ทริปนี้เป็นทริปแรกในชีวิตเด็กน้อยที่จะเดินทางไปต่างประเทศไกลขนาดนี้ เป็นทริปบินเดี่ยวก็จริงค่ะ แต่ไปถึงโน่นไม่เดี่ยวละ ไปอยู่กับเพื่อนที่นั่นค่ะ เพราะฉะนั้น...ขอแค่ไปถึงให้ได้ก็พอ
รูปทั้งหมดถ่ายจาก Iphone 5 และ 6 plus ค่ะ บวกกับความไม่ได้เรื่องของคนถ่ายรูปไม่ค่อยจะเป็น ขออภัยยย
หลังจากตื่นเต้นกับการขอวีซ่ามาแล้ว คราวนี้ถึงเวลาวางแผนการเดินทางกันแล้วค่ะ จริงๆไม่ถือว่าวางแผนอะไรจริงจังขนาดนั้น เพราะว่ามีคนนำเที่ยวอยู่แล้ว 555 ก็แค่คิดๆไว้ว่าไปฮาวายทั้งทีเนี่ย อยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (ก็ want จะไปตามแพลนที่ทำไว้ตอนไปขอวีซ่านั่นแหล่ะค่า) สาระสำคัญสำหรับเราก็คือการจองตั๋วเครื่องบินค่ะ ตั้งใจจะไปวันที่ 3-15 เมษายน 2558 แต่กว่าจะคุยกับครอบครัวรู้เรื่อง กว่าจะได้เริ่มจองตั๋วเครื่องบินก็เหลือเวลาอีกแค่ 1 สัปดาห์กว่าๆก่อนวันเดินทางแล้ว เข้าไปดูตั๋วตามสายการบินต่างๆก็เงิบบบ...
แพงกว่าตอนนี้เข้าไปดูเล่นๆตอนก่อนจะได้วีซ่ามากมาย เริ่มเข้าสู่สภาวะช็อค คือไม่เคยเดินทางไง พูดง่ายๆว่าบ้านนอก
ไปโวยวายกับเพื่อนรัก เลยได้คำแนะนำมาว่าให้จองผ่าน agency เพื่อนก็ช่วย search หาอย่างสุดความสามารถ ลุ้นละทึกมาก
จนในที่สุด 25 เมษายน ก็ได้ตั๋วมาในราคาที่สวยงามตามท้องเรื่อง China airlines ไป-กลับ 35,050 บาทถ้วน transit ที่ TAIPEI ปลื้มปริ่มมากค่า แต่เปลี่ยนวันเดินทางมาเป็น 1-13 เมษายน 2558 ตื่นเต้นเลยทีนี้
คืนก่อนวันเดินทางประมาณตี3 เพื่อนไลน์มารัวๆ ส่งรูปบ้านมาให้ดูพร้อมที่อยู่ บอกว่าเป็นแพลนบีเผื่อว่าหากันที่สนามบินไม่เจอจริงๆ
ให้ขึ้นแท็กซี่ไปที่บ้านนาง บอกที่ซ่อนกุญแจบ้าน ให้เข้าไปให้บ้านหารหัส wifi แล้วไลน์หากัน แหม่! ตกลงกันไว้ว่าจะมารับไง
รู้นะว่านางรอบคอบแต่ทำเอาหนูนอนไม่หลับอีกเลยค่า
วันเดินทาง ร้องไห้ดราม่ากับเพื่อนที่ไปส่งและโทรไป say goodbye ครอบครัว
พร้อมกับดราม่า again 555 บ้าไปแล้ว อันนี้เป็นรูปที่สภาพยังสวยเป็นปกติอยู่ค่ะ ยังไม่ดราม่า คิคิ
ที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือ flight 17:05 เครื่องจะดีเลย์ครึ่งชั่วโมง จริงๆแล้วเรามีเวลา transit 1 ชั่วโมง 15 นาที
ก็เหลือ 45 นาที บ้าไปแล้วววว เป็นไปไม่ด้ายยยยยย พี่ที่ counter check-in ก็เลื่อนที่นั่งมาให้หน้าๆ เพื่อจะวิ่งออกมาก่อน
