สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆ ชาว pantip สืบเนื่องจากว่าพักนี้มีกระทู้ว่าด้วยเรื่องเด็ก WAT โดนโกงโดนหลอกกันเยอะมาก รวมทั้งในอดีตก็มีทั้งเด็กที่บินไปแล้วไม่มีงาน ไม่มีบ้าน หรือถูกเอาเปรียบต่างๆนาๆ เลยนึกอยากจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อให้น้องๆ ได้รู้ว่า
1. ไอ่ค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่น้องหาเงินมาด้วยความลำบาก มันถูกนำไปให้ใครบ้าง และเพื่ออะไร
2. โครงการนี้มันทำกันยังไง แล้วมีวิธีไหนที่พอจะป้องกันการถูกโกงได้บ้าง
3. tip เล็กๆน้อยๆ ในการเลือกเอเจ้นท์ การซื้อตั๋วเครื่องบิน และอื่นๆ
-- ข้อความข้างล่างทั้งหมดนี้เขียนจากความคิดและประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ไม่ได้เน้นหลักการอะไร ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วย --
(A)ตัวละคร WAT : ใคร ทำอะไร ที่ไหน
1. เอเจ้นท์ไทย (local representative)
ทำอะไร - ทำหน้าที่ประสานงานด้านเอกสาร (งานและวีซ่า) จัดโปรแกรม WAT ให้น้องๆ นัดแนะการสัมภาษณ์งาน ทดสอบระดับภาษา รวมทั้งบริการพิเศษอื่นๆ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน ขายซิมการ์ด/บัตรโทรศัพท์ที่ใช้โทรในอเมริกากลับมาไทย
เอเจ้นท์ไทยจะทำหน้าที่ดูแลน้องๆ หากเกิดปัญหาเรื่องงานหรือเรื่องต่างๆขณะที่น้องๆอยู่ในไทย น้องๆสามารถหาข้อมูลของเอเจ้นท์เหล่านี้ได้จาก search engine แค่พิมพ์ work and travel ก็ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ที่ไหน - ประเทศไทย
อื่นๆ - เอเจ้นท์ก็เหมือนตัวแทนจำหน่ายโปรแกรมที่จัดมาไว้ให้แล้วโดยองค์กรกลาง เรียกได้ว่าเป็นเหมือนแพคเกจ (งาน+ที่พัก) เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าเอเจ้นท์จะไม่รู้เรื่องรายละเอียดของงานหรือที่ๆน้องจะไป เพราะมีงานที่กระจายในรัฐต่างๆ 50 กว่ารัฐ ซึ่งมันเยอะ !!
2. องค์กรกลาง (designated sponsor org)
ทำอะไร - ทำหน้าที่จัดหางานและที่พักให้กับน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ โดยงานต่างๆที่น้องๆจะได้ทำจะต้องผ่านการ audit จากเจ้าหน้าที่ขององค์กร และเป็นหน่วยงานที่ออกเอกสารสำคัญ
DS2019 ที่ใช้ในการขอวีซ่า J1 (ที่มันแพงก็เพราะอิใบเนี้ยอะแหละ) นอกจากนี้องค์กรกลางยังทำหน้าที่ในการดูแลน้องๆขณะที่อยู่ในอเมริกาในกรณีที่มีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น
องค์กรเหล่านี้คือองค์กรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลในการออก DS2019 รายละเอียดขององค์กรจะดูได้จากเว็บไซต์ข้างล่างนี่ค่ะว่ามีใครบ้าง
http://j1visa.state.gov/participants/how-to-apply/sponsor-search/?program=Summer%20Work%20Travel
ที่ไหน - รัฐต่างๆ ในอเมริกา
