เราไปอ่านมาคิดว่าน่าสนใจดีเลยเอามาให้อ่านค่ะ
ร้ายสไตล์บายรุ้งรวี เรื่องหมาๆ : ความหมายของหมาระหว่างชนชั้นในสังคมไทย
เรื่อง : รุ้งรวี ศิริธรรมไพบูลย์
เรื่องหมาๆ : ความหมายของหมาระหว่างชนชั้นในสังคมไทย ดิฉันมีหมา 1 ตัว ชื่อ ‘โบโบ้’ อันที่จริงจะบอกว่าดิฉันมีหมา หรือเลี้ยงหมา 1 ตัว คงไม่ถูกนัก
เพราะหากดูตามข้อเท็จจริงว่าใครเป็นเจ้าของมัน น่าจะหมายถึงพ่อและแม่มากกว่า และคนที่เลี้ยงดู น่าจะเป็น ‘คนใช้’ (การใช้คำว่าคนใช้ในปัจจุบันนี้ แลดู
เป็นการกระทำอาชญากรรมและ discriminate มาก เราจะใช้คำว่า แม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงมากกว่า ส่วนเวลาคุยกับเพื่อน เราจะพูดว่ากะเหรี่ยงที่บ้าน ฟังดูน่ารักน่าเอ็นดู) มากกว่า เพราะฉะนั้นหมาตัวนี้จึงเป็นแค่หมาที่อยู่ในครอบครัวของดิฉัน จะเคลมว่าหมาของดิฉันก็คงไม่ถูก วันไหนอารมณ์ดีๆ ก็จะเล่นกันมันบ้าง
วันไหนคิดงานไม่ออก ไม่รู้จะเขียนอะไร แล้วมันมากวน มาเล่นด้วยก็จะให้พี่เลี้ยงเอาตัวมันออกไป อย่างที่เห็นกันในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ หรือข่าวใน
โทรทัศน์ ประเด็นเรื่อง ‘หมา’ ตอนนี้ เป็นข่าวใหญ่ในสังคม เมื่อการจับหมาไปขายกลายเป็นอาชญากรรมของสังคม ที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก จากบรรดากลุ่ม
ก้อนต่างๆ และตอนนี้ก็มีการรณรงค์ไม่กินเนื้อหมา รวมถึงการค้าขายหมาอีกด้วย เรื่องใครผิด ไม่ผิด วัฒนธรรม หรือหมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ นั้น ดิฉันไม่ขอพูดถึง ใครสังกัดอุดมการณ์ใด ก็ว่ากันไป ที่จริงมันจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าเราพูดว่าใครสังกัดอุดมการณ์ใดก็ว่ากันไป แต่ทุกวันนี้ที่เกิดปัญหาคือ อุดมการณ์หนึ่งต้องการจะเทคโอเวอร์อีกอุดมการณ์หนึ่ง ด้วยการเชิดชูอุดมการณ์ของตัวเองว่าเป็นสิ่งที่ ‘ถูกต้อง’ ชักจะมีสาระมากเกินไป กลับมาที่เรื่องเจ้า ‘โบโบ้’ ของดิฉันต่อดีกว่า (แหมมม...ทีตามหน้านิตยสารอื่นๆ ยังมีดารา เซเล็บ มาเล่าเรื่องส่วนตัว เป็นคอลัมน์โด่งดังได้ ทำไมดิฉันจะเขียนเรื่องส่วนตัวบ้างไมได้...ฮึ) โบโบ้ เป็นหมาหน้าตาน่าเกลียดพันธุ์ปั๊ก ในประวัติศาสตร์ครอบครัวของดิฉันเราเคยมีหมา 3 ตัว ตัวแรก ได้มาจากคุณลุงที่ซื้อเป็นของขวัญให้ดิฉันตอนยังเป็นเด็กหญิงรุ้งรวีอยู่ พอตัวแรกตายไป ดิฉันก็โตขึ้น ชักจะสนใจเพศตรงข้ามมากว่าสนใจเรื่องหมา ก็เลยไม่ได้เลี้ยงอีก มามีตัวที่สองชื่อ ‘บิ๊กน้อย’ เมื่อสักปีก่อนได้ แต่ด้วยอุบัติเหตุ พี่เลี้ยงเปิดประตูบ้านให้พ่อขับรถออกจากบ้าน แล้วไม่เห็นว่าบิ๊กน้อยวิ่งออกจากบ้านไปด้วย บิ๊กน้อยจึงโดนรถ (คนอื่น) ทับตาย สิ้นใจคาที่เสีย ณ วินาทีนั้น ยังความสงสัยมาให้ดิฉันอยู่ทุกวันนี้ว่า