เพื่อนๆ เคยโดน "อิจฉา" กันบ้างมั้ยคะ?.. ไม่อิจฉาธรรมดา แต่ถึงขั้นริษยา จนไม่อยากเห็นเราได้ดี หากเป็นคนทั่วไปมันก็คงไม่รู้สึกอะไรมากมายหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็น "เพื่อน" ที่เรารู้จักกันมาตั้งนาน และเราจริงใจกับเขามากๆ มันคงจะเจ็บปวดน่าดู หากรู้ว่าลับหลัง เค้าไม่ได้เห็นเราเป็น "เพื่อน" ทว่า กลับเห็นเราเป็น "คู่แข่ง" อยู่เสมอ.. อีกทั้งไม่ยินดีกับความสำเร็จของเรา ทั้งๆ ที่ชีวิตเราก็ไม่ได้ดีเด่อะไรไปกว่าเขาเลย
เราเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาเรื่อง "เพื่อนรักแช่งชักหักกระดูก" มาตั้งแต่เด็กๆ แต่มาหนักเอาตอนเรียนมหาลัยนี่แหละค่ะ
เราเป็นคนร่าเริง และเข้ากับคนอื่นง่าย จึงทำให้รู้จักคนเยอะ และแน่นอน มีเพื่อนเยอะ เราสนุกกับชีวิตที่ถูกรายล้อมไปด้วยคนมากหน้าหลายตา จนไม่ทันสังเกต "เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง" ที่เราไปไหนมาไหนด้วย ว่าเขาเริ่มสะสมความอิจฉานับแต่นั้นเป็นต้นมา คนแรก.. เกลียดเราเพราะว่า เราเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และมีเพื่อนเยอะ ทั้งๆ ที่เราเรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะไม่เข้าว้าก แต่เราก็เป็นเพื่อนกับคนที่เอาทั้งโซตัส และไม่เอาโซตัสได้ ในขณะที่เพื่อนคนนี้คิดว่า สิ่งที่เราเป็น (คนร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย) นั้น "ดัดจริต" เรารู้เรื่องนี้จากเพื่อนอีกคนซึ่งเคยคลุกคลีกับเพื่อนคนนี้ แต่ทนไม่ไหวจึงแยกตัวออกมา ทีแรกเราก็ไม่อยากลงหลักปักใจเชื่อ แต่หลังจากที่เราเจอเพื่อนคนนี้ที่อื่น ไม่ว่าเราจะพยายามทักทายตามปกติแค่ไหน เธอคนนี้ก็จะเมิน ทำเป็นไม่เห็นเรา และอาการเกลียดชังยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น.. เมื่อเราไปงานเลี้ยงของสาขาที่เรียนอยู่ เธอพูดจาประชดประชันเรา ไม่คุยกับเรา ไม่มองหน้า และทำท่าเหวี่ยงเราอย่างชัดเจน เราจึงรู้แต่นั้นเป็นต้นมาว่า "เราโดนเกลียดอย่างไม่มีเหตุผลเข้าให้แล้ว".. เราจึงแยกตัวจากเพื่อนคนนี้ และคบกับเพื่อนอีกคน ซึ่งจบจากโรงเรียนเดียวกัน แต่ก็ไม่วายต้องโดนอิจฉาอีกจนได้.. ซึ่งคราวนี้มันไร้สาระกว่าเดิม ตรงที่เป็นเรื่อง "ผู้ชาย" เราชอบผู้ชายคนเดียวกัน แต่เราไม่ปริปากพูด เพื่อนเราคนนี้ดูออกว่าเรารู้สึกอย่างไร เธอจึงพยายามมากขึ้นที่จะปลีกตัวคนที่เราชอบไปอยู่กับเธอสองต่อสอง ครั้งหนึ่งเธอเคยแกล้งป่วยนานมาก เพื่อให้คนที่เราชอบไปรับไปส่ง และมีเวลาอยู่กับเธอบ่อยๆ เราเป็นผู้หญิงรู้ดีว่ามันผิดปกติ (แล้วก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเพื่อนเราคนนี้มาสารภาพทีหลังว่าที่ทำแบบนั้นเพราะอยากใกล้ชิดกับคนที่เราชอบ อยากได้ใจเขา ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้เรา เพราะดูออกว่าเขาชอบเรา ) เราก็รักเพื่อนเรานะ (ถึงแม้จะตกใจที่รู้ว่าทุกอย่างที่เธอทำมันเป็นละคร) เลยหลีกทางให้ แต่ตอนหลัง ผู้ชายที่เราชอบก็มาสารภาพว่าเขาชอบเราทีหลังเอง...
