรกในอินโดนีเซีย Yokyakarta และ Jakarta ใครว่าไม่สวย
ออกเดินทางไปด้วยกันเลยคะ
ตารางการเดินทาง 10-15 เมษายน 2015 BKK- Yokyakarta - Jakarta - BKK
(((11 เมษายน 2015))) เข้าที่พักคะ the Cakra-kusuma hotel ติดกับถนนใหญ่ เดินทางสะดวกคะ แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะเราเน้นถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวคะ ฮ่าๆ (เกี่ยวกันไหม?) เราเดินทางกันง่ายคะ เพราะมีรถคู้ รถทัวร์ของมหาวิทยาลัยจัดมาให้
กรุ๊ปเรามี ไกด์ท้องถิ่น อัธยาศรัยดีน่ารัก พูดเก่งมาก พูดจนลิงหลับ เขาเคยเล่าว่ามีทริปคนรัสเซียมาจ้างเขาไปเป็นไกด์ ทำไปทำมา ชาวรัสเซียเอาเงินมายัดใส่มือเขา แล้วบอกว่า "จ้างเขาไม่ให้พูด พวกเขาจะถ่ายรูป" ฮ่าๆ โดนจ้างให้เงียบ
ไกด์อินโดนีเซียคนนี้เล่าต่อว่า หากขึ้นไปถึงยอดชั้นเก้า ให้เดินวนขวา แล้วให้อธิษฐานขอพร สามรอบ หากเดินไปๆแล้วหยุดถ่ายรูป พรจะไม่เป็นผล ต้องหยุดแล้วเดินนับรอบใหม่ พวกเราทุกคนจึงต้องตั้งใจเดินมาก ....
พอเดินเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินลงมาจากบุโรพุทโธ มุ่งหน้าจะไป ketep pass จุดชมวิวของภูเขาไฟเมอราปี แต่....ไกด์บอกว่าระหว่างทางที่จะไปเราจะผ่านวัดของศาสนาพุทธ ซึ่งมีบางรีวิว เขากล่าวว่า คล้ายๆ หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี!!!
ที่อินโดนีเซีย เวลาที่เราซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆของเขานั้น จะน่ารักอย่างนึงคะ เขาจะให้เครื่องดื่มเรา ฟรี 1 อย่าง ชา กาแฟ น้ำเปล่า แต่ที่ Ketep Pass จะมีเครื่องดื่มหลากหลายกว่านั้น ทั้งน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง และอีกหลายๆอย่าง
ระหว่างที่เราจะขึ้นไปสู่จุดชมวิว เราจะผ่านพิพิธภัณฑ์ภูเขาไปเมอราปี ก่อนคะ
โชคไม่ดีเลยคะ สำหรับพวกเราทริปนี้ เพราะฝนตกหนักมาก ตกไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว เพื่อนคนอินโดนีเซียที่ไปด้วยกัน ก็แซวว่า "ภูเขาไฟจะระเบิดทุกๆ 5 ปี ครั้งสุดท้ายระเบิดเมื่อปี 2010 ฉะนั้นมันจะปะทุอีกที ปี 2015 (เอิ่มมม ปีนี้...นี่หว่าา?) แล้วก็เป็นช่วงที่มีคนไทยมาเที่ยวที่นี่ (เอิ่ม... อีกดอก ฮ่าๆ) เราก็เลยแซวกลับว่า ... ต้องเป็นวันที่ ฝนตกหนักด้วยใช่ไหม ... ฮาทั้งวงเลยงานนี้!!! สรุปว่าเราอดดูวิวคะ T.T
คือหมอกหนักมาก ทั้งๆที่ไม่หนาว มองอะไรไม่เห็นกันเลยทีเดียว เสียใจอีกรอบ
(((12 เมษายน 2015))) ตื่นเช้ามากกกก เพื่อมารอทริปของวันนี้
ที่นี่เขามีเก็บของที่ระลึกจากประเทศต่างๆที่มาเยี่ยมอินโดนีเซียด้วยนะคะ อันนี้ก็ประเทศไทย แต่จำไม่ได้แล้วว่า ของรัชกาลที่เท่าไหร่ แหะๆ
(5) จากพระราชวังสุลต่าน ก่อนจะทานข้าวเที่ยง รถทัวร์ของเราเข้ามาไม่ได้ ต้องเดินไปต่อ ที่ Taman Sari พระราชวังน้ำ ท่ามกลางแสงแดด ที่ร้อนมากกว่าเมืองไทย
