ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ออกไปเล่นสาดน้ำสงกรานต์มาหลายปี ได้แต่นั่งสังเกตการณ์เพื่อนๆ ที่ออกไปเล่นกันทางหน้าฟีด สังคมออนไลน์ทั้งหลาย และไล่ดูความเป็นไปของสังคม ผ่านข่าวสารที่ถูกนำเสนอ และผมจะพูดถึงกระทู้นี้ทั้งหมด ในมุมมองของสงกรานต์ยุคใหม่ ไม่อิงประเพณี ความดีงามอะไรของไทยอะไรเลยนะครับ
สาเหตุที่ผมชื่นชอบเทศกาลสงกรานต์นี้ คือความอิสระ
มันเป็นความอิสระทางความคิด การกระทำ และอีกหลายๆ อย่าง ที่ไม่สามารถกระทำได้ในสถานการณ์ปกติ ในวันปกติ ซึ่งคุณไม่มีทางเอาน้ำไปสาดคนไม่รู้จักได้ คุณไม่มีทางเอาดินสอพองไปป้ายหน้าสาวๆ คนไหนก็ได้ที่ผ่านมา คุณไม่มีทางจะเปิดเพลงด้วยเครื่องเสียงดังๆ ริมถนน หรือบนรถกระบะ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็น ความอิสระที่ได้รับการผ่อนปรนจากหน่วยงานดูแลความสงบทั้งหลาย เพราะนานๆ คนไทยจะมีเทศกาลแบบนี้ แค่ปีละครั้ง ผ่อนกันได้
ผมไม่แคร์เท่าไหร่กับ กฏ 8 ข้อที่ครม. ออกมารณรงค์ให้คนปฏิบัติตาม ซึ่งกี่ปีๆ มันก็ไม่ค่อยได้ผลอยู่แล้ว เหมือนออกมาเซฟตัวเองมากกว่า
8 ข้อนี้ ไม่ต้องออกมาก็ได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามปกติ ให้มันมีความอิสระอย่างที่มันควรจะเป็น
สงกรานต์มันเป็นเทศกาลที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในไทย ได้ใช้ชีวิตแบบฟรีที่สุดใน 1 ปี คือคุณสามารถจะทำอะไรก็ได้ เพราะมันเป็นวันหยุดราชการ ได้ใช้ชีวิตแบบทิ้งความเครียดทั้งหมดติดๆกันหลายวัน
(อันนี้ยกเว้นคนที่ต้องเข้างานช่วงสงกรานต์ครับ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็จะโพสต์ว่า สงกรานต์เราไม่หยุด ทำงานกันต่อไป อะไรประมาณนี้)
แต่...
สิ่งที่ตามมาจากความฟรี ความอิสระนี้ มันควบคุมยากครับ เพราะมันไม่มี "ขอบเขต" ซึ่งคนไทยมักมีปัญหากับคำนี้ เพราะเราเห็นจากข่าวบ่อยๆ กับคำขอโทษ หรือสารภาพว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไปเพราะความคึกคะนอง" นั่นแหละครับ เพราะเราไม่ได้ตั้งขอบเขตไว้ในใจแต่ละคน
จำข่าว 3 สาวเปลือยอก ที่สีลมปี 54 ได้กันใช่มั้ยครับ เหตุการณ์นั้นมันสะท้อนภาพอยู่ในหัวคนที่ไม่ชอบเทศกาลนี้ และได้แต่นั่งบ่นด่าว่า พวกวัยรุ่นสมัยนี้ บลา บลา บลา ซึ่ง วัยรุ่นสมัยนี้ จะเต้น จะแดนซ์ให้มันส์แบบไหน มันก็คือความฟรี ของวันสงกรานต์ครับ แต่แค่มันไม่มีขอบเขต เราไม่ใช่บ้านเมืองเถื่อนที่จะมาแก้ผ้าเต้นกันกลางถนนได้ ปล่อยให้อยู่ในผับ ในร้านประเภทนั้นไปก็พอแล้วครับ