ผ่านไป 1 ปี เราก็ทะเลาะกับเพื่อนคนนี้อีก แล้วเราก็ได้ล่วงรู้ความรู้สึกลึกๆ ภายในใจ ว่าเขาไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อนเลย ก็ตอนที่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่ลามไปเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเพื่อนเราเถียงไม่ได้ เลยไปลากเอาเรื่องอื่นที่มันไม่เกี่ยวเข้ามาว่าให้เรา ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเรากับคนอีกคน แต่เธอดันไปรู้สึกแทนคนๆ นั้นเอง เพราะ เธอชอบคนนั้น (ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีแฟนแล้ว..) ตั้งแต่นั้นมา ถึงแม้เราจะขอโทษกัน แต่เราต่างรู้ว่า ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถึงแม้เธอจะพยายามแก้ไขสิ่งที่เธอเคยทำกับเรา แต่เธอก็ไม่เคยทำดีได้อย่างเต็มใจเลยสักครั้ง ระยะหลังๆ มานี้ เรารู้ว่า เพื่อนคนนี้เอาเรื่องที่เราเคยปรึกษาเธอไปโพนทนาให้คนอื่นฟังเสียๆ หายๆ เราจึงตีตัวห่างจากเพื่อนคนนี้อีก ทุกวันนี้ เราคบกับเพื่อนผู้ชายเแทน.. เรารู้สึก สบายใจกว่า ถึงแม้คนนอกจะมองว่าเรา "แรดที่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้ชายเป็นคู่" แต่เราบอกตรงๆ ตั้งแต่คบเพื่อนผู้ชายนี่ เราไม่ต้องฟังเรื่องนินทาใคร มันไม่มีเรื่องอิจฉา ริษยากันเลย เขาไม่เห็นเราเป็นคู่แข่ง แต่กลับเห็นเราเป็น "เพื่อน" คอยตาม คอยช่วยเหลือกันตลอด ไม่ใช่คอยกันท่าจะ "แข่งกัน" จะเอาเรื่องเราไปพูดต่อลับหลังอย่างเดียว เราผิดหวังกับเรื่องความสัมพันธ์มามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าเรามี "กัลยาณมิตร" คอยเคียงข้างเราจริงๆ
คบ(เพื่อน)ผู้หญิงไม่สบายใจ ก็หันมาคบผู้ชายดีกว่า!!!
เราเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาเรื่อง "เพื่อนรักแช่งชักหักกระดูก" มาตั้งแต่เด็กๆ แต่มาหนักเอาตอนเรียนมหาลัยนี่แหละค่ะ
เราเป็นคนร่าเริง และเข้ากับคนอื่นง่าย จึงทำให้รู้จักคนเยอะ และแน่นอน มีเพื่อนเยอะ เราสนุกกับชีวิตที่ถูกรายล้อมไปด้วยคนมากหน้าหลายตา จนไม่ทันสังเกต "เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง" ที่เราไปไหนมาไหนด้วย ว่าเขาเริ่มสะสมความอิจฉานับแต่นั้นเป็นต้นมา คนแรก.. เกลียดเราเพราะว่า เราเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และมีเพื่อนเยอะ ทั้งๆ ที่เราเรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะไม่เข้าว้าก แต่เราก็เป็นเพื่อนกับคนที่เอาทั้งโซตัส และไม่เอาโซตัสได้ ในขณะที่เพื่อนคนนี้คิดว่า สิ่งที่เราเป็น (คนร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย) นั้น "ดัดจริต" เรารู้เรื่องนี้จากเพื่อนอีกคนซึ่งเคยคลุกคลีกับเพื่อนคนนี้ แต่ทนไม่ไหวจึงแยกตัวออกมา ทีแรกเราก็ไม่อยากลงหลักปักใจเชื่อ แต่หลังจากที่เราเจอเพื่อนคนนี้ที่อื่น ไม่ว่าเราจะพยายามทักทายตามปกติแค่ไหน เธอคนนี้ก็จะเมิน ทำเป็นไม่เห็นเรา และอาการเกลียดชังยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น.. เมื่อเราไปงานเลี้ยงของสาขาที่เรียนอยู่ เธอพูดจาประชดประชันเรา ไม่คุยกับเรา ไม่มองหน้า และทำท่าเหวี่ยงเราอย่างชัดเจน เราจึงรู้แต่นั้นเป็นต้นมาว่า "เราโดนเกลียดอย่างไม่มีเหตุผลเข้าให้แล้ว".. เราจึงแยกตัวจากเพื่อนคนนี้ และคบกับเพื่อนอีกคน ซึ่งจบจากโรงเรียนเดียวกัน แต่ก็ไม่วายต้องโดนอิจฉาอีกจนได้.. ซึ่งคราวนี้มันไร้สาระกว่าเดิม ตรงที่เป็นเรื่อง "ผู้ชาย" เราชอบผู้ชายคนเดียวกัน แต่เราไม่ปริปากพูด เพื่อนเราคนนี้ดูออกว่าเรารู้สึกอย่างไร เธอจึงพยายามมากขึ้นที่จะปลีกตัวคนที่เราชอบไปอยู่กับเธอสองต่อสอง ครั้งหนึ่งเธอเคยแกล้งป่วยนานมาก เพื่อให้คนที่เราชอบไปรับไปส่ง และมีเวลาอยู่กับเธอบ่อยๆ เราเป็นผู้หญิงรู้ดีว่ามันผิดปกติ (แล้วก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเพื่อนเราคนนี้มาสารภาพทีหลังว่าที่ทำแบบนั้นเพราะอยากใกล้ชิดกับคนที่เราชอบ อยากได้ใจเขา ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้เรา เพราะดูออกว่าเขาชอบเรา ) เราก็รักเพื่อนเรานะ (ถึงแม้จะตกใจที่รู้ว่าทุกอย่างที่เธอทำมันเป็นละคร) เลยหลีกทางให้ แต่ตอนหลัง ผู้ชายที่เราชอบก็มาสารภาพว่าเขาชอบเราทีหลังเอง...
ผ่านไป 1 ปี เราก็ทะเลาะกับเพื่อนคนนี้อีก แล้วเราก็ได้ล่วงรู้ความรู้สึกลึกๆ ภายในใจ ว่าเขาไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อนเลย ก็ตอนที่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่ลามไปเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเพื่อนเราเถียงไม่ได้ เลยไปลากเอาเรื่องอื่นที่มันไม่เกี่ยวเข้ามาว่าให้เรา ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเรากับคนอีกคน แต่เธอดันไปรู้สึกแทนคนๆ นั้นเอง เพราะ เธอชอบคนนั้น (ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีแฟนแล้ว..) ตั้งแต่นั้นมา ถึงแม้เราจะขอโทษกัน แต่เราต่างรู้ว่า ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถึงแม้เธอจะพยายามแก้ไขสิ่งที่เธอเคยทำกับเรา แต่เธอก็ไม่เคยทำดีได้อย่างเต็มใจเลยสักครั้ง ระยะหลังๆ มานี้ เรารู้ว่า เพื่อนคนนี้เอาเรื่องที่เราเคยปรึกษาเธอไปโพนทนาให้คนอื่นฟังเสียๆ หายๆ เราจึงตีตัวห่างจากเพื่อนคนนี้อีก ทุกวันนี้ เราคบกับเพื่อนผู้ชายเแทน.. เรารู้สึก สบายใจกว่า ถึงแม้คนนอกจะมองว่าเรา "แรดที่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้ชายเป็นคู่" แต่เราบอกตรงๆ ตั้งแต่คบเพื่อนผู้ชายนี่ เราไม่ต้องฟังเรื่องนินทาใคร มันไม่มีเรื่องอิจฉา ริษยากันเลย เขาไม่เห็นเราเป็นคู่แข่ง แต่กลับเห็นเราเป็น "เพื่อน" คอยตาม คอยช่วยเหลือกันตลอด ไม่ใช่คอยกันท่าจะ "แข่งกัน" จะเอาเรื่องเราไปพูดต่อลับหลังอย่างเดียว เราผิดหวังกับเรื่องความสัมพันธ์มามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าเรามี "กัลยาณมิตร" คอยเคียงข้างเราจริงๆ