นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉัน ที่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกะเพื่อนๆชาว pantip คะ
เรื่องราวเริ่มต้นมีอยู่ว่า ดิฉันมีแฟนเด็ก โดยส่วนตัวของ ผช (ผช =ผู้ = ผู้ชาย)ก็ชอบรถมอไซค์ แต่ดิฉันก็ไม่เคยซ้อนกันไปไหนไกลๆ สักที ส่วนใหญ่ก็ซ้อนใกล้ๆ บ้าน ไปซื้อกับข้าว ไปออกกำลังกาย หลังจากที่ได้มีการแพลนทริปการเดินทาง ไปดู World superbike ที่บุรีรัมย์ โดยขับรถมอไซค์ไป รุ่นที่เกาะกันไปก็คือ hyperstrada ยี่ห้อDucati (ก็ยี่ห้อที่ออกข่าวบ่อยๆช่วงนี้)
ต๊ายตายความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวคือ ไปกี่วัน แล้วฉันจะแพ็คของไปยังไงเนี่ย เพราะพาหนะคือมอไซค์ ของฉันอีกเยอะแยะ ไหนจะต้องเก็บพื้นที่ไว้ให้อุปกรณ์กล้องของผู้อีก มีกระเป๋าแค่สองข้างรถ เอาวะสู้ตาย จะไม่ไปก็ไม่ได้ ไปตั้ง 4 วัน เราก็ต้องตามไปเฝ้าเป็นธรรมดา โอเค เริ่มปฏิบัติการได้ กางเกงผู้ 4 เสื้อ 4 ชุดนอนคนละหนึ่ง ส่วนของฉัน กางเกงขี่มอไซด์ 1 ตัว ใส่ได้ไปกลับสองวัน(ประหยัดพื้นที่ไปเยอะ) กางเกงขายาวอีก 1 ขาสั้น 1 เสื้อ 4 อุปกรณ์อาบน้ำ และประทินผิวอีก เนื่องจาก ไปสนามแข่งรถต้องกร่ำกับแดดอย่างแน่นอน แค่กันแดดคงไม่พอ ต้องมีafter sun ด้วยไม่งั้นหน้าจะแห้งผากๆมาก แพ็คของเรียบร้อย เอาเป้ไปด้วย 1 ใบเผื่อขาดเลยอะไรจะได้มีที่ใส่ของ พร้อมคะ ออกเดินทางได้
Day 1 : คืนวันศุกร์ที่ 20 มีค.58 ณ เวลา 19.00น. เป็นฤกษ์งามยามดีในการเกาะหลังผู้ไปเที่ยว เป้าหมาย คือ จะไปนอนกันที่วังน้ำเขียว ออกจากพัทยาใช้เส้นทาง กบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ไปหาที่พักกันดาบหน้า เนื่องจากเป็นครั้งแรกในการซ้อนมอเตอร์ไซค์เดินทางไกลๆ บอกเลยว่า ต้องทำใจไว้รอเลยคะ ลำบากแน่นอน ไม่มากก็น้อย ซักซ้อมสัญญาณมือกันสองคน เช่น จะให้ชะลอความเร็วรถ จะให้จอด จะเข้าห้องน้ำ (เพราะไม่มีบลูทูธติดหมวกกันน็อคคะ ประหยัด และกลัวเจ็บหู) เราก็แพลนคร่าวๆ ว่าจุดแรกที่จะแวะพักคือ ปั๊มน้ำมันใหญ่ ๆ แถวกบินทร์บุรี ระยะทางประมาณร้อยก่าโล การควบ(ควบ =ซ้อน) อย่างแท้จริงเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เมื่อควบไปสักระยะ เราจะเริ่มรู้สึกร้อนขาคะ เวลาจอดติดไฟแดง(ซึ่งความร้อนนี้จะไม่เกิด ถ้าไปด้วยรถมอไซด์ธรรมดาที่ไม่ใช่ bigbike) ความรู้สึกต่อมานะคะ คือ เริ่มเมื่อยตูด เมื่อยแคม เจ็บเข่า