สิ่งที่ผมเจอบนถนนในปีนี้ ช่วงเย็นวันที่ 14 ขณะขับรถไปทำธุระ ผมพบกลุ่มวัยรุ่นยืนปิดถนนเลนส์ขวาสุดด้วยมอเตอร์ไซค์หลายคัน พร้อมชี้ไม้มาข้างหน้า ซึ่งผมหันไปก็เห็นอีกกลุ่มหนึ่ง ขับมอเตอร์ไซค์มา แต่ต้องจอดแล้วหันกลับ เพราะทางข้างหน้ากำลังจะมีภัย ชาวบา้นแถวนั้นก็ได้แต่มอง คนขับรถท่านอื่นๆ ก็ได้แต่เร่งแซงไปให้พ้นๆ กลัวลูกหลงจากเหตุการณ์แบบนี้ แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นทั่วประเทศเป็นปกติ ที่น้องๆ เค้าจะรวมกลุ่มกันขับรถ ตามถนนเส้นใหญ่ แสดงพลัง ไม่ต้องกลัวใคร เพราะตำรวจได้รวมตัวไปตั้งด่านตามจุดต่างๆกันหมดแล้ว
มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องนี้ครับ The Purge
เรื่องราวเกี่ยวกับคืนล้างบาป ที่จะไม่มีกฏหมายในคืนนั้น จะฆ่าใคร จะทำอะไรก็ได้ไม่มีผิด ให้เวลาคืนนึง
สงกรานต์มันคล้ายๆ กันกับหนังเรื่องนี้ครับ ในมุมของความอิสระ คุณจะทำอะไรก็ได้ที่อยู่ในกฏหมาย แต่ถ้ามันเกินขอบเขตไปล่ะ คุณสามารถขับมอเตอร์ไซค์แบบไม่ใส่หมวกได้ คุณสามารถถือกระบอง ถือมีดซ้อนรถเพื่อน ขับกันไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ไล่ชี้คู่อริ ใครหือ มีเจ็บตัวแน่ แล้วพอเกิดเหตุการณ์ เราก็ได้แต่มานั่งด่า วัยรุ่นเหล่านี้ทุกปีๆ แล้วก็ออกมาตรการรณรงค์ห้ามเล่นแป้ง ห้ามแต่งตัวโป๊ อยู่แค่นี้จริงๆ หรอ
เรื่องของความเหมาะสม การแต่งกาย มันสะท้อนดีนะ ว่าเราเป็นเมืองสมัยใหม่ที่เปิดกว้าง ให้คนใส่บิกินี่ กับเสื้อยืดบางๆ กันในเมืองไปเล่นน้ำเปียกๆ มันเป็นเทศกาลที่ฟรีมาก ตรงนี้ภาครัฐควรรับได้ และควรเลิกรณรงค์อะไรที่มันซ้ำๆ ได้แล้ว มาหาแนวทางป้องกันเหตุร้ายใหม่ๆ กันบ้างดีกว่าครับ ร่วมมือกับเอกชนจัดระบบความปลอดภัยใหม่ ในแต่ละสถานที่ ที่ไม่ได้เน้นแค่การตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในถนนเส้นหลักๆ ถ้าอยากควบคุมอะไรที่อนาจาร ก็ทำให้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่จับแต่คนริมถนน แต่ปล่อยพวกร้านดังเต้นโป๊ๆ กันไป กลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง ก็ยังคงมีอยู่ทั่วครับ ถ้าตำรวจมีน้อยกว่า ใครจะไปหนี เผลอๆ อันตรายจะเกิดกับตำรวจด้วยครับ
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมด อยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆ อยากสะท้อนมุมมองให้ผู้ใหญ่ได้รู้ ว่าสงกรานต์แบบไทยๆ มันมีหลายรูปแบบ มันก็มีปัญหาที่เราปล่อยผ่านๆ กันมา ถ้าจะแก้ไขที่ใคร ก็ต้องเริ่มที่เรานี่แหละครับ เราคงไม่อยากได้ยินคำขอโทษจากผู้กระทำผิดว่า "ทำไปเพราะความคึกคะนอง" อีกต่อไป