อื่นๆ - องค์กรกลางส่วนใหญ่จะไม่ดีลตรงกับผู้เข้าร่วมโครงการ แต่จะดำเนินการผ่านทางเอเจ้นท์ไทย บางครั้งก็จะมีการสัมภาษณ์เด็กที่เข้าร่วมโครงการเอง หรืออาจจะมีการนัดให้ตัวละครต่อไปสัมภาษณ์เอง ซึ่งก็คือ
3. นายจ้าง (employer)
ทำอะไร - ก็คือบุคคลหรือกลุ่มคนที่จ้างน้องไปทำงาน อาจจะมีการดูแลบ้างตามสมควร และจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้น้องเมื่อถึงกำหนด
ที่ไหน - รัฐต่างๆ ในอเมริกา
อื่นๆ - บริษัทต่างๆที่รับเด็ก WAT เข้าไปทำงานนั้นจะได้ประโยชน์จากการที่สามารถจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้กับเด็กได้ และไม่ต้องดูแลรับผิดชอบในเรื่องของ welfare หรือ health benefits ต่างๆ บริษัทเหล่านี้จะถูกตรวจสอบก่อนที่องค์กรกลางจะนำมาอยู่ใน list เพื่อขายโปรแกรมให้กับน้องๆ
ถ้าน้องอยู่ไทย และมีปัญหาเรื่องงาน ที่พัก >> ติดต่อเอเจ้นท์ไทยทุกกรณี
อยู่เมกา มีปัญหาเรื่องงาน/ที่พัก (กรณีนายจ้างจัดที่พักให้) >> ติดต่อนายจ้าง
อยู่เมกา มีปัญหากับนายจ้าง อยากย้ายรัฐ เปลี่ยนงาน >> ติดต่อองค์กรกลาง
** จะสังเกตุว่า แต่ละตัวละครก็มีขอบเขตหน้าที่แตกต่างกันไป การติดต่อแบบข้ามขั้น ก็อาจจะทำให้เสียเวลา เสียความรู้สึก เช่น ถ้าน้องมีปัญหาเรื่องงานตอนอยู่เมกาและติดต่อเอเจ้นท์ไทยให้ช่วย เอเจ้นท์ไทยก็ต้องติดต่อองค์กรกลางให้ช่วยดู กว่าองค์กรกลางจะติดต่อมาที่นายจ้างอีก ไหนจะเวลาที่ต่างกันอีก บางทีน้องโทรหาเขาตอนบ่ายสาม แต่ดันเป็นตีสามที่ไทย จนท ของไทยอาจจะเหวี่ยงใส่น้องได้
(B) ค่าใช้จ่าย และ เอกสาร
เอกสารที่ใช้ในการไป WAT มี flow ง่ายๆก็คือ Application >> Job Offer >> DS2019 >> J1 Visa
1. Application : ค่าใช้จ่าย 3000-6000 บาท
Application เป็นขั้นตอนของการสมัคร โดยจะมีเอกสารสำคัญคือใบสมัครพร้อมรูปถ่าย และเอกสารยืนยันสถานะนักศึกษา ใบเกรด แล้วก็พาสปอร์ตของน้องๆ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตรงนี้เป็นเพียงแค่การสมัคร ยังไม่มีการคอนเฟิร์มงานใดๆทั้งสิ้น และเป็น non-refundable คือไม่สามารถคืนเงินได้ทุกกรณี ตรงนี้พี่ขอเรียกว่าค่ากินเปล่าของเอเจ้นท์ไทย เป็นค่าดำเนินการของเขาในการเริ่มจัดหางานตามโปรแกรมต่างๆมาให้น้องๆเลือก สุดท้ายแล้วไม่ว่าน้องจะเปลี่ยนใจไม่ไป ก็จะขอคืนไม่ได้อยู่ดี ราคาของค่าสมัครก็ขึ้นอยู่กับเอเจ้นท์แต่ละเจ้า และโปรโมชั่นของเขา เช่นคนละ 5000 มา 5 จะลดเหลือคนละ 4000 เป็นต้น บางเจ้าอาจจะมีการเรียกเก็บค่าทดสอบภาษาอังกฤษ หรือค่านัดสัมภาษณ์เพิ่มอีก ข้างล่างนี่เป็นตัวอย่างของใบสมัครนะคะ
2. Job Offer (Employment Agreement Form) : ค่าใช้จ่าย 45000-50000 บาท
