ขอรวมข้อ 1 กับ 2 เข้าด้วยกัน
ฝั่งซ้าย คือจำนวนหุ้นที่คนอยากจะซื้อในแต่ละราคา
ฝั่งขวา คือจำนวนหุ้นทั้งหมดที่คนอยากจะขายในแต่ละราคา
ส่วนที่เขียนว่า atc ก็คือราคา at the close ยอมรับจะซื้อหรือขายหุ้นไม่ว่าจะปิดที่ราคาไหนก็ตาม (และจะ match ที่ราคาปิด)

ส่วนข้อ 3 จากรูปบนหัวกระทู้จะดูอะไรไม่ได้ เพราะว่าเป็นการจงใจตั้งออเดอร์มาปิดให้นับไม่ได้ แต่จะสมมุติวิธีการดู
**ต้องคิดเลขกันหน่อยนะ 555+
สมมุติหุ้น xxx ราคาล่าสุดอยู่ที่ 3.00 บาท

60000   ATC      ATC      20000
10000  4.00      2.80      10000
3000    3.50      3.00      10000
30000  3.00      3.02      22000
1000    2.98      3.04      40000

จากกรณีนี้ ATC ฝั่งซ้ายมากกว่า ก็ให้บวกเลขฝั่งขวาตั้งแต่ ATC ลงมาทีละบรรทัดจนโวลุ่มรวมมากกว่าหรือเท่ากับ ATC ฝั่งซ้าย
(ATC ฝั่งซ้าย = 60000 , โวลุ่มรวม ATC ฝั่งขวาจนถึงราคา 3.02 = 62000)
แปลว่า ATC ฝั่งซ้ายเมื่อแมชกับฝั่งขวาแล้วจะได้ราคาปิดที่ 3.02 และเหลือหุ้นที่ไม่แมชอีก 2000 หุ้น ที่ offer 3.02 บาท

แต่นอกเหนือจากจาก ATC ฝั่งซ้ายแล้วแล้วยังมีคนเต็มใจซื้อหุ้นที่ราคาแพง 3.02 อีกทำให้ยังปิดที่ราคานี้ไม่ได้ นั่นคือ
10000 หุ้นที่ราคา 4.00 บาท และ 3000 หุ้นที่ราคา 3.50 บาท
รวมเป็นโวลุ่ม 10000+3000=13000 หุ้น

จึงต้องกลับไปดูฝั่งขวาต่อจากเดิมที่มีเศษเหลือ 2000 หุ้นที่ราคา 3.02 ก็ทำเหมือนเดิม ค่อย ๆ บวกลงไปทีละบรรทัดจนเกินหรือเท่ากับ 13000
ที่ราคา 3.02 ถึง 3.04 มีโวลุ่มรวม 2000+40000 = 42000

ทีนี้จะได้ราคาปิดจริง ๆ แล้วคือที่ราคา 3.04 บาท (ให้เช็คดูว่ามีใครตั้งบิดยอมซื้อที่ราคาสูงกว่า 3.04 อีกมั๊ย ถ้าไม่มีก็จบเท่านี้)
โดยมีโวลุ่มฝั่งออฟเฟอร์ที่ไม่ถูกแมชเหลือ 42000-13000 = 29000 ที่ราคา 3.04

จะได้โวลุ่มตอน ATC ทั้งหมด 60000+13000 = 73000 ที่ราคา 3.04
ซึ่งปิดโดดขึ้นมาจากช่วงก่อนปิดตลาด