ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เราเคยเขียนกระทู้ลงที่ dek-d แล้ว แต่ที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ที่พันทิปอีกเนี่ย ก็เพราะว่าตอนที่เราหาข้อมูลที่เกี่ยวกับ WAT
เราก็ได้มาหาข้อมูลที่ pantip ด้วยเหมือนกัน แล้วพอเรารวบรวมข้อมูลหลายๆอย่างจนคิดว่าลงตัวแล้ว เลยอยากนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้คนที่สนใจจะไป WAT
มาศึกษาข้อมูลเผื่อจะได้ข้อมูลใหม่ๆบ้างนะคะ
วันนี้เราจะมาแบ่งปันบทสัมภาษณ์ของนักศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่องประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ Work & Travel เราและเพื่อนๆในคณะได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจ็คของวิชาพหุวัฒนธรรม โดยเลือกเรื่องเอง และที่เราเลือกเรื่องนี้ก็เพราะว่ากำลังสนใจที่จะไปWATอยู่พอดี และที่นำมาเผยแพร่เนี่ยก็เพราะเราอยากส่งต่อข้อมูลต่างๆ เพื่อที่ให้คนที่กำลังสนใจที่จะไป WAT มาศึกษาข้อมูลกันก่อนที่จะไป WAT กันเนอะ
เริ่มที่บทสัมภาษณ์ของนักศึกษาคนแรกกันเลยนะคะ
นางสาวธนพร พิทักษ์เขื่อนขันธ์ หรือพี่มิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
พี่มีแรงจูงใจจากการที่อยากได้รับประสบการณ์ทางภาษาและการทำงานในต่างแดนจึงได้เข้าร่วมโครงการ WAT
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
ในด้านการเตรียมตัวของพี่ก็ไม่มีอะไรมากนักเพราะมีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนมาก่อนแล้ว ก็มีบางสิ่งที่ต้องเตรียมไปเป็นพิเศษคือ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ในการดำเนินชีวิต
งานที่เลือกทำ?
ตอนแรกพี่เลือกกับโครงการว่าจะทำงานในร้านอาหารเพราะว่าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการกิน เพราะคิดว่าทำงานในครัว ถ้าวันไหนกับข้าวเหลือก็จะสามารถห่อกลับไปกินได้ แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเพราะไปถึงก็ตกงานเลย พี่เลยได้เปลี่ยนงานไปทำงานที่ร้านกิ๊ฟช็อปและเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก ผู้คนไม่ค่อยออกมานอกบ้าน นายจ้างจึงเลือกที่จะไม่เปิดร้านทำให้ตกงานและขาดรายได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำ และยังมีผลกระทบทางด้านการกินอยู่ตามมาอีก ต่อมาพี่ก็พยายามหางานใหม่ จนได้งานเป็นคนขายชุดว่ายน้ำ ของเล่น และของฝาก ที่ร้าน Beach Wear ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยหนักและไม่ยากนัก ทำให้พี่ไม่ได้ประสบปัญหาในการทำงานและพี่ก็ยังชอบงานที่นี่มาก เพราะนายจ้างเข้าใจคนไทย ชอบนิสัยคนไทย ในด้านที่เราทำงานเก่ง ให้ทำอะไรก็ทำ
มี Culture shock มั้ย?