เพราะ flight ต่อไปออก 23:00 local time เอาเข้าจริงกว่าเครื่องจะ land ก็ 22:48 ละ คือตื่นเต้นมากกกกกกก transit ครั้งแรกในชีวิตของช้านน พอลงจากเครื่องได้รีบวิ่งไปตามทางเพื่อหา Gate ยังดีมีฝรั่งอีก 2 คนวิ่งเป็นเพื่อนด้วย ค่อยโล่งใจนิดนึง และในที่สุดเราก็ทำได้ค่ะ
เข้าไปเป็นที่โหล่แต่ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้ได้ไปเป็นพอ นี่เหมือนกับว่าบินตรงเลยนะเนี่ย ไม่เสียเวลารอเล้ยยยย
คราวนี้ก็นั่งกันไปยาวๆค่ะ 9 ชั่วโมงถ้าจำไม่ผิดอะนะ มาว่ากันด้วยเรื่องที่นั่งในเครื่อง ตอนนั้นเพื่อนนางส่งรูปตอนเครื่องจะ land ที่ Honolulu มาให้ดู มันสวยมากกกก เห็น Diamond Head ชัดแจ่ม เราก็อยากจะเอามั่งค่ะ แต่ก็นะ...บอกเอเจนซี่ว่าขอที่นั่งติดหน้าต่างนะคะ แล้วก็ได้มาสมใจค่ะ ติดหน้าต่างทุก flight แต่ แต่ แต่...ชั้นนั่งอยู่บนปีกกกกกกกกกกกก อิบร้า!!!รูปที่ได้มาจึงเป็นเช่นนี้แลฯ
ตอนก่อนเครื่อง land เขาจะมีใบให้เราเขียน declare ว่าเราหอบอะไรเข้ามาในประเทศเขาบ้าง ก็ติ๊กๆไปตามความจริงค่ะ ด้านหลังมีที่ว่างให้เขียนด้วย เอ๊อะ! ไม่รู้จะเขียนอะไรค่ะ เลยสะกิดคุณลุงฝรั่งๆข้างๆที่นั่งมาด้วยกันไม่เคยพูดกันเลย 555 คุณลุงก็หยิบแว่นมาใส่อีกที
แล้วอธิบายให้พร้อมกับเขียนให้ด้วย น่ารักจุง แล้วจากนั้น...กลายเป็นว่าคุยกันไม่หยุดเลยค่า แหม รู้งี้คุยด้วยตั้งนานละ
และแล้ววววว...15:00 ก็ถึงสนามบิน HNL ตรงเวลาดี ผ่าน ตม.ออกมาสบายๆค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด(ไปเอง)
ตม.ใจดีปั๊มให้อยู่ได้ 6 เดือน!!! ออกมาจากสนามบินแบบเอ๋อๆ ยืนรออะไรก็ไม่รู้ 555 รอคนมารับอย่างมีความหวังไง๊
ช้านไม่อยากขึ้นแท็กซี่ ช้านเป็นคนโก๊ะและโง่มาก ยืนอยู่แค่ 3 นาทีก็มีเทพบุตรเดินมารับ
โอ้ววววว...ขอบคุณเธอที่ไม่ทำให้เราต้องผจญภัยอีกต่อไปแล้ว สิ้นสุดความโดดเดี่ยว ณ บัดนาว
มีพวงมาลัยมาคล้องคอด้วย Hawaiian style เรารู้จักแค่ดอกกล้วยไม้ ส่วนดอกเล็กๆสีขาวชื่ออะไรไม่รู้
หอมอบอวลดีมาก นางคนซื้อก็ไม่รู้จักเช่นกันค่ะ
พอถึงบ้านก็พาทัวร์บ้านพอเป็นพิธี แนะนำการใช้นู่นนี่นั่น แล้วนางก็ต้องออกไปเรียน Japanese Class ค่ะ บอกให้เราอาบน้ำพักผ่อน
กำชับนักหนาว่าห้ามหลับ*** เดี๋ยวสองทุ่มครึ่งนางจะกลับมารับออกไปกินข้าว เป็นร้านอาหารอิตาเลียน
ชื่อร้าน BRAVO! เราสั่งเป็น Spaghetti Chicken parmesan มาแบบว่า
