เห็นคนออกมาเขียนกระทู้ด่ากันมากมายว่าพวกที่มาซื้อกาแฟแก้วเดียวแล้วนั่งอ่านนั่งทำงานทั้งวันเป็นพวกเห็นแก่ตัว อ่านอยู่บ้านหรือห้องสมุดก็ได้ บ้างก็บอกว่าเป็นเทรนของวัยรุ่นที่จะต้องมาอ่านหนังสือร้านกาแฟชิคๆถ่ายรูปอวดกันในโซเชียล
ผมเห็นต่างนะ จริงๆร้านกาแฟอย่างสตาร์บัคนี่เค้าเป็นแบรนด์ของต่างประเทศ เค้ามีนโยบายให้ซื้อของเค้าไปกินแล้วนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานได้ทั้งวันครับ เป็นแบบนี้มานานแล้ว จริงๆยิ่งนั่งกันเค้ายิ่งชอบครับ เค้าหวังผลระยะยาว คือพอคนไปนั่งแล้วติดใจบรรยากาศติดใจกาแฟเค้าก็จะมาบ่อย บอกเพื่อน แล้วก็จะทำให้มีลูกค้าประจำ แล้วกาแฟเค้าก็แพงอยู่แล้ว ไม่ต้องการ turnover ที่สูง เน้นลูกค้าประจำ แม่ผมก็เป็นลูกค้าประจำที่สาขาหนึ่ง ไปนั่งกินกาแฟทำงาน จนเค้าจำได้บางวันเค้าก็มีสูตรใหม่มาให้ลองชิมฟรีๆ พอเป็นลูกค้าประจำแล้วแม่ผมก็ซื้อแก้วเค้า วันหลังมาถ้าเอาแก้วของเค้าให้เค้าใส่ก็จะได้ส่วนลด ก็วินวินกันทั้งสองฝ่ายนะ
สมัยนี้ผู้ประกอบการท่านอื่นๆก็เริ่มมีแนวคิดแบบนี้บ้าง ก็ทำตามกัน เราก็จะเห็นร้านกาแฟที่ให้บริการโต๊ะใหญ่ๆ wifi และปลั๊ก คือพร้อมให้มาอยู่ได้ทั้งวัน แต่ไม่ได้รวมถึงMcDonaldนะครับ อันนั้นผมว่าแล้วแต่ผู้จัดการแต่ละสาขามากกว่า เหมือนอย่างหลังนี่จะเริ่มคิดว่ามันได้แล้วก็นั่งไปซึ่งคนที่ใช้บริการก็ต้องดูสถานการณ์และใจเขาใจเราด้วย
ส่วนที่บอกว่าเป็นการเห็นแก่ตัว คนมากินกาแฟก็ไม่ได้นั่ง ผมว่ามันก็คือยุติธรรมนะครับ คนที่เค้าอยากมานั่งเค้าก็ต้องเตรียมตัวออกบ้านมาแต่เช้าเพื่อมาจองที่นั่ง แต่เช่นเดียวกัน คนที่ได้นั่งแล้ว ก็ต้องไม่ไปรุกรานพื้นที่มาก แบ่งปันให้คนอื่นได้นั่งด้วย แต่ที่ไม่คิดว่าเหมาะสมเลยและเห็นได้บ่อยสมัยนี้คือการสอนพิเศษ คือครูก็อยู่ตั้งแต่เช้าเด็กก็เข้ามาเรื่อยๆแบบนี้ผมว่ามันออกจะเกินขอบเขตไปหน่อย อีกอย่างเสียงดังรบกวนคนอื่นด้วย ร้านกาแฟคนก็อยากมานั่งสงบๆฟังเพลงเบาๆ