หลังจากทำการสมัครกันไปแล้ว เลือกงาน สัมภาษณ์กันแล้ว ก็ถึงเวลายืนยันกับองค์กรกลางว่าจะเอานะคะ ไปนะคะ โดยการชำระค่าโครงการ ราคาจะขึ้นอยู่กับเอเจ้นท์ไทยหรือองค์กรกลางว่าเขาจะเอากำไรแค่ไหน 555 แต่เท่าที่ได้ยินมา เจ้าที่เก็บแพงหน่อยจะอ้างว่างงานของเขาเป็นงาน premium
Job offer จึงเป็นเหมือน "สัญญาการว่าจ้าง" เพื่อการันตีว่าเราได้งานนี้ทำอย่างแน่นอน นอกจากนี้บน job offer ก็จะมีรายละเอียดของนายจ้าง ที่อยู่ที่ทำงาน ที่พัก ค่าตอบแทน ค่าบ้าน ซึ่งน้องๆต้องศึกษาให้ดีเพื่อประโยชน์ของตัวน้องเอง พร้อมทั้งมีลายเซ็นต์ของนายจ้างเองด้วย
ปกติหลังจากจ่ายเงินค่าโครงการไปส่วนนี้ น้องๆควรได้รับ job offer เพื่อให้น้องๆเซ็นต์อย่างมากไม่ควรเกิน 10 วันทำการ เพราะ job offer ส่วนมากจะมีการ draft ข้อมูลไว้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นนายจ้างบางแห่งที่รับเด็ก WAT ตลอดปี ข้อมูลมักจะซ้ำๆ เดิมๆ ถ้าหากได้ช้าเกินกว่านี้ให้รีบตาม ถามสาเหตุว่าติดอะไร อย่าเพิ่งรีบจ่ายเงินอะไรเพิ่ม หากยังไม่ได้รับ job offer และไม่ควรรีบซื้อตั๋วเครื่องบินอะไรทั้งนั้น
หน้าตาของ job offer ก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ อันนี้เป็น blank form สำหรับเด็ก WAT แบบ indy เอาไว้ให้นายจ้างเซ็นต์ให้
3. DS2019 เป็นเอกสารที่ออกโดยองค์กรกลาง สำคัญมากเพราะนอกจากจะใช้ในการยื่นของวีซ่า J1 แล้วยังต้องเย็บติดกับพาสปอร์ตไว้ตลอดเวลา เพราะเป็นเอกสารที่ใช้คู่กับวีซ่า เป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะสามารถเข้าประเทศหรือออกประเทศเมื่อไหร่ ทำงานได้วันไหนถึงวันไหน ซึ่งเนื้อหาส่วนมากก็จะถูกคัดลอกมาจากรายละเอียดใน job offer น่ะแหละ แต่ DS2019 จะเป็นเหมือนตัวชี้บอกที่แน่นอนกว่า โดยส่วนมากจะระบุวันทำงานไว้ไม่เกิน 4 เดือนและที่ไม่ได้ระบุคือน้องๆสามารถท่องเที่ยว (ห้ามทำงาน) ได้อีก 30 วันหลังจากสิ้นสุดวันทำงาน สำหรับเด็ก WAT แบบ indy จะเสียค่าออกเอกสารตัวนี้ประมาณ 35000-40000 บาท (จะเท่ากับว่าไม่ได้เสียค่า job offer นะคะ แต่เด็กที่ให้เอเจ้นท์หางานให้ ค่าหางานจะรวมกับค่าออก DS2019 อยู่แล้ว)
ตัวอย่างของ DS2019 ก็จะเป็นแบบรูปด้านล่างนี้ค่ะ
4. J1 Visa : ค่าใช้จ่าย 6000-8000 บาท (สำหรับเอเจ้นท์บางเจ้าจะรวมไว้ในค่าโครงการแล้ว)
สำหรับวีซ่านี่คงไม่ต้องบอกรายละเอียดมากนะคะ เพราะถ้าได้มาถึงจุดนี้ ได้งานตามต้องการ ก็ถือว่าปลอดภัยไปแล้วกึ่งหนึ่ง แต่!!! อันนี้เป็นข้อแนะนำส่วนตัว คือทันทีที่ได้วีซ่ามาแล้ว ให้รีบติดต่อหานายจ้าง อาจจะส่งเมลหรือโทรไปเอง เพื่อยืนยันกับเขาว่าเราจะไปทำงานวันนี้นะและเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเขารับรู้ถึงการจ้างงานของเรา บ่อยครั้งไปที่เอกสารพร้อม ทุกอย่างพร้อม พอไปถึงที่นู่น นายจ้างกลับไม่มีงานให้ทำ โดนปล่อยลอยแพ ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นการประสานงานที่ผิดพลาดของตัวละครไหนกันแน่ หรือจะเป็นการ oversold โปรแกรมให้เด็ก WAT ดังนั้น การติดต่อกับนายจ้างก่อน ก็เป็นการสร้างความมั่นใจอีกอย่างหนึ่ง อย่างน้อยถ้าหากเขาไม่มีงานให้ทำ เรายังรู้แต่เนิ่นๆ และมีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ
สำหรับรายละเอียดของ J1 Visa สามารถอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนี่ค่ะ
http://j1visa.state.gov/
แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อในเรื่องของการเลือกเอเจ้นท์และเงื่อนไขการคืนเงินของเอเจ้นท์ การไป WAT แบบหางานเอง การซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกด้วยตัวเอง และการเตรียมตัวก่อนการเดินทาง ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ^^
ปล. จขกท เป็นเพียงเด็กเวิร์คเก่าคนหนึ่ง ซึ่งก็มีประสบการณ์พอสมควรทั้งแบบ โหด มันส์ ฮา เคยต้องเดินรอบเมืองหาห้องเช่าเพราะพรุ่งนี้จะไม่มีบ้านอยู่ก็เคย เคยช่วยเหลือรุ่นน้องหลายๆคนให้ได้ไป WAT ให้คำปรึกษาทางหลังไมค์จนถึงกับต้องให้ line ให้เบอร์โทรเลยก็เยอะ ทั้งหมดนี้ทำไปด้วยใจรักและไม่ใช่เอเจ้นท์แอบแฝงมานะคะ
How to : USA Work and Travel (J1 Visa)
1. ไอ่ค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่น้องหาเงินมาด้วยความลำบาก มันถูกนำไปให้ใครบ้าง และเพื่ออะไร
2. โครงการนี้มันทำกันยังไง แล้วมีวิธีไหนที่พอจะป้องกันการถูกโกงได้บ้าง
3. tip เล็กๆน้อยๆ ในการเลือกเอเจ้นท์ การซื้อตั๋วเครื่องบิน และอื่นๆ
-- ข้อความข้างล่างทั้งหมดนี้เขียนจากความคิดและประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ไม่ได้เน้นหลักการอะไร ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วย --
(A)ตัวละคร WAT : ใคร ทำอะไร ที่ไหน
1. เอเจ้นท์ไทย (local representative)
ทำอะไร - ทำหน้าที่ประสานงานด้านเอกสาร (งานและวีซ่า) จัดโปรแกรม WAT ให้น้องๆ นัดแนะการสัมภาษณ์งาน ทดสอบระดับภาษา รวมทั้งบริการพิเศษอื่นๆ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน ขายซิมการ์ด/บัตรโทรศัพท์ที่ใช้โทรในอเมริกากลับมาไทย
เอเจ้นท์ไทยจะทำหน้าที่ดูแลน้องๆ หากเกิดปัญหาเรื่องงานหรือเรื่องต่างๆขณะที่น้องๆอยู่ในไทย น้องๆสามารถหาข้อมูลของเอเจ้นท์เหล่านี้ได้จาก search engine แค่พิมพ์ work and travel ก็ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ที่ไหน - ประเทศไทย
อื่นๆ - เอเจ้นท์ก็เหมือนตัวแทนจำหน่ายโปรแกรมที่จัดมาไว้ให้แล้วโดยองค์กรกลาง เรียกได้ว่าเป็นเหมือนแพคเกจ (งาน+ที่พัก) เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าเอเจ้นท์จะไม่รู้เรื่องรายละเอียดของงานหรือที่ๆน้องจะไป เพราะมีงานที่กระจายในรัฐต่างๆ 50 กว่ารัฐ ซึ่งมันเยอะ !!