จานใหญ่อลังการมาก นางบอกว่า “Welcome to America” ที่นี่อาหารจานใหญ่ๆทั้งนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น DAY2 ถึงแม้ว่าไกด์ส่วนตัวจะยังต้องทำงานในวันนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ทำครึ่งวันเอง ตอนบ่ายก็ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว แบบว่างกค่ะ อุตส่าห์ไปไกลถึงโน่นละ จะมาอ่อนแอ jet lag อยู่ไม่ด้ายย ต้องเอาให้คุ้ม555 แพลนของเราวันนี้คือออกไป Hiking ง่ายๆค่ะ จุดหมายคือน้ำตก Lulumahu Falls นางบอกว่าให้ยูวเริ่มตั้งแต่แบบเบๆก่อน ดูว่ายูวจะทนได้แค่ไหน หึหึ!ประเมินชั้นต่ำไปแล้ววววว
ตอนแรกทางเดินจะสบายๆก่อน สีเขียวสวยเชียว เหมือนบ้าน Hobbit เลย
แล้วนี่หนูจะแอ่นทำไมเหรอคะ?
ต่อมาทางเข้าเริ่มจะเละขึ้น สภาพป่าเป็นแบบว่าป่าฝนเขตร้อนชื้นมาก ฉ่ำเชียว
ต้องปีนป่ายต้นไม้ที่มันล้มๆ ขวางทาง ต้องโดดไปโดดมาบนก้อนหิน
ร้องไห้หนักมาก พา Nike ลูกรักมาเจออารายเนี่ย นางเห็นสภาพเราแล้วบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปซื้อรองเท้าใหม่ดีกว่านะ แหะๆ
และแล้ววววว...เราก็มาถึงน้ำตก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสน้ำตกจริงๆเลยนะเนี่ย บ้านนอกจีจี น้ำตกสวยยยยยยยย เย็นฉ่ำดีมาก
มีสายรุ้งตรงที่น้ำตกลงมากระทบหินด้วยอ๊ะ
มีฝนตกปรอยๆระหว่างทางเดินกลับ ไม่ค่อยเจอคนอื่นเลยแฮะ เจอแค่ 3 คนกับ 1 หมา อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันพฤหัสมั้ง คนเขาทำงานกัน ก็เสร็จสิ้นภารกิจวันนี้
ตอนเย็นออกไปหาอะไรกินกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งแถวๆหาดไวกิกิ คนพาไปก็ยังไม่เคยไปเหมือนกันจ้า นางอ่านมาจากรีวิว ก็เลยพากันไปลอง สั่งเป็น Tonkatsu set มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย เลือกรส cheese, okonomiyaki แล้วก็อะไรอีกอย่างจำไม่ได้แล้ว==”
มาเสริฟพร้อมข้าวในถังกลมๆเล็กๆ สั่ง takoyaki ไปอีกอย่าง อาหารมาหน้าตาน่ากินดี รสชาติอร่อยมว๊ากกกก ชีสนี่เยิ้มๆเลย ทาโกก็อร่อยฟินนนน
ค่าเสียหายไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เอ้อ! ลืมพูดเรื่องทิปเลย ที่นี่บังคับทิปอย่างที่รู้ๆกันเนาะ เพื่อนเรานี่เก่งเลขไปเลย555 20%ทุกๆมื้อ คูณหารกันเข้าไป เอาหล่ะ ท้องอิ่มก็นอนหลับสบายแน่ๆคืนนี้
DAY3 Happy Aloha Friday!
