สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องยี่ห้อขอไม่พูดถึงเพราะผมไม่ได้มีส่วนได้เสีย
การกรองน้ำก็ต้องอาศัยไส้กรอง ไส้กรองแต่ละชนิดก็มีความสามารถต่างกัน ส่วนมากแล้วการกรองลำดับแรกจะเป็นการกรองเอาสารแขวนลอยต่างๆ เช่นฝุ่นผง ฯลฯ ออกไป จากนั้นก็อาศัยไส้กรองอันต่อๆ ไปในการปรับคุณภาพน้ำ ไส้กรองที่ใช้สำหรับปรับคุณภาพน้ำก็มีประเภทไส้กรองคาร์บอนและเรซิ่น
คราวนี้ลองมามองดูเครื่องกรองต่างๆ ที่มีขายกัน บางยี่ห้อก็แพงแสนแพง บางยี่ห้อก็ราคาถูกกว่า แล้วผู้บริโภคจะเลือกอย่างไรจึงจะไม่เป็นการเสียค่าฉลาดน้อยให้กับผู้ค้า
เครื่องกรองน้ำสำหรับการบริโภคตามบ้านจะมีอยู่หลากหลาย
1. เริ่มกันที่แบบกระบอกเดียว มีไส้กรองอันเดียว เครื่องกรองลักษณะนี้ก็เป็นเครื่องกรองที่ความเห็น 2 และ 3 แนะนำเข้ามา เครื่องกรองแบบนี้จะรวมเอาไส้กรองสำหรับการกรองสารแขวนลอยและไส้กรองคาร์บอนเพื่อปรับคุณภาพน้ำไว้ในอันเดียวกัน เครื่องกรองยี่ห้อนี้เฉพาะตัวเครื่องก็ต้องควักเงินเป็นเลขห้าหลัก เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองก็ต้องกำเงินไว้เผื่ออีกสามสี่พันเพื่อเปลี่ยนไส้กรองหนึ่งอัน เรื่องราคาสูงก็คงเป็นไปตามกลไกทางการค้าเพราะยิ่งมีผู้ได้รับผลประโยชน์จากการขายเครื่องนี้มากขั้นเท่าไร ราคาที่ผู้ซื้อต้องจ่ายก็ยิ่งต้องสูงขึ้นเท่านั้นไม่อย่างนั้นผลกำไรก็จะไม่พอเพียงสำหรับแบ่งปันให้กับผู้ขายปลายสาย ไล่ไปตามเส้นทางถึงหัวหน้าสายไปจนถึงขาใหญ่แล้วก็บริษัท
2. แบบต่อมาก็เป็นแบบที่เขาเรียกกันว่า 3 ขั้นตอน เครื่องกรองแบบนี้จะมีไส้กรองสามอัน อันแรกสำหรับกรองสารแขวนลอย อันที่สองและสามก็มักจะเป็นคาร์บอนและเรซิ่นสำหรับการปรับคุณภาพน้ำ เครื่องกรองแบบนี้ถ้าซื้อตามห้างก็ราคาสูงหน่อยแต่ถ้าไปซื้อถึงแหล่งค้าส่งที่แถวสวนสยาม ราคาก็จะอยู่ที่ไม่กี่ร้อยบาท การเปลี่ยนไส้กรองทั้งสามอันน่าจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 ร้อยบาท
3. แบบต่อมาก็เป็นแบบที่เรียกกันว่า 5 ขั้นตอน สามขั้นตอนแรกก็จะเหมือนกันแบบ 3 ขั้นตอนแต่มีเพิ่มไส้กรองตัวที่ 4 เพื่อกรองสารแขวนลอยให้ได้ละเอียดมากขึ้นตามด้วยไส้กรองสำหรับปรับคุณภาพน้ำอีกเป็นขั้นตอนสุดท้าย เครื่องกรองแบบนี้ราคาชุดละต่ำกว่าพัน (ที่แหล่งขายส่ง)
4. เครื่องกรองแบบ 5 ขั้นตอนยังมีการปรับปรุงความสามารถด้วยการเปลี่ยนไส้กรองในลำดับที่ 4 ให้เป็นแบบ UF เพื่อให้กรองสารแขวนลอยได้ดียิ่งขึ้น ราคาเครื่องก็จะปรับขึ้นอีกเล็กน้อยอันเป็นผลจากราคาไส้กรอง UF
5. พ้นจากแบบ 5 ขั้นตอนก็คงต้องเป็นแบบ RO (Reverse Osmosis) เครื่องกรองนี้ประกอบด้วยไส้กรองสำหรับกรองสารแขวนลอยเป็นลำดับแรกแล้วตามด้วยไส้กรองคาร์บอนและเรซิ่น จากนั้นก็จะมีปั๊มในระบบเพื่อเพิ่มแรงดันของน้ำให้สามารถดันผ่านไส้กรองแบบเมมเบรนซึ่งจะทำหน้าที่กรองเอาสารแขวนลอยรวมทั้งสารละลายที่มีอยู่ในน้ำออกไปด้วย จากนั้นจึงผ่านกรองคาร์บอนเพื่อปรับคุณภาพเป็นลำดับสุดท้ายก่อนใช้งาน เครื่องกรองแบบ RO ราคาต่อชุดอยู่ที่ต่ำกว่า 3000 บาท (แหล่งขายส่ง) ค่าเปลี่ยนไส้กรองทั้งชุดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 500 บาท