เพราะต้องใส่กั้นกระแทกที่เข่า safety first นะคะ(ขอบอกสำหรับคนที่คิดจะขี่และซ้อนมอไซค์กัน อุปกรณ์ safety ต้องจัดเต็มนะคะ หมวกกันน็อค เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงมือ) แต่การเจ็บทั้งหลายแหล่ แก้ไขได้คะ เพียงคุณหยุดพัก และลงจากรถมาเดินเล่น มายืนสักพัก แต่ช้าก่อน เนื่องจากมันยังไม่ถึงจุดนัดพักของเรา ดิฉันก็ไม่ยอมบอกคะ เพราะกลัวเสียฟอร์ม ยังไงก็ต้องอดทนถึงจุดที่นัดพักให้จนได้ อ๋อๆๆๆๆๆๆ อีกอาการที่จะได้รับรสสัมผัสคือ อาการสั่นตลอดเวลา ระหว่างนั่งไปก็คิดไปว่า ถ้าพุงกูแนบรถได้ กูคงสลายไขมันได้หลายแคลอรี่ และแล้วความหวังของเราก็มาถึง ได้แวะปั๊มพัก ก่าจะลงรถได้ เหมือนคนไม่สมประกอบ เพราะขา ตูด เข่า เจ็บและชาไปหมด พอตั้งหลักยืนตรงได้เท่านั้นล่ะ บ่นๆๆๆๆบลาๆๆๆให้ผู้ฟังตลอด คุณแฟนผู้แสนดีก็บอกว่า ถ้าเมื่อยไม่ไหวบอกได้นะ จะได้พักเป็นระยะๆ เพราะเราไม่ได้รีบ เดินทางกันเรื่อยๆ ได้จร้า เต็มน้ำมัน แล้วแวะกินข้าวต้มแถวแยกกบิน ก็พร้อมเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือ วังน้ำเขียว ต้องสายตาสอดส่าย หาที่พัก เพราะไม่ได้จองกันไว้ก่อน ผ่านเขาวังน้ำเขียว ถนนก็คดโค้งสองเลนบ้าง สามเลนบ้าง แต่เดี๋ยวก็ได้นอนแล้ว สบายๆ ชิลๆ ขอบอกว่าน้ำใจของผู้ร่วมทางเป็นสิ่งที่ดี และน่ารักมากที่จะทำให้เรามีความสุขระหว่างการเดินทาง กลุ่มบุคคลที่ได้รับการโหวตจากดิฉัน อันดับที่ 1 คืออออออออ พี่ๆรถบรรทุกคะที่ได้ใจน้องไปเต็มๆ เพราะพอเห็นรถมอไซค์มาก็จะคอยหลบ คอยส่งสัญญาณบอกทางข้างหน้าให้ว่าแซงได้รึป่าว แต่ก่อนเราจะมีความรู้สึกว่า พี่ๆ รถบรรทุกน่ากลัว จะโหดๆ ขับแบบไม่ให้ทางใคร ต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะคะ ระหว่างทางก็เจอด่านเป็นระยะๆ 3 ด่าน ผ่านไปฉลุย โดยไม่มีการเรียก สรุปขับผ่านวังน้ำเขียวมาก็ยังไม่ได้ที่พัก เนื่องจากไม่ได้ทำการบ้านมา เลยไม่รู้ว่าจะแวะพักตรงไหน จะเข้าไปห่างจากถนนใหญ่เยอะรึป่าว ปลอดภัยรึป่าว เพราะสิ่งที่คุณแฟนเธอเป็นห่วงมากที่สุด คืออะไรคะ ผช มาตอบหน่อย..... รถคะรถ ก็กัดฟันขมิบตูดเลยไปเรื่อยๆ จนผ่านปักธงชัย แล้วเลี้ยวขวาตรงสี่แยกเพื่อที่จะไปทางบุรีรัมย์ แต่คุยกันไว้ว่า เราจะไม่ไปนอนบุรีรัมย์ คาดว่าที่พักน่าจะเต็มเพราะไม่ได้จองล่วงหน้า และคนน่าจะเยอะ จึงต้องสแกนที่พักข้างทางกันต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่ได้จากการสังเกตที่พักริมทาง