อีพวกหมาชาวบ้านที่เลี้ยงแบบปล่อยระเกะระกะ นอนตามพื้นถนนหน้าบ้าน ห้องแถว ขี้เยี่ยวรดเหม็นคลุ้งไปหมดเนี่ย ไม่ยักกะโดนรถชนตาย ดูมันจะเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตนอกรั้วบ้านเหลือเกิน หรือว่าการเลี้ยงหมาแบบไฮโซ ที่ขลุกอยู่แต่ในรั้วบ้าน เล่นแต่กับคนอย่างบิ๊กน้อยของครอบครัวดิฉันจะเป็นเรื่องที่ผิด ที่ทำให้หมาไม่มีภูมิคุ้มกันทางสังคม (ดิฉันยังสงสัยต่อไปว่า ถ้ามันเห็นหมาพันธุ์อื่น มันจะรู้ไหมว่านั่นเป็นหมา เพราะในชีวิต มันไม่เจอหมาตัวอื่นเลย นอกเสียจากเวลาไปร้านหมอ หรือพาไปตัดขนร้านกรูมมิ่งของหมา) ไม่นาน...เราก็มีเจ้าโบโบ้ สาเหตุที่มีคือ เรา—ลูกๆ เห็นพร้อมกันว่า บ้านนั้นเงียบเหงาลงไปถนัดตา เมื่อไม่มีหมา ลูกๆ ทุกคนก็ง่วนอยู่กับชีวิตของตัวเอง การมีหมาสักตัวให้พ่อแม่ได้เล่นด้วย หรือมีกิจกรรมทำกับมัน อย่างน้อยก็น่าจะลดบาปในการเป็นลูกอกตัญญูของเราไปได้ไม่มากก็น้อย ที่จริง เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าแม่ดิฉันมีวงไพ่เป็นของตัวเอง หรือเข้าสังกัดสมาคมคุณหญิงคุณนายอะไรสักอย่าง เช่นเดียวกับคุณพ่อ ถ้าพ่อไปเมียมีน้อย หรือไปเล่นกอล์ฟเสียบ้าง ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อหมาให้เพื่อคลายเหงา และเช่นเดียวกัน...หากเป็นพ่อแม่ชาวบ้าน ร้านตลาดในชนบท เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แม่ๆ รุ่นเดอะเหล่านั้นก็คงมีวิธีคลายเหงาหลากหลายแบบ เช่นมานั่งรวมกันบนแคร่ใต้ต้นมะม่วง ในตอนบ่ายๆ นอนหลับบ้าง เมาท์กันบ้าง หามะละกอมาตำส้มตำกินกันบ้าง (หมู่บ้านในจินตนการแบบเก่า) หรือจะเป็นหมู่บ้านในจินตนาการแบบใหม่ ที่เหล่าป้าๆ ยายๆ อาจจะไปเข้าสหกรณ์อะไรสักอย่าง รวมหมู่กันทำผลิตภัณฑ์โอท็อปอยู่ เหล่าลุงๆ ตาๆ ก็คงตีไก่ ชนไก่ (หมู่บ้านในจินตนาการแบบเก่า) หรือกำลังบุกสวนหลังบ้านทำเกษตรกรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ (หมู่บ้านในจินตนาการแบบใหม่) การเลี้ยงหมามีหลายปัจจัยมากกว่าในกรณีของดิฉันที่ซื้อหมามาเพื่อแก้เหงาให้พ่อแม่ ในหมู่บ้านชนบท หรือแม้กระทั่งชนชั้นล่างในเมือง วิธีการดูแลหมานั้นก็ต่างกัน หมาสำหรับชนชั้นล่าง อาจจะไม่เคยได้กินเพ็ดดีกรี อาหารที่ได้ก็คือเสร็จกระดูกจากอาหารมื้อใดๆ ของครอบครัว หรือข้าวคลุกน้ำแกง ไม่ได้ห่วงว่าอาหารจะเค็มไปไหม หมาจะเป็นโรคไตไหม หรือจะมีสารอาหารที่ทำให้หมาขนหนานุ่ม อึเป็นก้อน ร่าเริงสดใส กระโดดโลดเต้น เหมือนในโฆษณาอาหารหมาหรือเปล่า อย่าว่าแต่เพ็ดดีกรีเลย แม้แต่แชมพูหมาๆ ก็คงไม่เคยสัมผัสขน เคยอาบน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตรรกกะของการเลี้ยงหมาสำหรับชนชั้นนี้ ก็เพียงเพื่อช่วยให้ชีวิตมันรอดไปตามบุญกรรมที่มี มีอะไรก็เลี้ยงๆ มันไป