(เครื่องกรองตามข้อ 2 - 5 สามารถหาซื้อได้ตามห้างเช่นกันแต่ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการบวกราคาขึ้นไปเพื่อจะได้มีผลกำไรเพียงพอสำหรับแบ่งปันกัน เท่าที่เคยเห็นมา ราคามักจะถูกบวกสูงขึ้นไปมากกว่าหลักพัน)
ในบรรดาเครื่องกรองต่างๆ เครื่องกรองระบบ RO ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถกรองได้แม้กระทั่งสารละลายที่เครื่องกรองระบบอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ น้ำดื่มบรรจุขวดที่วางขายกันอยู่ เกือบทั้งหมดเป็นน้ำที่กรองด้วยระบบ RO
อยากได้คุณภาพน้ำระดับไหนก็ลองพิจารณาเอาเองครับ ถ้าอยากได้แบบที่สามารถเอาไว้คุยโม้อวดเพื่อนบ้านได้ก็เอาตามความเห็นที่ 2 และ 3 แต่ถ้าคิดว่าเงินทองเป็นของหายาก จะใช้จะจ่ายก็ต้องมีเหตุผลประกอบที่ดีก็ลองพิจารณาเครื่องกรองแบบ 3 ขั้นตอน แบบ 5 ขั้นตอนหรือแบบ RO ยิ่งถ้าสามารถเข้าไปซื้อได้ถึงที่แหล่งขายส่งก็จะยิ่งประหยัดเงินไปได้อีกมาก
ลองอ่านกระทู้ที่ความเห็นที่ 6 แนะนำแล้วค่อยตัดสินใจครับ
การกรองน้ำก็ต้องอาศัยไส้กรอง ไส้กรองแต่ละชนิดก็มีความสามารถต่างกัน ส่วนมากแล้วการกรองลำดับแรกจะเป็นการกรองเอาสารแขวนลอยต่างๆ เช่นฝุ่นผง ฯลฯ ออกไป จากนั้นก็อาศัยไส้กรองอันต่อๆ ไปในการปรับคุณภาพน้ำ ไส้กรองที่ใช้สำหรับปรับคุณภาพน้ำก็มีประเภทไส้กรองคาร์บอนและเรซิ่น
คราวนี้ลองมามองดูเครื่องกรองต่างๆ ที่มีขายกัน บางยี่ห้อก็แพงแสนแพง บางยี่ห้อก็ราคาถูกกว่า แล้วผู้บริโภคจะเลือกอย่างไรจึงจะไม่เป็นการเสียค่าฉลาดน้อยให้กับผู้ค้า
เครื่องกรองน้ำสำหรับการบริโภคตามบ้านจะมีอยู่หลากหลาย
1. เริ่มกันที่แบบกระบอกเดียว มีไส้กรองอันเดียว เครื่องกรองลักษณะนี้ก็เป็นเครื่องกรองที่ความเห็น 2 และ 3 แนะนำเข้ามา เครื่องกรองแบบนี้จะรวมเอาไส้กรองสำหรับการกรองสารแขวนลอยและไส้กรองคาร์บอนเพื่อปรับคุณภาพน้ำไว้ในอันเดียวกัน เครื่องกรองยี่ห้อนี้เฉพาะตัวเครื่องก็ต้องควักเงินเป็นเลขห้าหลัก เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองก็ต้องกำเงินไว้เผื่ออีกสามสี่พันเพื่อเปลี่ยนไส้กรองหนึ่งอัน เรื่องราคาสูงก็คงเป็นไปตามกลไกทางการค้าเพราะยิ่งมีผู้ได้รับผลประโยชน์จากการขายเครื่องนี้มากขั้นเท่าไร ราคาที่ผู้ซื้อต้องจ่ายก็ยิ่งต้องสูงขึ้นเท่านั้นไม่อย่างนั้นผลกำไรก็จะไม่พอเพียงสำหรับแบ่งปันให้กับผู้ขายปลายสาย ไล่ไปตามเส้นทางถึงหัวหน้าสายไปจนถึงขาใหญ่แล้วก็บริษัท
2. แบบต่อมาก็เป็นแบบที่เขาเรียกกันว่า 3 ขั้นตอน เครื่องกรองแบบนี้จะมีไส้กรองสามอัน อันแรกสำหรับกรองสารแขวนลอย อันที่สองและสามก็มักจะเป็นคาร์บอนและเรซิ่นสำหรับการปรับคุณภาพน้ำ เครื่องกรองแบบนี้ถ้าซื้อตามห้างก็ราคาสูงหน่อยแต่ถ้าไปซื้อถึงแหล่งค้าส่งที่แถวสวนสยาม ราคาก็จะอยู่ที่ไม่กี่ร้อยบาท การเปลี่ยนไส้กรองทั้งสามอันน่าจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 ร้อยบาท