คือ ถ้าลงท้ายด้วย อินน์ ส่วนใหญ่จะเป็นม่านรูด ถ้ารีสอร์ท จะเป็นที่พักขนาดเล็ก แบบครอบครัวทำกันเอง อย่างที่บอกว่าคุณแฟนเป็นห่วงรถ เธอจึงเสนอตัวที่จะเลือกที่พักเอง กัดฟันทนมาเรื่อยๆ จนเจอที่พักริมถนนสายหลัก เป็นรีสอร์ทนึง ขนาดค่อนข้างใหญ่ก่าที่ผ่านมา ดูใหม่ และดูดี แต่ดันจำชื่อไม่ได้คะ อยากโปรโมทให้เค้ามากๆ ชื่อ ประมาณ กรีน อะไรสักอย่างนี่หล่ะ ราคาโปรโมชั่น 650 บาทช่วงเปิดใหม่ มีอาหารเช้า เงียบสงบ เพราะมีคนพักแค่สองห้อง ถือว่าเริ่ดเลยล่ะคะ เหนือความคาดหมาย
เมื่อได้ห้องพักแล้ว เป็นเวลาประมาณ เกือบๆเที่ยงคืน เราก็ต้องมาจับเข่าคุยกัน เพื่อประเมินการเดินทางว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งในมุมมองของคนขี่ และคนซ้อน เนื่องจากเกร็งกันทั้งคู่ คนขี่ก็ไม่เคยมีคนซ้อนเป็นระยะทางไกลๆ ขนาดนี้ เราก็ไม่เคยซ้อนบิ๊กไบค์เหมือนกัน โดยสรุปคือ เนื่องจากบิ๊กไบค์เวลาเข้าเกียร์จะค่อนข้างกระตุก และตูดคนซ้อนจะไหลไปรวมร่างกับคนขี่ ซึ่งทำให้คนขี่ต้องเกรงแขนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น สก๊อยควรเกร็งตูด หาที่ยึดไม่ให้ไหลไปรวมกะเค้า แล้วต้องพยายามทำตัวให้กลมกลืนไปกับคนขับ เพื่อไม่ให้เกิดแรงต้านของลม จะประคองรถได้ยาก แต่โดยรวม ถือว่าดิฉันผ่านคอร์สสก๊อย์แล้วคะ แม้จะผ่านตอนช่วงอายุสามสิบก่าๆ ก็เถอะ 5555 รู้สึกภาคภูมิใจ ราวกะได้มง (มง=มงกุฏ)มาสวมหัว พรุ่งนี้สบายล่ะ แค่ 70 ก่าโล ก็จะถึง สนาม Chang International Circuit
สำหรับประสบการณ์วันแรกของดิฉันกับการเป็นสก๊อย์รวม 300 โล คือ บรรยากาศที่คุณจะได้รับเมื่อเดินทางด้วยมอไซด์ ไม่ได้รับจากการเดินทางโดยรถยนต์ ก็คือ ความสั่นของรถ แรงปะทะของลม ซึ่งคุณจะต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ดี และอย่างนึงที่นึกไม่ถึงก็คือ กลิ่น คะกลิ่น คุณจะรู้ได้ทันที ว่าระหว่างทาง คุณผ่านอะไรไปบ้าง แถวนั้นเค้าประกอบอาชีพอะไรกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งกลิ่นลานมันสำปะหลัง กลิ่นขี้ไก่ กลิ่นดอกไม้หอมๆ ข้างทางระหว่างที่ผ่านวังน้ำเขียว (ซึ่งตอนแรกดิฉันก็หลอนสิยะ อยู่ๆมีกลิ่นดอกไม้แปลก ๆ โชยเตะจมูก แต่เมื่อตั้งสติ และเลิกมโนได้ คุณก็จะรู้ว่ามันคือกลิ่นดอกไม้แค่นั้นเอง)
ปล. แฟนเด็กของฉันมีความสุขมาก เพราะตลอดเวลาที่นั่งรถ ฉันไม่ได้พูดคะ เค้ามีความสุขดี ส่วนอิฉัน น้ำลายบูดสิคะ