กรณีคุณอั้มจัดงานให้น้องหมากับวิธีคิดเรื่องหมาๆของชนชั้นกลางไทย BYรุ้งรวี
ร้ายสไตล์บายรุ้งรวี เรื่องหมาๆ : ความหมายของหมาระหว่างชนชั้นในสังคมไทย
เรื่อง : รุ้งรวี ศิริธรรมไพบูลย์
เรื่องหมาๆ : ความหมายของหมาระหว่างชนชั้นในสังคมไทย ดิฉันมีหมา 1 ตัว ชื่อ ‘โบโบ้’ อันที่จริงจะบอกว่าดิฉันมีหมา หรือเลี้ยงหมา 1 ตัว คงไม่ถูกนัก
เพราะหากดูตามข้อเท็จจริงว่าใครเป็นเจ้าของมัน น่าจะหมายถึงพ่อและแม่มากกว่า และคนที่เลี้ยงดู น่าจะเป็น ‘คนใช้’ (การใช้คำว่าคนใช้ในปัจจุบันนี้ แลดู
เป็นการกระทำอาชญากรรมและ discriminate มาก เราจะใช้คำว่า แม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงมากกว่า ส่วนเวลาคุยกับเพื่อน เราจะพูดว่ากะเหรี่ยงที่บ้าน ฟังดูน่ารักน่าเอ็นดู) มากกว่า เพราะฉะนั้นหมาตัวนี้จึงเป็นแค่หมาที่อยู่ในครอบครัวของดิฉัน จะเคลมว่าหมาของดิฉันก็คงไม่ถูก วันไหนอารมณ์ดีๆ ก็จะเล่นกันมันบ้าง
วันไหนคิดงานไม่ออก ไม่รู้จะเขียนอะไร แล้วมันมากวน มาเล่นด้วยก็จะให้พี่เลี้ยงเอาตัวมันออกไป อย่างที่เห็นกันในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ หรือข่าวใน
โทรทัศน์ ประเด็นเรื่อง ‘หมา’ ตอนนี้ เป็นข่าวใหญ่ในสังคม เมื่อการจับหมาไปขายกลายเป็นอาชญากรรมของสังคม ที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก จากบรรดากลุ่ม
ก้อนต่างๆ และตอนนี้ก็มีการรณรงค์ไม่กินเนื้อหมา รวมถึงการค้าขายหมาอีกด้วย เรื่องใครผิด ไม่ผิด วัฒนธรรม หรือหมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ นั้น ดิฉันไม่ขอพูดถึง ใครสังกัดอุดมการณ์ใด ก็ว่ากันไป ที่จริงมันจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าเราพูดว่าใครสังกัดอุดมการณ์ใดก็ว่ากันไป แต่ทุกวันนี้ที่เกิดปัญหาคือ อุดมการณ์หนึ่งต้องการจะเทคโอเวอร์อีกอุดมการณ์หนึ่ง ด้วยการเชิดชูอุดมการณ์ของตัวเองว่าเป็นสิ่งที่ ‘ถูกต้อง’ ชักจะมีสาระมากเกินไป กลับมาที่เรื่องเจ้า ‘โบโบ้’ ของดิฉันต่อดีกว่า (แหมมม...ทีตามหน้านิตยสารอื่นๆ ยังมีดารา เซเล็บ มาเล่าเรื่องส่วนตัว เป็นคอลัมน์โด่งดังได้ ทำไมดิฉันจะเขียนเรื่องส่วนตัวบ้างไมได้...ฮึ) โบโบ้ เป็นหมาหน้าตาน่าเกลียดพันธุ์ปั๊ก ในประวัติศาสตร์ครอบครัวของดิฉันเราเคยมีหมา 3 ตัว ตัวแรก ได้มาจากคุณลุงที่ซื้อเป็นของขวัญให้ดิฉันตอนยังเป็นเด็กหญิงรุ้งรวีอยู่ พอตัวแรกตายไป ดิฉันก็โตขึ้น ชักจะสนใจเพศตรงข้ามมากว่าสนใจเรื่องหมา ก็เลยไม่ได้เลี้ยงอีก มามีตัวที่สองชื่อ ‘บิ๊กน้อย’ เมื่อสักปีก่อนได้ แต่ด้วยอุบัติเหตุ พี่เลี้ยงเปิดประตูบ้านให้พ่อขับรถออกจากบ้าน แล้วไม่เห็นว่าบิ๊กน้อยวิ่งออกจากบ้านไปด้วย บิ๊กน้อยจึงโดนรถ (คนอื่น) ทับตาย สิ้นใจคาที่เสีย ณ วินาทีนั้น ยังความสงสัยมาให้ดิฉันอยู่ทุกวันนี้ว่า