การไป WAT ครั้งนี้ ไม่เจอ Culture shock แต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นครั้งแรกที่เคยไปโครงการแลกเปลี่ยน ก็จะมีด้านวัฒนธรรมการกินที่อาเจนติน่าและวัฒนธรรมการแสดงความรัก คนที่นั่นจะทานแต่เนื้อกับเนย ซึ่งไม่ได้ทานแป้งเลย ทำให้กินได้ไม่เยอะเพราะไม่ชินกับรสชาติ จนทำให้น้ำหนักลดไปถึง 5 กิโลกรัม แล้วการแสดงความรักของคนที่นั่นจะชัดเจน และโจ่งแจ้งมาก ไม่ว่าจะเป็นภายในครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก ยิ่งถ้าเป็นคู่รัก เค้าจะแสดงออกกันทุกที่เลย อยากจู๋จี๋กันที่ไหนก็ทำ จูบกันในที่สาธารณะจนเป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะ
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมก็ได้แลกเปลี่ยนกับคนโรมาเนียในด้านมุมมองที่เค้ามีต่อคนไทย มีการปรับความคิดให้เข้าใจกันมากขึ้น
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
อุปสรรคช่วงแรกก็จะเป็นสภาพอากาศที่หนาวมาก ด้วยความที่เราเป็นคนไทยจึงค่อนข้างที่ปรับตัวได้ยากและปัญหาเรื่องงานที่ช่วงแรกที่นายจ้างไม่สามารถรับเราเข้าทำงานได้ จึงทำให้พี่ว่างงานถึง 1 เดือนเต็ม พี่จึงต้องได้เปลี่ยนและงานใหม่เอง จำเป็นที่ต้องเดินหางานเป็นกิโล
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
สุดท้ายนี้พี่ก็อยากจะแนะนำให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ให้เลือกองค์กรที่ดี ใส่ใจเรา ค้นหางานที่ตนเองชอบ เลือกรัฐที่ตนเองสนใจ ใครที่ต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ต่างประเทศก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะต้องลองสักครั้งในชีวิตค่ะ
มาต่อกันที่คนที่สองกันเลยนะคะ
นางสาวสุภัชชา กาลวิบูลย์ หรือพี่ฟิล์ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
เพราะโดยส่วนตัวพี่ฟิล์มชอบการผจญภัย พบเจออะไรใหม่ๆ โดยได้ไปที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
พี่ฟิล์มได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างถี่ถ้วน พี่ฟิล์มได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งมีผู้พักอาศัยรวมกัน 12 คน จากหลากหลายเชื้อชาติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปัญหาในด้านการสื่อการบ้างในบางครั้ง ส่วนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันก็มีทั้งการพูดคุยกันแลกเปลี่ยนกัน และการทำอาหารร่วมกัน
งานที่เลือกทำ?
การทำงานพี่ฟิล์มเลือกทำงานที่ร้าน MacDonald ซึ่งนายจ้างเป็นคนเข้มงวดในการทำงานมาก จึงทำให้เกิดความอึดอัดบ้างในเวลาทำงาน แต่ก็สามารถปรับตัวได้ในที่สุด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
ปัญหาเรื่องการเงิน พี่ฟิล์มจึงแนะนำผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ว่า ควรใช้เงินให้เป็น ไม่ควรฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะจะทำให้เดือดร้อนได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ในเรื่องของภาษาอังกฤษ ไม่ควรไป WAT ที่แคลิฟอเนียร์ เพราะที่นั่นมีคนไทยอยู่เป็นจำนวนมาก หากไปอยู่อาจไม่ได้ฝึกการใช้ภาษาได้มากเท่าที่ควร
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT นั้น ควรศึกษาข้อมูลให้มากๆ ทั้งเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง วัฒนธรรมหรือเรื่องของสภาพอากาศต่างๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้น
นายปกรณ์ พุฒิเสถียร หรือพี่อุ้ม นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยเข้าร่วมโครงการ WAT ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐวิสคอนซิน เมืองวิสคอนซินเดลส์
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยากเข้าร่วมโครงการนี้ก็คือ เราเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ ก็เลยอยากฝึกภาษาที่ใช้ได้จริงได้อยู่กับภาษานั้นจริงๆ ทำให้เราปรับตัวได้กับภาษานั้น แล้วก็พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆ อย่างแท้จริง การที่อยู่กับเจ้าของภาษาจะทำไห้เราสื่อสารกับเขาได้อย่างรวดเร็ว
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
เรื่องการเตรียมตัวก่อนไป พี่ได้ศึกษาสภาพอากาศของเมืองที่เราจะไปจะได้เตรียมเสื้อผ้าของเราที่จะใช้ได้อย่างถูกต้อง ดูโลเคชั่นของสถานที่ที่เราจะไปทำงานว่ามันอยู่ตรงไหน มันมีสถานที่อะไรที่สำคัญๆแถวนั้น เวลาไปเราจะได้ไม่ต้องตื่นตระหนก แน่นอนว่าเราต้องศึกษาวัฒนธรรมก่อนไปอยู่แล้วเพราะแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เพื่อไม่เกิดอาการ culture shock เราต้องศึกษาการใช้ชีวิตของประชากรเมืองนั้น มีอะไรสำคัญ อย่างตัวพี่ก็ศึกษาจาก วีดีโอจาก YouTube ครับ
การปรับตัวระหว่าง WAT?