วันนี้เอาจริงแล้ว ตอนสายๆเพื่อนพาออกไปซื้อรองเท้ามาปีนเขา ได้มา 2 คู่ สบายได้ นางบอกว่าไม่เป็นไรถ้าเลอะซักไม่ออกก็ทิ้งไปเลย ไม่แพง ไม่ต้องเสียดาย โอ้วววว...ดีๆ วันนี้ไปปีนไหนกันดี >>Aiea loop trail (Keaiwa Heiau Loop Trail)
พอมีรองเท้าพร้อมลุย คราวนี้สภาพป่าไม่เปียกแฉะแล้วแฮะ แห้งงงงงสนิทเลยค่า เดินชมนกชมไม้กันไปเรื่อยๆก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
สักค่อนทางก็แวะนั่งพักแปปนึงเติมพลัง วิวสวยดี ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยที่ปีนขึ้นมาดูหน่อย ตรงกลางนั่นเป็น Highway ท่ามกลางขุนเขา^^
เดินวนครบ loop ก็กลับมาที่รถ เพื่อนบอกระยะทางทั้งหมดที่เราเดินกันมา 8 กิโลเมตร แม่จ้าววว ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เย็นนี้เนื่องจากเป็นวันศุกร์ ที่หาด Waikiki เขาจะมีจุดพลุตอน 19:45 เพื่อนก็เลยพาไปดูพลุกันก่อน
ประมาณ 5 นาทีก็เสร็จละ มีโชว์อันนี้ต่อด้วย
ถึงเวลากินแล้ว วันนี้กินที่ Jimmy Buffett’s restaurant ได้มาสามอย่าง Nachos, Cesar salad แล้วก็ AHI steak ถ่ายรูปมาได้จานเดียว
AHI เป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่ง มาแบบแหม่... ดิบมากเลยค่ะหนู ปกติเราไม่กินปลาดิบกับเนื้อวัวนะ จานนี้ก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครกิน เพราะเพื่อนก็กิน Nachos ของโปรดจนอิ่มไปก่อนแล้ว สรุปว่าก็ห่อกลับบ้านกันไป
DAY4 Diamond Head ที่เขาเลื่องลือกันว่ามาฮาวายจะต้องไป
ตื่นเต้นอ่ะ เพื่อนบอกว่ายากขึ้นกว่าเมื่อวานนะ เราก็อื้ม...เก่งอยู่ละ แค่นี้เอง ทางขึ้นไปตอนแรกจะสบายมาก
เป็นทางเดินปกติเราเนี่ยแหล่ะ เทคอนกรีตซะด้วย
ดีใจได้สักพักต่อไปจะเป็นทางเกินหินๆแคบๆมีที่กั้นไม่ให้ตกลงไป
เดินวนๆกันไปจนเจออุโมงค์วนๆ==” พ้นอุโมงค์ไปจะเป็นบันไดแคบและชัน แต่แบ่งเป็น 2 lanes ขาขึ้นกับขาลง อะไรมันจะขนาดนั้น เริ่มจะเหงื่อตกละ ด่านสุดท้ายเป็นบันไดวนเกลียวๆค่า เหมือนจะสนุกแต่เอาเข้าจริงเหนื่อยหอบแฮ่กเลย พอขึ้นไปถึงบนสุดเท่าน้านนนนน ลืมไปเลยที่เคยเหนื่อยมา วิวพาโนรามา 360 องศามันสวย stunning มากกกกกกกก มองเห็นเส้นขอบฟ้า ลมพัดแรงร่างแทบปลิว รักเลยอ่ะ
โชว์น่องโป่งๆซึ่งเป็นผลจากการปีนขึ้นมา 555 จริงๆโป่งมาแต่กำเนิด
อันนี้เป็นรูปถ่ายตอนขาลงแล้ว จะเห็นเป็นแอ่งเหมือนกระทะเลย ขาลงนี่มันสบายกว่าเยอะจริงๆ