สงกรานต์ เทศกาลอิสระ(ที่ไร้ขอบเขต)
มันเป็นความอิสระทางความคิด การกระทำ และอีกหลายๆ อย่าง ที่ไม่สามารถกระทำได้ในสถานการณ์ปกติ ในวันปกติ ซึ่งคุณไม่มีทางเอาน้ำไปสาดคนไม่รู้จักได้ คุณไม่มีทางเอาดินสอพองไปป้ายหน้าสาวๆ คนไหนก็ได้ที่ผ่านมา คุณไม่มีทางจะเปิดเพลงด้วยเครื่องเสียงดังๆ ริมถนน หรือบนรถกระบะ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็น ความอิสระที่ได้รับการผ่อนปรนจากหน่วยงานดูแลความสงบทั้งหลาย เพราะนานๆ คนไทยจะมีเทศกาลแบบนี้ แค่ปีละครั้ง ผ่อนกันได้
ผมไม่แคร์เท่าไหร่กับ กฏ 8 ข้อที่ครม. ออกมารณรงค์ให้คนปฏิบัติตาม ซึ่งกี่ปีๆ มันก็ไม่ค่อยได้ผลอยู่แล้ว เหมือนออกมาเซฟตัวเองมากกว่า
8 ข้อนี้ ไม่ต้องออกมาก็ได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามปกติ ให้มันมีความอิสระอย่างที่มันควรจะเป็น
สงกรานต์มันเป็นเทศกาลที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในไทย ได้ใช้ชีวิตแบบฟรีที่สุดใน 1 ปี คือคุณสามารถจะทำอะไรก็ได้ เพราะมันเป็นวันหยุดราชการ ได้ใช้ชีวิตแบบทิ้งความเครียดทั้งหมดติดๆกันหลายวัน
(อันนี้ยกเว้นคนที่ต้องเข้างานช่วงสงกรานต์ครับ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็จะโพสต์ว่า สงกรานต์เราไม่หยุด ทำงานกันต่อไป อะไรประมาณนี้)
แต่...
สิ่งที่ตามมาจากความฟรี ความอิสระนี้ มันควบคุมยากครับ เพราะมันไม่มี "ขอบเขต" ซึ่งคนไทยมักมีปัญหากับคำนี้ เพราะเราเห็นจากข่าวบ่อยๆ กับคำขอโทษ หรือสารภาพว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไปเพราะความคึกคะนอง" นั่นแหละครับ เพราะเราไม่ได้ตั้งขอบเขตไว้ในใจแต่ละคน
จำข่าว 3 สาวเปลือยอก ที่สีลมปี 54 ได้กันใช่มั้ยครับ เหตุการณ์นั้นมันสะท้อนภาพอยู่ในหัวคนที่ไม่ชอบเทศกาลนี้ และได้แต่นั่งบ่นด่าว่า พวกวัยรุ่นสมัยนี้ บลา บลา บลา ซึ่ง วัยรุ่นสมัยนี้ จะเต้น จะแดนซ์ให้มันส์แบบไหน มันก็คือความฟรี ของวันสงกรานต์ครับ แต่แค่มันไม่มีขอบเขต เราไม่ใช่บ้านเมืองเถื่อนที่จะมาแก้ผ้าเต้นกันกลางถนนได้ ปล่อยให้อยู่ในผับ ในร้านประเภทนั้นไปก็พอแล้วครับ