จากที่ไกด์เราได้อธิบายมา สุลต่านจะมาอาบน้ำที่นี่ และเลือกผู้หญิงที่มาลงเล่นน้ำในสระ โดยสุลต่านที่ยอคยาจะเลือก ไม่ต้องสวยมาก แต่เน้นที่สะโพกต้องใหญ่ เหมาะแก่การมีบุตรคะ ซึ่งไกด์เราให้ผู้ชายที่ร่วมทริปกับเราขึ้นไปที่หน้าต่างข้างบน ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้น อดเลย
อันนี้เป็นคุณป้า ที่มาสาธิตวิธีการวาดภาพผ้าบาติคคะ
ส่วนผ้าสองสีที่กองวางอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ของพวกเรานะคะ เป็นภาพตัวอย่างคะ ซึ่ง... ที่แตกต่างจากของพวกเรามาก คิดว่าของพวกเราสวยกว่านะ ฮ่า เมื่อเราวาดเสร็จ ทางร้านก็จะให้เราเลือกสีคะ แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะจัดส่งไปให้เราที่โรงแรมที่พัก
อันนี้เป็นหน้าตาผ้าบาติคของเจ้าของกระทู้เอง สวยเหมือนเจ้าของใช่ไหมคะ ก๊ากกกกก
(7) candi prambanan เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย สวยงามมากเลยขอบอก
ฟ้ามืดมาด้วย เกรงว่าจะไม่ได้รูปสวยๆเพราะฝนตกลงมาอีก ใครที่จะมาอินโดนีเซียช่วงหน้าร้อน แนะนำพกร่มมาด้วยนะคะ ถึงไม่ได้เอามากันฝนก็เอามากันแดดเหอะ
ภายในโบสถ์แต่ละหลัง มีพระประธานอยู่ข้างใน ซึ่งแต่ละที่ก็มีที่มาให้เราขอพรได้ ซึ่งอันนี้ไกด์บอกมาคะ
ไกด์เราขยันคะ เล่าประวัติตามผนังโบสถ์ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ สนุกดีคะ
ทางเดินกลับมาที่จอดรถคะ มีร้านขายของตามรายทาง ร้านตรงส่วนนี้ชอบมากเลยคะ เขาจะมานั่งเรียกลูกค้าที่หน้าร้านกันทุกร้านเลย
จบทริปของกลางวันวันนี้แล้วคะ แล้วคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายของเราที่ ยอคยากาตาร์ พรุ่งนี้บ่ายเราจะเดินทางไปจาการต้าร์กัน ซึ่งคืนนี้เรามีนัดกัน กับไนท์มาร์เก็ต Malioboro shopping street ที่นี่คะ
(8) Malioboro Market street เป็นสถานที่ขายของที่มีชื่อของอินโดนีเซีย ของที่ระลึก และราคาถูกกว่าจากาตาร์แน่นอนคะ ใครที่จะหาซื้อผ้าบาติคราคาถูก คุณภาพดี อาจารย์ของเจ้าของกระทู้ที่เป็นคนอินโดนีเซียคอนเฟิร์มมาคะ ฮ่าๆ
ระหว่างทางที่เดินก็ะเห็นกุ่มวัยรุ่นมาแต่งตัวเป็นมาสคอตตัวต่างๆ เปิดหมวกร้องเพลงตามทางที่เราจะเดิน
เดินมาถึงแล้วคะ ข้างในจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้เสื้อบาติคเป็นของฝากให้คุณพ่อ 1 ตัว ฮ่าๆ ราคา 129,000 รูเปียร์คะ
กลับแล้วคะ กลับโรงแรมที่พักตอนสามทุ่ม คือเดินจนเหนื่อย ไม่ค่อยเจออะไรเท่าไหร่ นอกจากผ้าบาติค แต่ก็สนุกคะได้เห็นวิถีชีวิตง่ายๆของคนยอคยาซึ่งเขาว่าต่างจากกรุงจากาตาร์มากเลยทีเดียว
(9) อนุเสาวรีย์ Monas
(10) National Musuem ตรงนี้เป็นที่ที่ ร.5 ของเราถวายรูปปั้นช้างให้กับอินโดนีเซียคะ
(11) ที่สุดท้ายคะ ASEAN Secretariate
ปิดรีวิวครั้งนี้ไปด้วยความประทับใจของอินโดนีเซียคะ ที่สำคัญ อย่าลืมทานกาแฟ J.Co นะคะ รส Cafe Avocado อร่อยมาก