ถ้าจะลงมาแล้วนึกถึงอาหารหร่อยๆมื้อเที่ยงแล้วกลับไปนอนงีบกลางวัน ผิดแล้วค่า 555 เพราะว่าวันนี้จะยังไม่จบง่ายๆแค่นี้ นางบอกว่าไหนๆก็เก่งแล้ว ไปปีนกันอีกซักหนึ่ง hill ฮ่ะ!!!!??? นี่แกพูดเรื่องจริงกับช้านอยู่ใช่ม๊ายยยย
To be continued
[CR] [REVIEW] ทริป 12 วันบินเดี่ยวเที่ยวฮาวาย Honolulu :April 1-12, 2015
รูปทั้งหมดถ่ายจาก Iphone 5 และ 6 plus ค่ะ บวกกับความไม่ได้เรื่องของคนถ่ายรูปไม่ค่อยจะเป็น ขออภัยยย
หลังจากตื่นเต้นกับการขอวีซ่ามาแล้ว คราวนี้ถึงเวลาวางแผนการเดินทางกันแล้วค่ะ จริงๆไม่ถือว่าวางแผนอะไรจริงจังขนาดนั้น เพราะว่ามีคนนำเที่ยวอยู่แล้ว 555 ก็แค่คิดๆไว้ว่าไปฮาวายทั้งทีเนี่ย อยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (ก็ want จะไปตามแพลนที่ทำไว้ตอนไปขอวีซ่านั่นแหล่ะค่า) สาระสำคัญสำหรับเราก็คือการจองตั๋วเครื่องบินค่ะ ตั้งใจจะไปวันที่ 3-15 เมษายน 2558 แต่กว่าจะคุยกับครอบครัวรู้เรื่อง กว่าจะได้เริ่มจองตั๋วเครื่องบินก็เหลือเวลาอีกแค่ 1 สัปดาห์กว่าๆก่อนวันเดินทางแล้ว เข้าไปดูตั๋วตามสายการบินต่างๆก็เงิบบบ...
แพงกว่าตอนนี้เข้าไปดูเล่นๆตอนก่อนจะได้วีซ่ามากมาย เริ่มเข้าสู่สภาวะช็อค คือไม่เคยเดินทางไง พูดง่ายๆว่าบ้านนอก
ไปโวยวายกับเพื่อนรัก เลยได้คำแนะนำมาว่าให้จองผ่าน agency เพื่อนก็ช่วย search หาอย่างสุดความสามารถ ลุ้นละทึกมาก
จนในที่สุด 25 เมษายน ก็ได้ตั๋วมาในราคาที่สวยงามตามท้องเรื่อง China airlines ไป-กลับ 35,050 บาทถ้วน transit ที่ TAIPEI ปลื้มปริ่มมากค่า แต่เปลี่ยนวันเดินทางมาเป็น 1-13 เมษายน 2558 ตื่นเต้นเลยทีนี้
คืนก่อนวันเดินทางประมาณตี3 เพื่อนไลน์มารัวๆ ส่งรูปบ้านมาให้ดูพร้อมที่อยู่ บอกว่าเป็นแพลนบีเผื่อว่าหากันที่สนามบินไม่เจอจริงๆ
ให้ขึ้นแท็กซี่ไปที่บ้านนาง บอกที่ซ่อนกุญแจบ้าน ให้เข้าไปให้บ้านหารหัส wifi แล้วไลน์หากัน แหม่! ตกลงกันไว้ว่าจะมารับไง
รู้นะว่านางรอบคอบแต่ทำเอาหนูนอนไม่หลับอีกเลยค่า
วันเดินทาง ร้องไห้ดราม่ากับเพื่อนที่ไปส่งและโทรไป say goodbye ครอบครัว
พร้อมกับดราม่า again 555 บ้าไปแล้ว อันนี้เป็นรูปที่สภาพยังสวยเป็นปกติอยู่ค่ะ ยังไม่ดราม่า คิคิ
ที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือ flight 17:05 เครื่องจะดีเลย์ครึ่งชั่วโมง จริงๆแล้วเรามีเวลา transit 1 ชั่วโมง 15 นาที
ก็เหลือ 45 นาที บ้าไปแล้วววว เป็นไปไม่ด้ายยยยยย พี่ที่ counter check-in ก็เลื่อนที่นั่งมาให้หน้าๆ เพื่อจะวิ่งออกมาก่อน
