Vintage lenses @ HUA-HIN กับสิ่งที่ควรได้รับการชื่นชม!!!

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งคลับคนรักมือหมุนที่เคารพทุกท่าน
เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีโอกาสพาครอบครัวไปกินอาหารทะเลที่หัวหิน ( อีกแล้ว )
โดยทริปนี้หนีบเอาเจ้า Voigtlander ที่ทำการโมดิฟายเรียบร้อยทั้งสี่ตัวมาออกทริปด้วย
เพื่อเป็นการทดสอบการใช้งานจริงในแบบภาคสนาม
ซึ่งทั้งสี่ตัวที่ว่าก็คือ Color-Lanthar 2.8/38 เลนส์มาตรฐานจากกล้อง Voigtlander BESSY AK
Lanthar 2.8/50 จากกล้อง Voigtlander VITO CLR
Vaskar 4.5/75 จากกล้อง Voigtlander PERKEO-1  และ Voigtar 4.5/110 จากกล้อง Voigtlander Bessa

เป็นที่น่าเสียดายพอสมควรครับที่สภาพอากาศในช่วงที่ผมอยู่ที่หัวหินนั้นไม่ดีเอาเสียเลย ฟ้าปิดตลอด แต่ไม่มีฝนนะครับ
ทำให้น้ำทะเลและท้องฟ้าเป็นสีขุ่นๆมัวๆไม่สดใส ฟ้าไม่เป็นสีฟ้า และท้องทะเลก็ไม่เป็นสีทะเล
ภาพที่ได้จึงเหมือนกับไปทะเลช่วงฤดูฝนครับ
แต่ก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าจะได้ลองทดสอบการใช้งานในสภาพแสงขมุกขมัว ว่าเจ้า Voigtlander จะตอบสนองอย่างไร
โดยผมหรี่ช่องรับแสงให้แคบลงประมาณ 1 ถึง 1 Stop ครึ่งทุกตัวนะครับ เพื่อผลที่ดีที่สุดของพวกมัน





จากการทดสอบด้านความคมและสีสันที่ทดสอบมาแล้วพอสมควร พบว่ามันยอดเยี่ยม สีสันมีความอิ่มตัวสูง
ให้ความคมชัดที่ดี โดยเฉพาะเมื่อหรี่ช่องรับแสงให้แคบลงอีกหนึ่งสต๊อป แต่นั่นเป็นการทดสอบการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่นิ่งๆ
แต่ครั้งนี้จะทดสอบการใช้งานในภาคสนามว่ามันมีความคล่องตัวมากน้อยเพียงไร
โดยเฉพาะเมื่อต้องถ่ายภาพท่องเที่ยวหรือภาพแนวสารคดี
ผมพบว่า Voigtlander Color-Lanthar 2.8/38 กับ Lanthar 2.8/50 นั้นใช้งานได้สนุกมาก
เหมือนกับใช้เลนส์มือหมุนทั่วไป ขนาดกระทัดรัด โฟกัสง่าย เข้าเป้าได้ง่ายกว่าอีกสองตัว
ส่วน Vaskar 4.5/75 และ Voigtar 4.5/110 นั้นโฟกัสค่อนข้างยากกว่าครับ
โดยเฉพาะการไล่โฟกัสตามวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว มันลำบากพอสมควรทีเดียว
โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ Jupiter-9  2/85 หรือ Jupiter-37A  3.5/135
ซึ่งเป็นระยะใกล้เคียงกันนั้นมันตอบสนองด้านความสะดวกและความคล่องตัวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่คุณภาพของไฟล์ภาพนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทุกตัวครับ คุ้มราคาค่าตัวที่จ่ายไป
โดยทั้งสี่ตัวนี้ผมจ่ายไปเพียงสองพันหนึ่งร้อยบาทเท่านั้นครับ
ที่สำคัญอย่างยิ่งคือภาพลักษณ์ที่คลาสสิกเอาเรื่องทีเดียวครับ แม้แต่ฝรั่งยังต้องหันมามอง HA HA HA!!!





สิ่งที่น่าแปลกใจและสมควรดีใจกับทริปครั้งนี้ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเลนส์ก็คือ
“ชายหาดหัวหินเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากครับ!!!"
เตียงผ้าใบที่เคยวางเรียงรายเป็นทางยาวตามชายหาดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เป็นการคืนชายหาดให้กับส่วนรวมได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง
ไม่มีกรณีที่โรงแรมต่างๆมายึดชายหาดเป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมให้เห็น ใครใคร่นั่งเล่นทรายตรงไหนก็ตามสะดวก  
ถึงแม้จะเป็นหน้าโรงแรมระดับห้าดาวก็ตาม ไม่ต้องคอยพะวงว่าจะมีมาเฟียมาไล่เหมือนกับไล่หมูไล่หมาอีกต่อไป
ร้านอาหารที่ยึดหาดทรายมาทำการค้าขายก็หายไปเหมือนกันครับ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีนะครับ



ภาพแบบนี้เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นหากยังคงเป็นการบริหารงานของรัฐบาลพลเรือน
แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผมชอบรัฐบาลทหารนะครับ มันคนละเรื่องกัน
แต่รัฐบาลพลเรือนคงทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะอะไร ทุกท่านคงทราบกันดีครับ
เช่นเดียวกับการทวงคืนพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่ถูกบุกรุก ถ้าเป็นรัฐบาลพลเรือนก็คงไม่มีปัญญาทำเช่นกัน
แต่ถ้าจะให้ดี ไร้เสียงครหานินทา พวกท่านก็ต้องทำให้เสมอหน้ากัน อย่าเลือกปฏิบัติ รับรองได้ว่าสังคมตอบรับอย่างล้นหลามแน่นอน
กรณีของการไล่ที่คลองถมก็เช่นเดียวกันครับ มันไม่ได้เป็นการรังแกผู้ค้าขายที่นั่นแต่อย่างใด
เนื่องจากการค้าขายบริเวณนั้นมันผิด พรบ.จราจรมาอย่างยาวนานหลายสิบปี โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดการ
“ความผิดจึงกลายเป็นความเคยชิน และความเคยชินจึงกลับกลายมาเป็นความถูกต้อง” ซึ่งนี่คือนิสัยประจำชาติไทยของเรา



เพื่อนของผมคนหนึ่งมันอาศัยอยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาลกลาง แถวๆคลองถมนั่นแหละครับ
มันสะท้อนให้ฟังว่าคนแถวๆนั้นเขาก็มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตอยู่พอควรนะครับ
คือถ้าหากเจ็บป่วยกะทันหันนั้น มีโอกาสรอดน้อยมากครับ เพราะเดินทางไปโรงพยาบาลไม่ทัน
หญิงใกล้คลอดต้องหาที่พักใหม่ที่ใกล้โรงพยาบาลอาศัยชั่วคราวไปก่อน เมื่อคลอดแล้วจึงค่อยเดินทางกลับบ้าน
ทั้งนี้เพราะเกรงจะไปโรงพยาบาลไม่ทันในกรณีเกิดเจ็บท้องกระทันหัน อาจเกิดอันตรายทั้งต่อเด็กในครรภ์และมารดาเองด้วย
เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีใครรับรู้หรอกครับ ว่าคนแถวๆนั้นเขาก็เสี่ยงตายอยู่ทุกวันเหมือนกัน
โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ หญิงใกล้คลอด และผู้ที่มีโรคประจำตัว
เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังทำอยู่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรทำกันมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครทำนั่นแหละครับ
แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมและห้ามเพิกเฉยต่อความยากลำบากของผู้ค้าขายซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนยากจนที่นั่นด้วยเช่นกัน



บอกตามตรงว่าผมมิได้ชื่นชมการรัฐประหารแต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นเดียวกัน
เพราะอย่างที่คนไทยที่มีจิตใจเป็นกลางทุกคนทราบกันดี ก็คือต่างฝ่ายต่างก็สร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดสิ่งนี้กันขึ้นมาเองทั้งนั้น
แต่เมื่อพี่ๆเขาทำดี ทำได้ มันก็ควรต้องปรบมือให้บ้าง คนไทยด้วยกันทั้งนั้นครับ!!!

มีข้อแนะนำสำหรับเพื่อนๆสมาชิกที่มีแผนจะไปหัวหินอยู่อย่างหนึ่งครับ
คือแนะนำให้ไปที่ห้าง Market Village ข้างๆโรงเรียนหัวหินวิทยาลัยครับ
ให้ไปช่วงบ่ายสี่โมงครึ่งถึงสองทุ่มครึ่งนะครับ เพราะบริเวณชั้นล่างจะมีการโชว์ดนตรีสดที่หาชมยาก…ฟรี!!!
เป็นวงดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีแค่สี่ชิ้นครับ คือไวโอลิน คีย์บอร์ดส ดับเบิ้ลเบส และเครื่องเพอร์คัสชั่น
เล่นทั้งเพลงบรรเลงไทยเดิม ไทยสากล และเพลงสากลที่ฟังแล้วติดหูมากๆ ฟังเพลินมากๆครับ
นักดนตรีล้วนฝีมือเข้าขั้นยอดเยี่ยมทุกคน
ที่สำคัญคือมือไวโอลินนั้นเธอน่ารัก และสายตาหวานมากๆ เวลาที่เธอส่งสายตามาหาผู้ชมพร้อมรอยยิ้มจริงใจนั้น
บอกได้เลยว่าถ้าใครใจไม่แข็งพอ มีหวังใจละลายกันเป็นแถว!!!


ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงและเดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
          สวัสดี!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่