พี่ได้อาศัยอยู่กับรูมเมท ซึ่งช่วงแรกเป็นคนฟิลิปปินส์แต่ช่วงหลังเปลี่ยนเป็นคนไทยเพราะคนฟิลิปปินส์เขากรนดัง การปรับตัวในช่วงแรก คือการหัดฟังภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาเพราะมันแตกต่างจากที่เราฟังในห้องเรียนมาก ต้องค่อยๆตั้งใจฟัง แล้วก็มีการปรับตัวเรื่องอากาศ ซึ่งช่วงแรกที่ไปจะเป็นช่วง Spring ของเขาแต่อากาศยังหนาวอยู่ ซึ่งมีอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับอากาศใส่เสื้อผ้าหนาๆ อาการ culture shock นี่ไม่มีเลย เฉยๆมาก โดยส่วนตัวเป็นคนชอบวัฒนธรรมประเทศอเมริกาอยู่แล้วด้วยจึงไม่ตกใจครับ
งานที่เลือกทำ?
สำหรับการทำงาน พี่เลือกทำร้านอาหารที่ชื่อว่า ร้าน Paul Bunyan's Northwood restaurant ที่เลือกร้านนี้ เพราะคิดว่าร้านอาหารทำไห้เราได้ฝึกภาษากว่างานทั่วไป ประสบการณ์การทำงาน ในช่วงแรกเป็นการทำงานที่หนักมากและมีความสับสน เพราะว่านายจ้างอยากให้เราทำงานทุกตำแหน่ง ทำให้ต้องจดจำรายละเอียดของงานในทุกแผนก นายจ้างเขาก็เป็นคนละเอียดมาก งานทุกอย่างต้องออกมาดีมากๆ ต้องสะอาด ได้มาตรฐาน
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
เรื่องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมก็มีการที่เราทำอาหารไทยให้เขากิน การสอนภาษาไทยเบื้องต้นเช่น การพูดสวัสดี การไหว้ เป็นต้น
อุปสรรคของการไป WAT?
อุปสรรคจากการเข้าร่วมโครงการก็มีเรื่อง ภาษาที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเราแล้วก็ค่าใช้จ่ายที่สูงในช่วงแรก
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
โครงการ WAT เป็นโครงการที่ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากจะมีประสบการณ์ในชีวิตเยอะๆ แต่อยากฝากให้หาข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ บริษัทหรือว่าตัวงานที่เราเลือก ต้องเลือกให้ match กับตัวเราเอง ไม่ควรตามเพื่อน เพราะว่าเราอาจจะไม่ชอบแล้วก็ไม่อยากทำงานนั้นเลย
เล่าประสบการณ์ WORK AND TRAVEL จากบทสัมภาษณ์ของนักศึกษา มข.
เราก็ได้มาหาข้อมูลที่ pantip ด้วยเหมือนกัน แล้วพอเรารวบรวมข้อมูลหลายๆอย่างจนคิดว่าลงตัวแล้ว เลยอยากนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้คนที่สนใจจะไป WAT
มาศึกษาข้อมูลเผื่อจะได้ข้อมูลใหม่ๆบ้างนะคะ
วันนี้เราจะมาแบ่งปันบทสัมภาษณ์ของนักศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่องประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ Work & Travel เราและเพื่อนๆในคณะได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจ็คของวิชาพหุวัฒนธรรม โดยเลือกเรื่องเอง และที่เราเลือกเรื่องนี้ก็เพราะว่ากำลังสนใจที่จะไปWATอยู่พอดี และที่นำมาเผยแพร่เนี่ยก็เพราะเราอยากส่งต่อข้อมูลต่างๆ เพื่อที่ให้คนที่กำลังสนใจที่จะไป WAT มาศึกษาข้อมูลกันก่อนที่จะไป WAT กันเนอะ
เริ่มที่บทสัมภาษณ์ของนักศึกษาคนแรกกันเลยนะคะ
นางสาวธนพร พิทักษ์เขื่อนขันธ์ หรือพี่มิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
พี่มีแรงจูงใจจากการที่อยากได้รับประสบการณ์ทางภาษาและการทำงานในต่างแดนจึงได้เข้าร่วมโครงการ WAT
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
ในด้านการเตรียมตัวของพี่ก็ไม่มีอะไรมากนักเพราะมีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนมาก่อนแล้ว ก็มีบางสิ่งที่ต้องเตรียมไปเป็นพิเศษคือ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ในการดำเนินชีวิต
งานที่เลือกทำ?