เพราะ flight ต่อไปออก 23:00 local time เอาเข้าจริงกว่าเครื่องจะ land ก็ 22:48 ละ คือตื่นเต้นมากกกกกกก transit ครั้งแรกในชีวิตของช้านน พอลงจากเครื่องได้รีบวิ่งไปตามทางเพื่อหา Gate ยังดีมีฝรั่งอีก 2 คนวิ่งเป็นเพื่อนด้วย ค่อยโล่งใจนิดนึง และในที่สุดเราก็ทำได้ค่ะ
เข้าไปเป็นที่โหล่แต่ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้ได้ไปเป็นพอ นี่เหมือนกับว่าบินตรงเลยนะเนี่ย ไม่เสียเวลารอเล้ยยยย
คราวนี้ก็นั่งกันไปยาวๆค่ะ 9 ชั่วโมงถ้าจำไม่ผิดอะนะ มาว่ากันด้วยเรื่องที่นั่งในเครื่อง ตอนนั้นเพื่อนนางส่งรูปตอนเครื่องจะ land ที่ Honolulu มาให้ดู มันสวยมากกกก เห็น Diamond Head ชัดแจ่ม เราก็อยากจะเอามั่งค่ะ แต่ก็นะ...บอกเอเจนซี่ว่าขอที่นั่งติดหน้าต่างนะคะ แล้วก็ได้มาสมใจค่ะ ติดหน้าต่างทุก flight แต่ แต่ แต่...ชั้นนั่งอยู่บนปีกกกกกกกกกกกก อิบร้า!!!รูปที่ได้มาจึงเป็นเช่นนี้แลฯ
ตอนก่อนเครื่อง land เขาจะมีใบให้เราเขียน declare ว่าเราหอบอะไรเข้ามาในประเทศเขาบ้าง ก็ติ๊กๆไปตามความจริงค่ะ ด้านหลังมีที่ว่างให้เขียนด้วย เอ๊อะ! ไม่รู้จะเขียนอะไรค่ะ เลยสะกิดคุณลุงฝรั่งๆข้างๆที่นั่งมาด้วยกันไม่เคยพูดกันเลย 555 คุณลุงก็หยิบแว่นมาใส่อีกที
แล้วอธิบายให้พร้อมกับเขียนให้ด้วย น่ารักจุง แล้วจากนั้น...กลายเป็นว่าคุยกันไม่หยุดเลยค่า แหม รู้งี้คุยด้วยตั้งนานละ
และแล้ววววว...15:00 ก็ถึงสนามบิน HNL ตรงเวลาดี ผ่าน ตม.ออกมาสบายๆค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด(ไปเอง)
ตม.ใจดีปั๊มให้อยู่ได้ 6 เดือน!!! ออกมาจากสนามบินแบบเอ๋อๆ ยืนรออะไรก็ไม่รู้ 555 รอคนมารับอย่างมีความหวังไง๊
ช้านไม่อยากขึ้นแท็กซี่ ช้านเป็นคนโก๊ะและโง่มาก ยืนอยู่แค่ 3 นาทีก็มีเทพบุตรเดินมารับ
โอ้ววววว...ขอบคุณเธอที่ไม่ทำให้เราต้องผจญภัยอีกต่อไปแล้ว สิ้นสุดความโดดเดี่ยว ณ บัดนาว
มีพวงมาลัยมาคล้องคอด้วย Hawaiian style เรารู้จักแค่ดอกกล้วยไม้ ส่วนดอกเล็กๆสีขาวชื่ออะไรไม่รู้
หอมอบอวลดีมาก นางคนซื้อก็ไม่รู้จักเช่นกันค่ะ
พอถึงบ้านก็พาทัวร์บ้านพอเป็นพิธี แนะนำการใช้นู่นนี่นั่น แล้วนางก็ต้องออกไปเรียน Japanese Class ค่ะ บอกให้เราอาบน้ำพักผ่อน
กำชับนักหนาว่าห้ามหลับ*** เดี๋ยวสองทุ่มครึ่งนางจะกลับมารับออกไปกินข้าว เป็นร้านอาหารอิตาเลียน