ไปสี่วัน เอาวันแรกไปก่อนเนาะ ^_____^
เปิดใจ สก๊อย์แก่ ติดแว๊นซ์เด็ก
เรื่องราวเริ่มต้นมีอยู่ว่า ดิฉันมีแฟนเด็ก โดยส่วนตัวของ ผช (ผช =ผู้ = ผู้ชาย)ก็ชอบรถมอไซค์ แต่ดิฉันก็ไม่เคยซ้อนกันไปไหนไกลๆ สักที ส่วนใหญ่ก็ซ้อนใกล้ๆ บ้าน ไปซื้อกับข้าว ไปออกกำลังกาย หลังจากที่ได้มีการแพลนทริปการเดินทาง ไปดู World superbike ที่บุรีรัมย์ โดยขับรถมอไซค์ไป รุ่นที่เกาะกันไปก็คือ hyperstrada ยี่ห้อDucati (ก็ยี่ห้อที่ออกข่าวบ่อยๆช่วงนี้)
ต๊ายตายความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวคือ ไปกี่วัน แล้วฉันจะแพ็คของไปยังไงเนี่ย เพราะพาหนะคือมอไซค์ ของฉันอีกเยอะแยะ ไหนจะต้องเก็บพื้นที่ไว้ให้อุปกรณ์กล้องของผู้อีก มีกระเป๋าแค่สองข้างรถ เอาวะสู้ตาย จะไม่ไปก็ไม่ได้ ไปตั้ง 4 วัน เราก็ต้องตามไปเฝ้าเป็นธรรมดา โอเค เริ่มปฏิบัติการได้ กางเกงผู้ 4 เสื้อ 4 ชุดนอนคนละหนึ่ง ส่วนของฉัน กางเกงขี่มอไซด์ 1 ตัว ใส่ได้ไปกลับสองวัน(ประหยัดพื้นที่ไปเยอะ) กางเกงขายาวอีก 1 ขาสั้น 1 เสื้อ 4 อุปกรณ์อาบน้ำ และประทินผิวอีก เนื่องจาก ไปสนามแข่งรถต้องกร่ำกับแดดอย่างแน่นอน แค่กันแดดคงไม่พอ ต้องมีafter sun ด้วยไม่งั้นหน้าจะแห้งผากๆมาก แพ็คของเรียบร้อย เอาเป้ไปด้วย 1 ใบเผื่อขาดเลยอะไรจะได้มีที่ใส่ของ พร้อมคะ ออกเดินทางได้
Day 1 : คืนวันศุกร์ที่ 20 มีค.58 ณ เวลา 19.00น. เป็นฤกษ์งามยามดีในการเกาะหลังผู้ไปเที่ยว เป้าหมาย คือ จะไปนอนกันที่วังน้ำเขียว ออกจากพัทยาใช้เส้นทาง กบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ไปหาที่พักกันดาบหน้า เนื่องจากเป็นครั้งแรกในการซ้อนมอเตอร์ไซค์เดินทางไกลๆ บอกเลยว่า ต้องทำใจไว้รอเลยคะ ลำบากแน่นอน ไม่มากก็น้อย ซักซ้อมสัญญาณมือกันสองคน เช่น จะให้ชะลอความเร็วรถ จะให้จอด จะเข้าห้องน้ำ (เพราะไม่มีบลูทูธติดหมวกกันน็อคคะ ประหยัด และกลัวเจ็บหู) เราก็แพลนคร่าวๆ ว่าจุดแรกที่จะแวะพักคือ ปั๊มน้ำมันใหญ่ ๆ แถวกบินทร์บุรี ระยะทางประมาณร้อยก่าโล การควบ(ควบ =ซ้อน) อย่างแท้จริงเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เมื่อควบไปสักระยะ เราจะเริ่มรู้สึกร้อนขาคะ เวลาจอดติดไฟแดง(ซึ่งความร้อนนี้จะไม่เกิด ถ้าไปด้วยรถมอไซด์ธรรมดาที่ไม่ใช่ bigbike) ความรู้สึกต่อมานะคะ คือ เริ่มเมื่อยตูด เมื่อยแคม เจ็บเข่า เพราะต้องใส่กั้นกระแทกที่เข่า safety first