ตอนแรกพี่เลือกกับโครงการว่าจะทำงานในร้านอาหารเพราะว่าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการกิน เพราะคิดว่าทำงานในครัว ถ้าวันไหนกับข้าวเหลือก็จะสามารถห่อกลับไปกินได้ แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเพราะไปถึงก็ตกงานเลย พี่เลยได้เปลี่ยนงานไปทำงานที่ร้านกิ๊ฟช็อปและเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก ผู้คนไม่ค่อยออกมานอกบ้าน นายจ้างจึงเลือกที่จะไม่เปิดร้านทำให้ตกงานและขาดรายได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำ และยังมีผลกระทบทางด้านการกินอยู่ตามมาอีก ต่อมาพี่ก็พยายามหางานใหม่ จนได้งานเป็นคนขายชุดว่ายน้ำ ของเล่น และของฝาก ที่ร้าน Beach Wear ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยหนักและไม่ยากนัก ทำให้พี่ไม่ได้ประสบปัญหาในการทำงานและพี่ก็ยังชอบงานที่นี่มาก เพราะนายจ้างเข้าใจคนไทย ชอบนิสัยคนไทย ในด้านที่เราทำงานเก่ง ให้ทำอะไรก็ทำ
มี Culture shock มั้ย?
การไป WAT ครั้งนี้ ไม่เจอ Culture shock แต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นครั้งแรกที่เคยไปโครงการแลกเปลี่ยน ก็จะมีด้านวัฒนธรรมการกินที่อาเจนติน่าและวัฒนธรรมการแสดงความรัก คนที่นั่นจะทานแต่เนื้อกับเนย ซึ่งไม่ได้ทานแป้งเลย ทำให้กินได้ไม่เยอะเพราะไม่ชินกับรสชาติ จนทำให้น้ำหนักลดไปถึง 5 กิโลกรัม แล้วการแสดงความรักของคนที่นั่นจะชัดเจน และโจ่งแจ้งมาก ไม่ว่าจะเป็นภายในครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก ยิ่งถ้าเป็นคู่รัก เค้าจะแสดงออกกันทุกที่เลย อยากจู๋จี๋กันที่ไหนก็ทำ จูบกันในที่สาธารณะจนเป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะ
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมก็ได้แลกเปลี่ยนกับคนโรมาเนียในด้านมุมมองที่เค้ามีต่อคนไทย มีการปรับความคิดให้เข้าใจกันมากขึ้น
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
อุปสรรคช่วงแรกก็จะเป็นสภาพอากาศที่หนาวมาก ด้วยความที่เราเป็นคนไทยจึงค่อนข้างที่ปรับตัวได้ยากและปัญหาเรื่องงานที่ช่วงแรกที่นายจ้างไม่สามารถรับเราเข้าทำงานได้ จึงทำให้พี่ว่างงานถึง 1 เดือนเต็ม พี่จึงต้องได้เปลี่ยนและงานใหม่เอง จำเป็นที่ต้องเดินหางานเป็นกิโล
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
สุดท้ายนี้พี่ก็อยากจะแนะนำให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ให้เลือกองค์กรที่ดี ใส่ใจเรา ค้นหางานที่ตนเองชอบ เลือกรัฐที่ตนเองสนใจ ใครที่ต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ต่างประเทศก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะต้องลองสักครั้งในชีวิตค่ะ
มาต่อกันที่คนที่สองกันเลยนะคะ
นางสาวสุภัชชา กาลวิบูลย์ หรือพี่ฟิล์ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
เพราะโดยส่วนตัวพี่ฟิล์มชอบการผจญภัย พบเจออะไรใหม่ๆ โดยได้ไปที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
พี่ฟิล์มได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างถี่ถ้วน พี่ฟิล์มได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งมีผู้พักอาศัยรวมกัน 12 คน จากหลากหลายเชื้อชาติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปัญหาในด้านการสื่อการบ้างในบางครั้ง ส่วนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันก็มีทั้งการพูดคุยกันแลกเปลี่ยนกัน และการทำอาหารร่วมกัน
งานที่เลือกทำ?