ชื่อร้าน BRAVO! เราสั่งเป็น Spaghetti Chicken parmesan มาแบบว่า
จานใหญ่อลังการมาก นางบอกว่า “Welcome to America” ที่นี่อาหารจานใหญ่ๆทั้งนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น DAY2 ถึงแม้ว่าไกด์ส่วนตัวจะยังต้องทำงานในวันนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ทำครึ่งวันเอง ตอนบ่ายก็ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว แบบว่างกค่ะ อุตส่าห์ไปไกลถึงโน่นละ จะมาอ่อนแอ jet lag อยู่ไม่ด้ายย ต้องเอาให้คุ้ม555 แพลนของเราวันนี้คือออกไป Hiking ง่ายๆค่ะ จุดหมายคือน้ำตก Lulumahu Falls นางบอกว่าให้ยูวเริ่มตั้งแต่แบบเบๆก่อน ดูว่ายูวจะทนได้แค่ไหน หึหึ!ประเมินชั้นต่ำไปแล้ววววว ตอนแรกทางเดินจะสบายๆก่อน สีเขียวสวยเชียว เหมือนบ้าน Hobbit เลย
แล้วนี่หนูจะแอ่นทำไมเหรอคะ?
ต่อมาทางเข้าเริ่มจะเละขึ้น สภาพป่าเป็นแบบว่าป่าฝนเขตร้อนชื้นมาก ฉ่ำเชียว
ต้องปีนป่ายต้นไม้ที่มันล้มๆ ขวางทาง ต้องโดดไปโดดมาบนก้อนหิน
ร้องไห้หนักมาก พา Nike ลูกรักมาเจออารายเนี่ย นางเห็นสภาพเราแล้วบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปซื้อรองเท้าใหม่ดีกว่านะ แหะๆ
และแล้ววววว...เราก็มาถึงน้ำตก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสน้ำตกจริงๆเลยนะเนี่ย บ้านนอกจีจี น้ำตกสวยยยยยยยย เย็นฉ่ำดีมาก
มีสายรุ้งตรงที่น้ำตกลงมากระทบหินด้วยอ๊ะ
มีฝนตกปรอยๆระหว่างทางเดินกลับ ไม่ค่อยเจอคนอื่นเลยแฮะ เจอแค่ 3 คนกับ 1 หมา อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันพฤหัสมั้ง คนเขาทำงานกัน ก็เสร็จสิ้นภารกิจวันนี้
ตอนเย็นออกไปหาอะไรกินกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งแถวๆหาดไวกิกิ คนพาไปก็ยังไม่เคยไปเหมือนกันจ้า นางอ่านมาจากรีวิว ก็เลยพากันไปลอง สั่งเป็น Tonkatsu set มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย เลือกรส cheese, okonomiyaki แล้วก็อะไรอีกอย่างจำไม่ได้แล้ว==”
มาเสริฟพร้อมข้าวในถังกลมๆเล็กๆ สั่ง takoyaki ไปอีกอย่าง อาหารมาหน้าตาน่ากินดี รสชาติอร่อยมว๊ากกกก ชีสนี่เยิ้มๆเลย ทาโกก็อร่อยฟินนนน
ค่าเสียหายไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เอ้อ! ลืมพูดเรื่องทิปเลย ที่นี่บังคับทิปอย่างที่รู้ๆกันเนาะ เพื่อนเรานี่เก่งเลขไปเลย555 20%ทุกๆมื้อ คูณหารกันเข้าไป เอาหล่ะ ท้องอิ่มก็นอนหลับสบายแน่ๆคืนนี้
DAY3 Happy Aloha Friday!
