[CR] รีวิว ล่องแพ ชมธรรมชาติ ณ ป่าฮาลาบาลา ป่าฝนเขตชื้นแสนอุดมสมบูรณ์ที่ถูกซ่อนไว้ที่ปลายด้ามขวาน

แก้ไขนะค่ะ :ป่าฝนเขตร้อน
-ผืนป่าที่แสนอุดมสมบูรณ์ที่ถูกซ่อนไว้ที่ปลายด้ามขวาน
---วิธีการชมภาพ
-มองลึกให้สุดหลังภูเขา
-พินิจมองก้อนเมฆบนผืนน้ำ
-จินตนาการว่ามีลมเย็นมาตีหน้า
แล้วเราจะรู้ว่า น้ำที่ใสสีเขียวมรกตเป็นเช่นไร กลิ่นต้นไม้น่าสูดดมแค่ไหน
ท่ามกลางป่าเงียบสงัดเพียงใด
แต่จะดีแค่ไหนหากได้ไปสมัผัสเอง
ฉันไปแล้วนะ ฮาลาบาลา


ทริปนี้เริ่มต้นเมื่อวันหยุดสงกรานต์มาถึง เหล่ามนุษย์เงินเดือน นางพยาบาล และคนตกงาน ที่เป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมก็ได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง
-----ป่าฮาลาบาลาเป็นป่าดิบชื้น ผืนใหญ่ที่สุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่ประมาณ 800,000 ไร่ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.เบตง จ.ยะลา ยาวไปจนถึง อ.สุคิริน อ.แว้ง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และแนวเขตแดนที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย

จัดได้ว่าเป็นผืนป่าฝนเขตร้อนที่มีพื้นที่ใหญ่สุด บนคาบสมุทรมาลายา ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ด้วยหมู่พันธุ์ไม้ และสัตว์ป่า ที่หายากอยู่หลายชนิด

----รู้จักกับสถานที่พอหอมปากหอมคอนะค่ะ งั้นมาเริ่มเลยละกัน
----การเดินทางในครั้งนี้เรามีผู้ร่วมทางทั้งหมด 13 คน (ในรู้สึกคือ อะไรมันจะเยอะอย่างนี้ ความจริงแล้วคิดผิด มันน้อยมาก แล้วเรามาดูกันว่าเพราะอะไรถึงน้อยมาก)
-----การเตรียมตัว
เรานัดกันมาเจอบ้านเพื่อนของเพื่อนอีกที และแยกย้ายไปซื้อของสด ข้าวสาร แวะวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารบนแพ ซึ่งทางแพจะเตรียมอุปกรณ์พวกกระทะ หม้อ เตาแก๊ส และมีจานชามให้แล้ว ต้องระลึกอยู่เสมอว่าเมื่อไปถึงจุดล่องแพจะไม่มีร้านค้าให้ซื้อของกันง่าย เราจึงเตรียมของจำเป็นอย่าขาดตกบกพร่อง
-----การเดินทาง
ขับรถเข้าทางเขื่อนบางลาง

จากรูป จากนี้จะเป็นทางที่สูงชัน รีเควสคนที่ขับชำนาญทางนิดนึง พวกเราโชคดีพี่คนขับใช้เส้นทางนี้ตลอด

ขับไปสักพัก ฟ้าเริ่มเทฝนลงมาปรอยๆ พอดับร้อน วิวข้างทางสวยๆมองเห็นน้ำในเขื่อน

ขับไปประมาน 30 นาที ผ่านทางสูงชัน ผ่านบ้านผู้คนที่มีอยู่หย่อมๆแต่ไม่มากนัก จนถึงผู้หมู่บ้านหนึ่ง เราหยุดซื้อน้ำแข็ง สำหรับกินบนแพ
และเมื่อถึงโครงการจุฬาภรณ์พัฒนา 7 พวกเราได้แบกสัมภาระลงจากรถ ก่อนจะจากลาพี่คนขับแสนใจดีที่มาส่ง เราก็ไม่ลืมที่จะให้พี่เขาช่วยถ่ายรูปกันหน้าป้ายและลาพี่เค้าด้วยความอาลัย