นะคะ(ขอบอกสำหรับคนที่คิดจะขี่และซ้อนมอไซค์กัน อุปกรณ์ safety ต้องจัดเต็มนะคะ หมวกกันน็อค เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงมือ) แต่การเจ็บทั้งหลายแหล่ แก้ไขได้คะ เพียงคุณหยุดพัก และลงจากรถมาเดินเล่น มายืนสักพัก แต่ช้าก่อน เนื่องจากมันยังไม่ถึงจุดนัดพักของเรา ดิฉันก็ไม่ยอมบอกคะ เพราะกลัวเสียฟอร์ม ยังไงก็ต้องอดทนถึงจุดที่นัดพักให้จนได้ อ๋อๆๆๆๆๆๆ อีกอาการที่จะได้รับรสสัมผัสคือ อาการสั่นตลอดเวลา ระหว่างนั่งไปก็คิดไปว่า ถ้าพุงกูแนบรถได้ กูคงสลายไขมันได้หลายแคลอรี่ และแล้วความหวังของเราก็มาถึง ได้แวะปั๊มพัก ก่าจะลงรถได้ เหมือนคนไม่สมประกอบ เพราะขา ตูด เข่า เจ็บและชาไปหมด พอตั้งหลักยืนตรงได้เท่านั้นล่ะ บ่นๆๆๆๆบลาๆๆๆให้ผู้ฟังตลอด คุณแฟนผู้แสนดีก็บอกว่า ถ้าเมื่อยไม่ไหวบอกได้นะ จะได้พักเป็นระยะๆ เพราะเราไม่ได้รีบ เดินทางกันเรื่อยๆ ได้จร้า เต็มน้ำมัน แล้วแวะกินข้าวต้มแถวแยกกบิน ก็พร้อมเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือ วังน้ำเขียว ต้องสายตาสอดส่าย หาที่พัก เพราะไม่ได้จองกันไว้ก่อน ผ่านเขาวังน้ำเขียว ถนนก็คดโค้งสองเลนบ้าง สามเลนบ้าง แต่เดี๋ยวก็ได้นอนแล้ว สบายๆ ชิลๆ ขอบอกว่าน้ำใจของผู้ร่วมทางเป็นสิ่งที่ดี และน่ารักมากที่จะทำให้เรามีความสุขระหว่างการเดินทาง กลุ่มบุคคลที่ได้รับการโหวตจากดิฉัน อันดับที่ 1 คืออออออออ พี่ๆรถบรรทุกคะที่ได้ใจน้องไปเต็มๆ เพราะพอเห็นรถมอไซค์มาก็จะคอยหลบ คอยส่งสัญญาณบอกทางข้างหน้าให้ว่าแซงได้รึป่าว แต่ก่อนเราจะมีความรู้สึกว่า พี่ๆ รถบรรทุกน่ากลัว จะโหดๆ ขับแบบไม่ให้ทางใคร ต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะคะ ระหว่างทางก็เจอด่านเป็นระยะๆ 3 ด่าน ผ่านไปฉลุย โดยไม่มีการเรียก สรุปขับผ่านวังน้ำเขียวมาก็ยังไม่ได้ที่พัก เนื่องจากไม่ได้ทำการบ้านมา เลยไม่รู้ว่าจะแวะพักตรงไหน จะเข้าไปห่างจากถนนใหญ่เยอะรึป่าว ปลอดภัยรึป่าว เพราะสิ่งที่คุณแฟนเธอเป็นห่วงมากที่สุด คืออะไรคะ ผช มาตอบหน่อย..... รถคะรถ ก็กัดฟันขมิบตูดเลยไปเรื่อยๆ จนผ่านปักธงชัย แล้วเลี้ยวขวาตรงสี่แยกเพื่อที่จะไปทางบุรีรัมย์ แต่คุยกันไว้ว่า เราจะไม่ไปนอนบุรีรัมย์ คาดว่าที่พักน่าจะเต็มเพราะไม่ได้จองล่วงหน้า และคนน่าจะเยอะ จึงต้องสแกนที่พักข้างทางกันต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่ได้จากการสังเกตที่พักริมทาง คือ ถ้าลงท้ายด้วย อินน์ ส่วนใหญ่จะเป็นม่านรูด ถ้ารีสอร์ท จะเป็นที่พักขนาดเล็ก แบบครอบครัวทำกันเอง อย่างที่บอกว่าคุณแฟนเป็นห่วงรถ เธอจึงเสนอตัวที่จะเลือกที่พักเอง กัดฟันทนมาเรื่อยๆ จนเจอที่พักริมถนนสายหลัก เป็นรีสอร์ทนึง ขนาดค่อนข้างใหญ่ก่าที่ผ่านมา ดูใหม่ และดูดี แต่ดันจำชื่อไม่ได้คะ อยากโปรโมทให้เค้ามากๆ ชื่อ ประมาณ กรีน อะไรสักอย่างนี่หล่ะ ราคาโปรโมชั่น 650 บาทช่วงเปิดใหม่ มีอาหารเช้า เงียบสงบ เพราะมีคนพักแค่สองห้อง ถือว่าเริ่ดเลยล่ะคะ เหนือความคาดหมาย
เมื่อได้ห้องพักแล้ว เป็นเวลาประมาณ เกือบๆเที่ยงคืน เราก็ต้องมาจับเข่าคุยกัน เพื่อประเมินการเดินทางว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งในมุมมองของคนขี่ และคนซ้อน เนื่องจากเกร็งกันทั้งคู่ คนขี่ก็ไม่เคยมีคนซ้อนเป็นระยะทางไกลๆ ขนาดนี้ เราก็ไม่เคยซ้อนบิ๊กไบค์เหมือนกัน โดยสรุปคือ เนื่องจากบิ๊กไบค์เวลาเข้าเกียร์จะค่อนข้างกระตุก และตูดคนซ้อนจะไหลไปรวมร่างกับคนขี่ ซึ่งทำให้คนขี่ต้องเกรงแขนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น สก๊อยควรเกร็งตูด หาที่ยึดไม่ให้ไหลไปรวมกะเค้า แล้วต้องพยายามทำตัวให้กลมกลืนไปกับคนขับ เพื่อไม่ให้เกิดแรงต้านของลม จะประคองรถได้ยาก แต่โดยรวม ถือว่าดิฉันผ่านคอร์สสก๊อย์แล้วคะ แม้จะผ่านตอนช่วงอายุสามสิบก่าๆ ก็เถอะ 5555 รู้สึกภาคภูมิใจ ราวกะได้มง (มง=มงกุฏ)มาสวมหัว พรุ่งนี้สบายล่ะ แค่ 70 ก่าโล ก็จะถึง สนาม Chang International Circuit
สำหรับประสบการณ์วันแรกของดิฉันกับการเป็นสก๊อย์รวม 300 โล คือ บรรยากาศที่คุณจะได้รับเมื่อเดินทางด้วยมอไซด์ ไม่ได้รับจากการเดินทางโดยรถยนต์ ก็คือ ความสั่นของรถ แรงปะทะของลม ซึ่งคุณจะต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ดี และอย่างนึงที่นึกไม่ถึงก็คือ กลิ่น คะกลิ่น คุณจะรู้ได้ทันที ว่าระหว่างทาง คุณผ่านอะไรไปบ้าง แถวนั้นเค้าประกอบอาชีพอะไรกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งกลิ่นลานมันสำปะหลัง กลิ่นขี้ไก่ กลิ่นดอกไม้หอมๆ ข้างทางระหว่างที่ผ่านวังน้ำเขียว (ซึ่งตอนแรกดิฉันก็หลอนสิยะ อยู่ๆมีกลิ่นดอกไม้แปลก ๆ โชยเตะจมูก แต่เมื่อตั้งสติ และเลิกมโนได้ คุณก็จะรู้ว่ามันคือกลิ่นดอกไม้แค่นั้นเอง)
ปล. แฟนเด็กของฉันมีความสุขมาก เพราะตลอดเวลาที่นั่งรถ ฉันไม่ได้พูดคะ เค้ามีความสุขดี ส่วนอิฉัน น้ำลายบูดสิคะ
ไปสี่วัน เอาวันแรกไปก่อนเนาะ ^_____^