2. องค์กรกลาง (designated sponsor org)
ทำอะไร - ทำหน้าที่จัดหางานและที่พักให้กับน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ โดยงานต่างๆที่น้องๆจะได้ทำจะต้องผ่านการ audit จากเจ้าหน้าที่ขององค์กร และเป็นหน่วยงานที่ออกเอกสารสำคัญ DS2019 ที่ใช้ในการขอวีซ่า J1 (ที่มันแพงก็เพราะอิใบเนี้ยอะแหละ) นอกจากนี้องค์กรกลางยังทำหน้าที่ในการดูแลน้องๆขณะที่อยู่ในอเมริกาในกรณีที่มีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น
องค์กรเหล่านี้คือองค์กรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลในการออก DS2019 รายละเอียดขององค์กรจะดูได้จากเว็บไซต์ข้างล่างนี่ค่ะว่ามีใครบ้าง
http://j1visa.state.gov/participants/how-to-apply/sponsor-search/?program=Summer%20Work%20Travel
ที่ไหน - รัฐต่างๆ ในอเมริกา
อื่นๆ - องค์กรกลางส่วนใหญ่จะไม่ดีลตรงกับผู้เข้าร่วมโครงการ แต่จะดำเนินการผ่านทางเอเจ้นท์ไทย บางครั้งก็จะมีการสัมภาษณ์เด็กที่เข้าร่วมโครงการเอง หรืออาจจะมีการนัดให้ตัวละครต่อไปสัมภาษณ์เอง ซึ่งก็คือ
3. นายจ้าง (employer)
ทำอะไร - ก็คือบุคคลหรือกลุ่มคนที่จ้างน้องไปทำงาน อาจจะมีการดูแลบ้างตามสมควร และจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้น้องเมื่อถึงกำหนด
ที่ไหน - รัฐต่างๆ ในอเมริกา
อื่นๆ - บริษัทต่างๆที่รับเด็ก WAT เข้าไปทำงานนั้นจะได้ประโยชน์จากการที่สามารถจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้กับเด็กได้ และไม่ต้องดูแลรับผิดชอบในเรื่องของ welfare หรือ health benefits ต่างๆ บริษัทเหล่านี้จะถูกตรวจสอบก่อนที่องค์กรกลางจะนำมาอยู่ใน list เพื่อขายโปรแกรมให้กับน้องๆ
ถ้าน้องอยู่ไทย และมีปัญหาเรื่องงาน ที่พัก >> ติดต่อเอเจ้นท์ไทยทุกกรณี
อยู่เมกา มีปัญหาเรื่องงาน/ที่พัก (กรณีนายจ้างจัดที่พักให้) >> ติดต่อนายจ้าง
อยู่เมกา มีปัญหากับนายจ้าง อยากย้ายรัฐ เปลี่ยนงาน >> ติดต่อองค์กรกลาง
** จะสังเกตุว่า แต่ละตัวละครก็มีขอบเขตหน้าที่แตกต่างกันไป การติดต่อแบบข้ามขั้น ก็อาจจะทำให้เสียเวลา เสียความรู้สึก เช่น ถ้าน้องมีปัญหาเรื่องงานตอนอยู่เมกาและติดต่อเอเจ้นท์ไทยให้ช่วย เอเจ้นท์ไทยก็ต้องติดต่อองค์กรกลางให้ช่วยดู กว่าองค์กรกลางจะติดต่อมาที่นายจ้างอีก ไหนจะเวลาที่ต่างกันอีก บางทีน้องโทรหาเขาตอนบ่ายสาม แต่ดันเป็นตีสามที่ไทย จนท ของไทยอาจจะเหวี่ยงใส่น้องได้
(B) ค่าใช้จ่าย และ เอกสาร
เอกสารที่ใช้ในการไป WAT มี flow ง่ายๆก็คือ Application >> Job Offer >> DS2019 >> J1 Visa