อีพวกหมาชาวบ้านที่เลี้ยงแบบปล่อยระเกะระกะ นอนตามพื้นถนนหน้าบ้าน ห้องแถว ขี้เยี่ยวรดเหม็นคลุ้งไปหมดเนี่ย ไม่ยักกะโดนรถชนตาย ดูมันจะเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตนอกรั้วบ้านเหลือเกิน หรือว่าการเลี้ยงหมาแบบไฮโซ ที่ขลุกอยู่แต่ในรั้วบ้าน เล่นแต่กับคนอย่างบิ๊กน้อยของครอบครัวดิฉันจะเป็นเรื่องที่ผิด ที่ทำให้หมาไม่มีภูมิคุ้มกันทางสังคม (ดิฉันยังสงสัยต่อไปว่า ถ้ามันเห็นหมาพันธุ์อื่น มันจะรู้ไหมว่านั่นเป็นหมา เพราะในชีวิต มันไม่เจอหมาตัวอื่นเลย นอกเสียจากเวลาไปร้านหมอ หรือพาไปตัดขนร้านกรูมมิ่งของหมา) ไม่นาน...เราก็มีเจ้าโบโบ้ สาเหตุที่มีคือ เรา—ลูกๆ เห็นพร้อมกันว่า บ้านนั้นเงียบเหงาลงไปถนัดตา เมื่อไม่มีหมา ลูกๆ ทุกคนก็ง่วนอยู่กับชีวิตของตัวเอง การมีหมาสักตัวให้พ่อแม่ได้เล่นด้วย หรือมีกิจกรรมทำกับมัน อย่างน้อยก็น่าจะลดบาปในการเป็นลูกอกตัญญูของเราไปได้ไม่มากก็น้อย ที่จริง เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าแม่ดิฉันมีวงไพ่เป็นของตัวเอง หรือเข้าสังกัดสมาคมคุณหญิงคุณนายอะไรสักอย่าง เช่นเดียวกับคุณพ่อ ถ้าพ่อไปเมียมีน้อย หรือไปเล่นกอล์ฟเสียบ้าง ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อหมาให้เพื่อคลายเหงา และเช่นเดียวกัน...หากเป็นพ่อแม่ชาวบ้าน ร้านตลาดในชนบท เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แม่ๆ รุ่นเดอะเหล่านั้นก็คงมีวิธีคลายเหงาหลากหลายแบบ เช่นมานั่งรวมกันบนแคร่ใต้ต้นมะม่วง ในตอนบ่ายๆ นอนหลับบ้าง เมาท์กันบ้าง หามะละกอมาตำส้มตำกินกันบ้าง (หมู่บ้านในจินตนการแบบเก่า) หรือจะเป็นหมู่บ้านในจินตนาการแบบใหม่ ที่เหล่าป้าๆ ยายๆ อาจจะไปเข้าสหกรณ์อะไรสักอย่าง รวมหมู่กันทำผลิตภัณฑ์โอท็อปอยู่ เหล่าลุงๆ ตาๆ ก็คงตีไก่ ชนไก่ (หมู่บ้านในจินตนาการแบบเก่า) หรือกำลังบุกสวนหลังบ้านทำเกษตรกรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ (หมู่บ้านในจินตนาการแบบใหม่) การเลี้ยงหมามีหลายปัจจัยมากกว่าในกรณีของดิฉันที่ซื้อหมามาเพื่อแก้เหงาให้พ่อแม่ ในหมู่บ้านชนบท หรือแม้กระทั่งชนชั้นล่างในเมือง วิธีการดูแลหมานั้นก็ต่างกัน หมาสำหรับชนชั้นล่าง อาจจะไม่เคยได้กินเพ็ดดีกรี อาหารที่ได้ก็คือเสร็จกระดูกจากอาหารมื้อใดๆ ของครอบครัว หรือข้าวคลุกน้ำแกง ไม่ได้ห่วงว่าอาหารจะเค็มไปไหม หมาจะเป็นโรคไตไหม หรือจะมีสารอาหารที่ทำให้หมาขนหนานุ่ม อึเป็นก้อน ร่าเริงสดใส กระโดดโลดเต้น เหมือนในโฆษณาอาหารหมาหรือเปล่า อย่าว่าแต่เพ็ดดีกรีเลย แม้แต่แชมพูหมาๆ ก็คงไม่เคยสัมผัสขน เคยอาบน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตรรกกะของการเลี้ยงหมาสำหรับชนชั้นนี้ ก็เพียงเพื่อช่วยให้ชีวิตมันรอดไปตามบุญกรรมที่มี มีอะไรก็เลี้ยงๆ มันไป