3. แบบต่อมาก็เป็นแบบที่เรียกกันว่า 5 ขั้นตอน สามขั้นตอนแรกก็จะเหมือนกันแบบ 3 ขั้นตอนแต่มีเพิ่มไส้กรองตัวที่ 4 เพื่อกรองสารแขวนลอยให้ได้ละเอียดมากขึ้นตามด้วยไส้กรองสำหรับปรับคุณภาพน้ำอีกเป็นขั้นตอนสุดท้าย เครื่องกรองแบบนี้ราคาชุดละต่ำกว่าพัน (ที่แหล่งขายส่ง)
4. เครื่องกรองแบบ 5 ขั้นตอนยังมีการปรับปรุงความสามารถด้วยการเปลี่ยนไส้กรองในลำดับที่ 4 ให้เป็นแบบ UF เพื่อให้กรองสารแขวนลอยได้ดียิ่งขึ้น ราคาเครื่องก็จะปรับขึ้นอีกเล็กน้อยอันเป็นผลจากราคาไส้กรอง UF
5. พ้นจากแบบ 5 ขั้นตอนก็คงต้องเป็นแบบ RO (Reverse Osmosis) เครื่องกรองนี้ประกอบด้วยไส้กรองสำหรับกรองสารแขวนลอยเป็นลำดับแรกแล้วตามด้วยไส้กรองคาร์บอนและเรซิ่น จากนั้นก็จะมีปั๊มในระบบเพื่อเพิ่มแรงดันของน้ำให้สามารถดันผ่านไส้กรองแบบเมมเบรนซึ่งจะทำหน้าที่กรองเอาสารแขวนลอยรวมทั้งสารละลายที่มีอยู่ในน้ำออกไปด้วย จากนั้นจึงผ่านกรองคาร์บอนเพื่อปรับคุณภาพเป็นลำดับสุดท้ายก่อนใช้งาน เครื่องกรองแบบ RO ราคาต่อชุดอยู่ที่ต่ำกว่า 3000 บาท (แหล่งขายส่ง) ค่าเปลี่ยนไส้กรองทั้งชุดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 500 บาท
(เครื่องกรองตามข้อ 2 - 5 สามารถหาซื้อได้ตามห้างเช่นกันแต่ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการบวกราคาขึ้นไปเพื่อจะได้มีผลกำไรเพียงพอสำหรับแบ่งปันกัน เท่าที่เคยเห็นมา ราคามักจะถูกบวกสูงขึ้นไปมากกว่าหลักพัน)
ในบรรดาเครื่องกรองต่างๆ เครื่องกรองระบบ RO ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถกรองได้แม้กระทั่งสารละลายที่เครื่องกรองระบบอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ น้ำดื่มบรรจุขวดที่วางขายกันอยู่ เกือบทั้งหมดเป็นน้ำที่กรองด้วยระบบ RO
อยากได้คุณภาพน้ำระดับไหนก็ลองพิจารณาเอาเองครับ ถ้าอยากได้แบบที่สามารถเอาไว้คุยโม้อวดเพื่อนบ้านได้ก็เอาตามความเห็นที่ 2 และ 3 แต่ถ้าคิดว่าเงินทองเป็นของหายาก จะใช้จะจ่ายก็ต้องมีเหตุผลประกอบที่ดีก็ลองพิจารณาเครื่องกรองแบบ 3 ขั้นตอน แบบ 5 ขั้นตอนหรือแบบ RO ยิ่งถ้าสามารถเข้าไปซื้อได้ถึงที่แหล่งขายส่งก็จะยิ่งประหยัดเงินไปได้อีกมาก
ลองอ่านกระทู้ที่ความเห็นที่ 6 แนะนำแล้วค่อยตัดสินใจครับ
ความคิดเห็นที่ 91
ที่บ้านเราใช้รุ่นนี้ค่ะ ที่บ้านอยู่กันหลายคน เลยตัดสินใจใช้รุ่นนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนไส้กรอง เพราะครบระยะทางช่างเขาจะเข้ามาเปลี่ยนให้เลย ตัวเครื่องยังสามารถกดน้ำร้อน / น้ำเย็น / และอุณหภูมิปกติได้เลย สะดวกดี ไม่ต้องใช้กาน้ำร้อนอีกเลย (ปกติซื้อน้ำขวด 1เดือนต้องจ่ายค่าน้ำ เดือนละเกือบๆ 2000 พอเปลี่ยนมาใช้เครื่องกรองน้ำแล้วประหยัดขึ้นเยอะเลย) https://shpee-co.link/j07f5r
แสดงความคิดเห็น
เครื่องกรองน้ำแบบไหน กรองน้ำได้เกรดเดียวกับน้ำเปล่าที่ขายทั่วๆไป
ไม่มั่นใจว่าแทกถูกห้องหรือปล่าวนะครับ.