ก่อนจะพากันล่องแพ บรรยากาศรอบๆ ก็ช่างสวยงาม พากันรีบถ่ายรูป แต่อย่าคิดว่าจะได้เช็คอินกันที่นี่ เพราะสัญญาณอันตรธานหายไปตั้งแต่ 10 กิโลเมตรแรก ที่ขับรถขึ้นมาแล้วหล่ะ





หน้าตาแพอันใหญ่โต เมื่อเข้าไปในแพ สิ่งนี้แหล่ะเราอยากจะบอกว่าเรามากันน้อยจริงๆ แพกว้างดูโล่งๆไปเลย



เมื่อขึ้นมาบนแพ พวกเราก็ไม่รีรอ รีบทำอาหารทันที  แหมม  ก็หิวกันนี่ค่ะ  อาหารเที่ยง เกือบจะบ่ายสองแล้ว
ทำอาหารเสร็จ ทานกันอิ่ม แพก็ล่องไปเรื่อยๆตามผืนน้ำที่ล้อมรอบด้วยป่าดิบชื้น ได้ยินเสียงนกร้องจากไกลๆก็นับว่าฟินจริงๆ


ภาพนี้ รู้สึกชอบเป็นพิเศษ ต้นไม้กลางน้ำ พี่บนแพบอกว่า จะจอดเพื่อให้พวกเราได้ลงเล่นน้ำ มันสวยงามแต่ดูลึกลับยังไงไม่รู้

ตรงนี้คือจุดลงเล่นน้ำ ว่าแล้วโดดตู้มเลยยย
ระหว่างเล่นน้ำก็ได้ยินเสียง ม่อวววววว  พี่เค้าบอกว่าเสียงกระทิง แหม่ ดิบจริงๆเลยค่า


เล่นน้ำกันจนหนำใจ ท้องฟ้าเริ่มไม่หมดแสง เกือบหกโมงเย็น หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลาล่องแพ เพื่อหาทำเลที่เทียบแพสำหรับนอนคืนนี้
พวกเรางอแง ว่าถ้านอนที่นี่ก็คงดี พี่บอกว่าคงไม่ได้ ที่นี่เขตป่าห่างไกล จากบ้านผู้คนมาก อีกอย่าง ใกล้ฝั่งเกินไป  แมวตัวใหญ่ว่ายน้ำมาหาสบายเลย
แมวตัวใหญ่???เสือไงค่ะ พี่เล่าต่อว่าในผืนป่าแห่งนี้สำรวจจากการติดกล้องพบว่ามีเสือออยู่ 20 ตัว ช่างอุดมสมบูรณ์จริงๆค่ะ  พี่ค่ะรีบออกแพเถอะค่ะ


น้ำใสมากกก
ที่จริงอยากถ่ายภาพบรรยากาศกลางน้ำตอนกลางคคืนด้วย แต่ด้วยกล้องกากๆ อุปกรณ์ไม่อำนวย จึงไม่มีรูปให้ดู
งั้นเล่าให้ฟังนะค่ะ ตกกลางคืน ดับเครื่องยนตร์บนแพ พี่เค้าก็ปั่นไฟเพื่อใช้ส่องสว่างบนแพ มีกิจกรรมแพเล็กน้อย
ทางแพจะเปิดไฟให้ถึงเที่ยงคืน จากนนั้นจะดับเครื่องปั่นไฟ เท่านั้น งานธรรมชาติก็มาจริงๆ ท่ามกลางผนน้ำที่โอบล้อมด้วยภูเขา เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดมาเบาให้หายร้อน และเริ่มเย็นเรื่อยๆ  เสียงนกร้องเป็นระยะๆ นกอะไรกันนะ และแล้ว จขกท.ก็ได้หลับบนดาดฟ้าแพ หนาวๆแต่โอเค
-
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ
ชื่อสินค้า:   เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่