โอกาสครั้งสำคัญเวียนมาบรรจบอีกครั้งที่ทุกท่านจะได้ตื่นตา ตื่นใจ ในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี  กรุงรัตนโกสินทร์”
โดยในปี 2558 นี้ กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ครบรอบ 233 ปี
จากการจัดงานในปี 2557 ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเป็นอย่างดี
ซึ่งปีนี้จัดงานอย่างเต็มรูปแบบ ครบรสกว่าเดิม กับการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ทั้ง นาฏศิลป์ไทย มหกรรมโขน ลิเก
รำวงย้อนยุค ลีลาศย้อนยุค ฯลฯ จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2558 โดยการแสดงจะเริ่มในวันที่ 18-21 เมษายน 2558  
ที่ท้องสนามหลวงรอบเกาะรัตนโกสินทร์ พื้นที่ทางประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของไทย

                  นายวีระ  โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์  233 ปี
ในวันที่ 21 เมษายน 2558 กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับเครือข่ายด้านวัฒนธรรม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดงาน
“ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เพื่อร่วมกันย้อนวันวานรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ
และทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นเมืองหลวง เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2525
รวมทั้ง รำลึกถึงองค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์แห่งราชวงศ์จักรี และในปีนี้ยังเป็นโอกาสพิเศษที่ได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ     2 เมษายน 2558
ในฐานะทรงเป็นองค์วิศิษฏศิลปินด้วย กระทรวงวัฒนธรรมจึงจัด “สุดยอดการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทย”  มาจัดแสดงอย่างครบเครื่อง
และยิ่งใหญ่ที่ท้องสนามหลวง

          อาจารย์นิภา  โสภาสัมฤทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งปีที่สร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับทางสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์อย่างมาก ที่ได้ร่วมงานเฉลิมฉลอง 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยความพิเศษจากสุดยอดการแสดง
ทางศิลปวัฒนธรรมกว่าทุกปี เพราะเน้นการแสดงแนวอนุรักษ์และสร้างสรรค์ ด้วยลีลา ท่ารำ ทำนอง และเพลงประกอบที่เร็วขึ้น
ชวนให้ผู้ชมสนุกสนาน ครื้นเครง และอยากร่วมร้อง เต้น เล่น รำ ไปด้วยกัน ด้วยนักแสดงกว่า 100 คน การแสดงที่โดดเด่นของงานในปีนี้
คือ การแสดงนาฏศิลป์ดนตรี 4 ภาค ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรมในแต่ละภาคอันมีเอกลักษณ์ สวยงาม และเด่นชัดกันออกไป
เช่น ภาคเหนือ ชุด ฟ้อนขันดอกออกฟ้อนที ที่เป็น        การแสดงพื้นเมืองของภาคเหนือ ประกอบด้วยการแสดง 2 ช่วง

ช่วงแรก คือ ชุดฟ้อนขันดอก เป็นการฟ้อนรำบูชา พระรัตนตรัย เพื่อให้บังเกิดความสงบร่มเย็นให้แก่บ้านเมือง โดยมีอุปกรณ์ประกอบการแสดง
เป็นพาน ขันดอกใส่ดอกไม้ และมีการโปรยดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสอันเป็นมงคล

ช่วงที่สอง ชุดฟ้อนที เป็นการแสดงประกอบการถือร่ม  ซึ่งคำว่า “ที” ภาษาไต ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งทางตอนเหนือแปลว่า “ร่ม”
เป็นการรำประกอบ  การใช้ร่มของหญิงสาวชาวเหนือในลีลาที่อ่อนช้อยสวยงาม นิยมแสดงในงานอันเป็นมงคลต่าง ๆ ภาคกลาง ชุด
ระบำฉิ่ง กรับ กลอง  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชุด หมากกั๊บแก๊บ-ลำเพลิน และภาคใต้ การแสดง รำโนราห์


           นอกจากการแสดงดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมอีกมากมาย เช่น การแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์
ชุดโขงปูน มูลคราม และการแสดงชุดกีปัสเรนัง และอื่น ๆ อีกมากมายภายในงาน จึงขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสกับบรรยากาศจริง
“ใครชอบการแสดงแบบไหน ก็เลือกตามใจชอบได้เลย”  
              กิจกรรมภายในงาน ยังมีการถ่ายทอดเรื่องราวที่แสดงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย อันงดงามและประทับใจ อาทิ
ริ้วขบวนใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 9 รัชกาล  พิธีบวงสรวงเทพยดาและดวงวิญญาณสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์
กิจกรรมไหว้พระ 9 วัด สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล นิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์  กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
รอบเกาะรัตนโกสินทร์ การเสวนาทางวิชาการ เรื่องอมตนครอมรรัตนโกสินทร์ การสาธิตและจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม
จากสภาวัฒนธรรมกทม.50 เขต การจัดนิทรรศการ สาธิต จำหน่ายของดีบ้านฉัน  ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (CPOT)
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ มหกรรมว่าวไทยและว่าวนานาชาติ มหกรรมภาพยนตร์ย้อนยุค            
รวมทั้งการประกวดกุลสตรีศรีรัตนโกสินทร์ ฯลฯ
  
แล้วมาพบกันภายในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2558 ที่ท้องสนามหลวง รอบเกาะรัตนโกสินทร์ สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765 และ เว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม www.m-culture.go.th