การทำงานพี่ฟิล์มเลือกทำงานที่ร้าน MacDonald ซึ่งนายจ้างเป็นคนเข้มงวดในการทำงานมาก จึงทำให้เกิดความอึดอัดบ้างในเวลาทำงาน แต่ก็สามารถปรับตัวได้ในที่สุด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
ปัญหาเรื่องการเงิน พี่ฟิล์มจึงแนะนำผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ว่า ควรใช้เงินให้เป็น ไม่ควรฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะจะทำให้เดือดร้อนได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ในเรื่องของภาษาอังกฤษ ไม่ควรไป WAT ที่แคลิฟอเนียร์ เพราะที่นั่นมีคนไทยอยู่เป็นจำนวนมาก หากไปอยู่อาจไม่ได้ฝึกการใช้ภาษาได้มากเท่าที่ควร
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT นั้น ควรศึกษาข้อมูลให้มากๆ ทั้งเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง วัฒนธรรมหรือเรื่องของสภาพอากาศต่างๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้น
นายปกรณ์ พุฒิเสถียร หรือพี่อุ้ม นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยเข้าร่วมโครงการ WAT ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐวิสคอนซิน เมืองวิสคอนซินเดลส์
ทำไมถึงไป Work & Travel ?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยากเข้าร่วมโครงการนี้ก็คือ เราเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ ก็เลยอยากฝึกภาษาที่ใช้ได้จริงได้อยู่กับภาษานั้นจริงๆ ทำให้เราปรับตัวได้กับภาษานั้น แล้วก็พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆ อย่างแท้จริง การที่อยู่กับเจ้าของภาษาจะทำไห้เราสื่อสารกับเขาได้อย่างรวดเร็ว
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
เรื่องการเตรียมตัวก่อนไป พี่ได้ศึกษาสภาพอากาศของเมืองที่เราจะไปจะได้เตรียมเสื้อผ้าของเราที่จะใช้ได้อย่างถูกต้อง ดูโลเคชั่นของสถานที่ที่เราจะไปทำงานว่ามันอยู่ตรงไหน มันมีสถานที่อะไรที่สำคัญๆแถวนั้น เวลาไปเราจะได้ไม่ต้องตื่นตระหนก แน่นอนว่าเราต้องศึกษาวัฒนธรรมก่อนไปอยู่แล้วเพราะแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เพื่อไม่เกิดอาการ culture shock เราต้องศึกษาการใช้ชีวิตของประชากรเมืองนั้น มีอะไรสำคัญ อย่างตัวพี่ก็ศึกษาจาก วีดีโอจาก YouTube ครับ
การปรับตัวระหว่าง WAT?
พี่ได้อาศัยอยู่กับรูมเมท ซึ่งช่วงแรกเป็นคนฟิลิปปินส์แต่ช่วงหลังเปลี่ยนเป็นคนไทยเพราะคนฟิลิปปินส์เขากรนดัง การปรับตัวในช่วงแรก คือการหัดฟังภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาเพราะมันแตกต่างจากที่เราฟังในห้องเรียนมาก ต้องค่อยๆตั้งใจฟัง แล้วก็มีการปรับตัวเรื่องอากาศ ซึ่งช่วงแรกที่ไปจะเป็นช่วง Spring ของเขาแต่อากาศยังหนาวอยู่ ซึ่งมีอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับอากาศใส่เสื้อผ้าหนาๆ อาการ culture shock นี่ไม่มีเลย เฉยๆมาก โดยส่วนตัวเป็นคนชอบวัฒนธรรมประเทศอเมริกาอยู่แล้วด้วยจึงไม่ตกใจครับ
งานที่เลือกทำ?
สำหรับการทำงาน พี่เลือกทำร้านอาหารที่ชื่อว่า ร้าน Paul Bunyan's Northwood restaurant ที่เลือกร้านนี้ เพราะคิดว่าร้านอาหารทำไห้เราได้ฝึกภาษากว่างานทั่วไป ประสบการณ์การทำงาน ในช่วงแรกเป็นการทำงานที่หนักมากและมีความสับสน เพราะว่านายจ้างอยากให้เราทำงานทุกตำแหน่ง ทำให้ต้องจดจำรายละเอียดของงานในทุกแผนก นายจ้างเขาก็เป็นคนละเอียดมาก งานทุกอย่างต้องออกมาดีมากๆ ต้องสะอาด ได้มาตรฐาน
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
เรื่องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมก็มีการที่เราทำอาหารไทยให้เขากิน การสอนภาษาไทยเบื้องต้นเช่น การพูดสวัสดี การไหว้ เป็นต้น
อุปสรรคของการไป WAT?
อุปสรรคจากการเข้าร่วมโครงการก็มีเรื่อง ภาษาที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเราแล้วก็ค่าใช้จ่ายที่สูงในช่วงแรก
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
โครงการ WAT เป็นโครงการที่ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากจะมีประสบการณ์ในชีวิตเยอะๆ แต่อยากฝากให้หาข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ บริษัทหรือว่าตัวงานที่เราเลือก ต้องเลือกให้ match กับตัวเราเอง ไม่ควรตามเพื่อน เพราะว่าเราอาจจะไม่ชอบแล้วก็ไม่อยากทำงานนั้นเลย