1. Application : ค่าใช้จ่าย 3000-6000 บาท
Application เป็นขั้นตอนของการสมัคร โดยจะมีเอกสารสำคัญคือใบสมัครพร้อมรูปถ่าย และเอกสารยืนยันสถานะนักศึกษา ใบเกรด แล้วก็พาสปอร์ตของน้องๆ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตรงนี้เป็นเพียงแค่การสมัคร ยังไม่มีการคอนเฟิร์มงานใดๆทั้งสิ้น และเป็น non-refundable คือไม่สามารถคืนเงินได้ทุกกรณี ตรงนี้พี่ขอเรียกว่าค่ากินเปล่าของเอเจ้นท์ไทย เป็นค่าดำเนินการของเขาในการเริ่มจัดหางานตามโปรแกรมต่างๆมาให้น้องๆเลือก สุดท้ายแล้วไม่ว่าน้องจะเปลี่ยนใจไม่ไป ก็จะขอคืนไม่ได้อยู่ดี ราคาของค่าสมัครก็ขึ้นอยู่กับเอเจ้นท์แต่ละเจ้า และโปรโมชั่นของเขา เช่นคนละ 5000 มา 5 จะลดเหลือคนละ 4000 เป็นต้น บางเจ้าอาจจะมีการเรียกเก็บค่าทดสอบภาษาอังกฤษ หรือค่านัดสัมภาษณ์เพิ่มอีก ข้างล่างนี่เป็นตัวอย่างของใบสมัครนะคะ
2. Job Offer (Employment Agreement Form) : ค่าใช้จ่าย 45000-50000 บาท
หลังจากทำการสมัครกันไปแล้ว เลือกงาน สัมภาษณ์กันแล้ว ก็ถึงเวลายืนยันกับองค์กรกลางว่าจะเอานะคะ ไปนะคะ โดยการชำระค่าโครงการ ราคาจะขึ้นอยู่กับเอเจ้นท์ไทยหรือองค์กรกลางว่าเขาจะเอากำไรแค่ไหน 555 แต่เท่าที่ได้ยินมา เจ้าที่เก็บแพงหน่อยจะอ้างว่างงานของเขาเป็นงาน premium
Job offer จึงเป็นเหมือน "สัญญาการว่าจ้าง" เพื่อการันตีว่าเราได้งานนี้ทำอย่างแน่นอน นอกจากนี้บน job offer ก็จะมีรายละเอียดของนายจ้าง ที่อยู่ที่ทำงาน ที่พัก ค่าตอบแทน ค่าบ้าน ซึ่งน้องๆต้องศึกษาให้ดีเพื่อประโยชน์ของตัวน้องเอง พร้อมทั้งมีลายเซ็นต์ของนายจ้างเองด้วย
ปกติหลังจากจ่ายเงินค่าโครงการไปส่วนนี้ น้องๆควรได้รับ job offer เพื่อให้น้องๆเซ็นต์อย่างมากไม่ควรเกิน 10 วันทำการ เพราะ job offer ส่วนมากจะมีการ draft ข้อมูลไว้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นนายจ้างบางแห่งที่รับเด็ก WAT ตลอดปี ข้อมูลมักจะซ้ำๆ เดิมๆ ถ้าหากได้ช้าเกินกว่านี้ให้รีบตาม ถามสาเหตุว่าติดอะไร อย่าเพิ่งรีบจ่ายเงินอะไรเพิ่ม หากยังไม่ได้รับ job offer และไม่ควรรีบซื้อตั๋วเครื่องบินอะไรทั้งนั้น
หน้าตาของ job offer ก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ อันนี้เป็น blank form สำหรับเด็ก WAT แบบ indy เอาไว้ให้นายจ้างเซ็นต์ให้