วันนี้เอาจริงแล้ว ตอนสายๆเพื่อนพาออกไปซื้อรองเท้ามาปีนเขา ได้มา 2 คู่ สบายได้ นางบอกว่าไม่เป็นไรถ้าเลอะซักไม่ออกก็ทิ้งไปเลย ไม่แพง ไม่ต้องเสียดาย โอ้วววว...ดีๆ วันนี้ไปปีนไหนกันดี >>Aiea loop trail (Keaiwa Heiau Loop Trail)
พอมีรองเท้าพร้อมลุย คราวนี้สภาพป่าไม่เปียกแฉะแล้วแฮะ แห้งงงงงสนิทเลยค่า เดินชมนกชมไม้กันไปเรื่อยๆก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
สักค่อนทางก็แวะนั่งพักแปปนึงเติมพลัง วิวสวยดี ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยที่ปีนขึ้นมาดูหน่อย ตรงกลางนั่นเป็น Highway ท่ามกลางขุนเขา^^
เดินวนครบ loop ก็กลับมาที่รถ เพื่อนบอกระยะทางทั้งหมดที่เราเดินกันมา 8 กิโลเมตร แม่จ้าววว ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เย็นนี้เนื่องจากเป็นวันศุกร์ ที่หาด Waikiki เขาจะมีจุดพลุตอน 19:45 เพื่อนก็เลยพาไปดูพลุกันก่อน
ประมาณ 5 นาทีก็เสร็จละ มีโชว์อันนี้ต่อด้วย
ถึงเวลากินแล้ว วันนี้กินที่ Jimmy Buffett’s restaurant ได้มาสามอย่าง Nachos, Cesar salad แล้วก็ AHI steak ถ่ายรูปมาได้จานเดียว
AHI เป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่ง มาแบบแหม่... ดิบมากเลยค่ะหนู ปกติเราไม่กินปลาดิบกับเนื้อวัวนะ จานนี้ก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครกิน เพราะเพื่อนก็กิน Nachos ของโปรดจนอิ่มไปก่อนแล้ว สรุปว่าก็ห่อกลับบ้านกันไป
DAY4 Diamond Head ที่เขาเลื่องลือกันว่ามาฮาวายจะต้องไป
ตื่นเต้นอ่ะ เพื่อนบอกว่ายากขึ้นกว่าเมื่อวานนะ เราก็อื้ม...เก่งอยู่ละ แค่นี้เอง ทางขึ้นไปตอนแรกจะสบายมาก
เป็นทางเดินปกติเราเนี่ยแหล่ะ เทคอนกรีตซะด้วย
ดีใจได้สักพักต่อไปจะเป็นทางเกินหินๆแคบๆมีที่กั้นไม่ให้ตกลงไป
เดินวนๆกันไปจนเจออุโมงค์วนๆ==” พ้นอุโมงค์ไปจะเป็นบันไดแคบและชัน แต่แบ่งเป็น 2 lanes ขาขึ้นกับขาลง อะไรมันจะขนาดนั้น เริ่มจะเหงื่อตกละ ด่านสุดท้ายเป็นบันไดวนเกลียวๆค่า เหมือนจะสนุกแต่เอาเข้าจริงเหนื่อยหอบแฮ่กเลย พอขึ้นไปถึงบนสุดเท่าน้านนนนน ลืมไปเลยที่เคยเหนื่อยมา วิวพาโนรามา 360 องศามันสวย stunning มากกกกกกกก มองเห็นเส้นขอบฟ้า ลมพัดแรงร่างแทบปลิว รักเลยอ่ะ
โชว์น่องโป่งๆซึ่งเป็นผลจากการปีนขึ้นมา 555 จริงๆโป่งมาแต่กำเนิด
อันนี้เป็นรูปถ่ายตอนขาลงแล้ว จะเห็นเป็นแอ่งเหมือนกระทะเลย ขาลงนี่มันสบายกว่าเยอะจริงๆ
ถ้าจะลงมาแล้วนึกถึงอาหารหร่อยๆมื้อเที่ยงแล้วกลับไปนอนงีบกลางวัน ผิดแล้วค่า 555 เพราะว่าวันนี้จะยังไม่จบง่ายๆแค่นี้ นางบอกว่าไหนๆก็เก่งแล้ว ไปปีนกันอีกซักหนึ่ง hill ฮ่ะ!!!!??? นี่แกพูดเรื่องจริงกับช้านอยู่ใช่ม๊ายยยย
To be continued
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น