สิ่งที่ผมเจอบนถนนในปีนี้ ช่วงเย็นวันที่ 14 ขณะขับรถไปทำธุระ ผมพบกลุ่มวัยรุ่นยืนปิดถนนเลนส์ขวาสุดด้วยมอเตอร์ไซค์หลายคัน พร้อมชี้ไม้มาข้างหน้า ซึ่งผมหันไปก็เห็นอีกกลุ่มหนึ่ง ขับมอเตอร์ไซค์มา แต่ต้องจอดแล้วหันกลับ เพราะทางข้างหน้ากำลังจะมีภัย ชาวบา้นแถวนั้นก็ได้แต่มอง คนขับรถท่านอื่นๆ ก็ได้แต่เร่งแซงไปให้พ้นๆ กลัวลูกหลงจากเหตุการณ์แบบนี้ แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นทั่วประเทศเป็นปกติ ที่น้องๆ เค้าจะรวมกลุ่มกันขับรถ ตามถนนเส้นใหญ่ แสดงพลัง ไม่ต้องกลัวใคร เพราะตำรวจได้รวมตัวไปตั้งด่านตามจุดต่างๆกันหมดแล้ว
มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องนี้ครับ The Purge
เรื่องราวเกี่ยวกับคืนล้างบาป ที่จะไม่มีกฏหมายในคืนนั้น จะฆ่าใคร จะทำอะไรก็ได้ไม่มีผิด ให้เวลาคืนนึง
สงกรานต์มันคล้ายๆ กันกับหนังเรื่องนี้ครับ ในมุมของความอิสระ คุณจะทำอะไรก็ได้ที่อยู่ในกฏหมาย แต่ถ้ามันเกินขอบเขตไปล่ะ คุณสามารถขับมอเตอร์ไซค์แบบไม่ใส่หมวกได้ คุณสามารถถือกระบอง ถือมีดซ้อนรถเพื่อน ขับกันไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ไล่ชี้คู่อริ ใครหือ มีเจ็บตัวแน่ แล้วพอเกิดเหตุการณ์ เราก็ได้แต่มานั่งด่า วัยรุ่นเหล่านี้ทุกปีๆ แล้วก็ออกมาตรการรณรงค์ห้ามเล่นแป้ง ห้ามแต่งตัวโป๊ อยู่แค่นี้จริงๆ หรอ
เรื่องของความเหมาะสม การแต่งกาย มันสะท้อนดีนะ ว่าเราเป็นเมืองสมัยใหม่ที่เปิดกว้าง ให้คนใส่บิกินี่ กับเสื้อยืดบางๆ กันในเมืองไปเล่นน้ำเปียกๆ มันเป็นเทศกาลที่ฟรีมาก ตรงนี้ภาครัฐควรรับได้ และควรเลิกรณรงค์อะไรที่มันซ้ำๆ ได้แล้ว มาหาแนวทางป้องกันเหตุร้ายใหม่ๆ กันบ้างดีกว่าครับ ร่วมมือกับเอกชนจัดระบบความปลอดภัยใหม่ ในแต่ละสถานที่ ที่ไม่ได้เน้นแค่การตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในถนนเส้นหลักๆ ถ้าอยากควบคุมอะไรที่อนาจาร ก็ทำให้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่จับแต่คนริมถนน แต่ปล่อยพวกร้านดังเต้นโป๊ๆ กันไป กลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง ก็ยังคงมีอยู่ทั่วครับ ถ้าตำรวจมีน้อยกว่า ใครจะไปหนี เผลอๆ อันตรายจะเกิดกับตำรวจด้วยครับ
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมด อยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆ อยากสะท้อนมุมมองให้ผู้ใหญ่ได้รู้ ว่าสงกรานต์แบบไทยๆ มันมีหลายรูปแบบ มันก็มีปัญหาที่เราปล่อยผ่านๆ กันมา ถ้าจะแก้ไขที่ใคร ก็ต้องเริ่มที่เรานี่แหละครับ เราคงไม่อยากได้ยินคำขอโทษจากผู้กระทำผิดว่า "ทำไปเพราะความคึกคะนอง" อีกต่อไป