3. DS2019 เป็นเอกสารที่ออกโดยองค์กรกลาง สำคัญมากเพราะนอกจากจะใช้ในการยื่นของวีซ่า J1 แล้วยังต้องเย็บติดกับพาสปอร์ตไว้ตลอดเวลา เพราะเป็นเอกสารที่ใช้คู่กับวีซ่า เป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะสามารถเข้าประเทศหรือออกประเทศเมื่อไหร่ ทำงานได้วันไหนถึงวันไหน ซึ่งเนื้อหาส่วนมากก็จะถูกคัดลอกมาจากรายละเอียดใน job offer น่ะแหละ แต่ DS2019 จะเป็นเหมือนตัวชี้บอกที่แน่นอนกว่า โดยส่วนมากจะระบุวันทำงานไว้ไม่เกิน 4 เดือนและที่ไม่ได้ระบุคือน้องๆสามารถท่องเที่ยว (ห้ามทำงาน) ได้อีก 30 วันหลังจากสิ้นสุดวันทำงาน สำหรับเด็ก WAT แบบ indy จะเสียค่าออกเอกสารตัวนี้ประมาณ 35000-40000 บาท (จะเท่ากับว่าไม่ได้เสียค่า job offer นะคะ แต่เด็กที่ให้เอเจ้นท์หางานให้ ค่าหางานจะรวมกับค่าออก DS2019 อยู่แล้ว)
ตัวอย่างของ DS2019 ก็จะเป็นแบบรูปด้านล่างนี้ค่ะ
4. J1 Visa : ค่าใช้จ่าย 6000-8000 บาท (สำหรับเอเจ้นท์บางเจ้าจะรวมไว้ในค่าโครงการแล้ว)
สำหรับวีซ่านี่คงไม่ต้องบอกรายละเอียดมากนะคะ เพราะถ้าได้มาถึงจุดนี้ ได้งานตามต้องการ ก็ถือว่าปลอดภัยไปแล้วกึ่งหนึ่ง แต่!!! อันนี้เป็นข้อแนะนำส่วนตัว คือทันทีที่ได้วีซ่ามาแล้ว ให้รีบติดต่อหานายจ้าง อาจจะส่งเมลหรือโทรไปเอง เพื่อยืนยันกับเขาว่าเราจะไปทำงานวันนี้นะและเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเขารับรู้ถึงการจ้างงานของเรา บ่อยครั้งไปที่เอกสารพร้อม ทุกอย่างพร้อม พอไปถึงที่นู่น นายจ้างกลับไม่มีงานให้ทำ โดนปล่อยลอยแพ ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นการประสานงานที่ผิดพลาดของตัวละครไหนกันแน่ หรือจะเป็นการ oversold โปรแกรมให้เด็ก WAT ดังนั้น การติดต่อกับนายจ้างก่อน ก็เป็นการสร้างความมั่นใจอีกอย่างหนึ่ง อย่างน้อยถ้าหากเขาไม่มีงานให้ทำ เรายังรู้แต่เนิ่นๆ และมีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ
สำหรับรายละเอียดของ J1 Visa สามารถอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนี่ค่ะ
http://j1visa.state.gov/
แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อในเรื่องของการเลือกเอเจ้นท์และเงื่อนไขการคืนเงินของเอเจ้นท์ การไป WAT แบบหางานเอง การซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกด้วยตัวเอง และการเตรียมตัวก่อนการเดินทาง ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ^^
ปล. จขกท เป็นเพียงเด็กเวิร์คเก่าคนหนึ่ง ซึ่งก็มีประสบการณ์พอสมควรทั้งแบบ โหด มันส์ ฮา เคยต้องเดินรอบเมืองหาห้องเช่าเพราะพรุ่งนี้จะไม่มีบ้านอยู่ก็เคย เคยช่วยเหลือรุ่นน้องหลายๆคนให้ได้ไป WAT ให้คำปรึกษาทางหลังไมค์จนถึงกับต้องให้ line ให้เบอร์โทรเลยก็เยอะ ทั้งหมดนี้ทำไปด้วยใจรักและไม่ใช่เอเจ้นท์แอบแฝงมานะคะ