สุดท้าย ที่บอกว่าเด็กวัยรุ่นทำตามเทรน ผมเห็น2แบบนะครับ คือบางทีที่บ้านมันไม่มีอารมณ์อ่าน อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านข้างนอก บางบ้านญาติเยอะ บางคนนัดอ่านกับเพื่อนก็เลือกสถานที่สะดวก สำหรับคนที่ตามเทรน ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ อย่างน้อยเด็กก็ได้ออกมาอ่านหนังสือเป็นการส่งเสริมการเรียนซะอีก แถมพอลงโซเชียลแล้วมันก็induceให้เพื่อนๆมาอ่านหนังสือกัน พยายามคิดในเชิงบวกบ้างครับ เปิดใจรับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละยุคสมัยกัน แล้วจะมีความสุขมากขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
ไม่รู้เหรอครับ ว่าพวกร้านกาแฟเช่นสตาร์บัค เค้าให้นั่งทำงานนั่งอ่านหนังสือได้
ผมเห็นต่างนะ จริงๆร้านกาแฟอย่างสตาร์บัคนี่เค้าเป็นแบรนด์ของต่างประเทศ เค้ามีนโยบายให้ซื้อของเค้าไปกินแล้วนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานได้ทั้งวันครับ เป็นแบบนี้มานานแล้ว จริงๆยิ่งนั่งกันเค้ายิ่งชอบครับ เค้าหวังผลระยะยาว คือพอคนไปนั่งแล้วติดใจบรรยากาศติดใจกาแฟเค้าก็จะมาบ่อย บอกเพื่อน แล้วก็จะทำให้มีลูกค้าประจำ แล้วกาแฟเค้าก็แพงอยู่แล้ว ไม่ต้องการ turnover ที่สูง เน้นลูกค้าประจำ แม่ผมก็เป็นลูกค้าประจำที่สาขาหนึ่ง ไปนั่งกินกาแฟทำงาน จนเค้าจำได้บางวันเค้าก็มีสูตรใหม่มาให้ลองชิมฟรีๆ พอเป็นลูกค้าประจำแล้วแม่ผมก็ซื้อแก้วเค้า วันหลังมาถ้าเอาแก้วของเค้าให้เค้าใส่ก็จะได้ส่วนลด ก็วินวินกันทั้งสองฝ่ายนะ
สมัยนี้ผู้ประกอบการท่านอื่นๆก็เริ่มมีแนวคิดแบบนี้บ้าง ก็ทำตามกัน เราก็จะเห็นร้านกาแฟที่ให้บริการโต๊ะใหญ่ๆ wifi และปลั๊ก คือพร้อมให้มาอยู่ได้ทั้งวัน แต่ไม่ได้รวมถึงMcDonaldนะครับ อันนั้นผมว่าแล้วแต่ผู้จัดการแต่ละสาขามากกว่า เหมือนอย่างหลังนี่จะเริ่มคิดว่ามันได้แล้วก็นั่งไปซึ่งคนที่ใช้บริการก็ต้องดูสถานการณ์และใจเขาใจเราด้วย
ส่วนที่บอกว่าเป็นการเห็นแก่ตัว คนมากินกาแฟก็ไม่ได้นั่ง ผมว่ามันก็คือยุติธรรมนะครับ คนที่เค้าอยากมานั่งเค้าก็ต้องเตรียมตัวออกบ้านมาแต่เช้าเพื่อมาจองที่นั่ง แต่เช่นเดียวกัน คนที่ได้นั่งแล้ว ก็ต้องไม่ไปรุกรานพื้นที่มาก แบ่งปันให้คนอื่นได้นั่งด้วย แต่ที่ไม่คิดว่าเหมาะสมเลยและเห็นได้บ่อยสมัยนี้คือการสอนพิเศษ คือครูก็อยู่ตั้งแต่เช้าเด็กก็เข้ามาเรื่อยๆแบบนี้ผมว่ามันออกจะเกินขอบเขตไปหน่อย อีกอย่างเสียงดังรบกวนคนอื่นด้วย ร้านกาแฟคนก็อยากมานั่งสงบๆฟังเพลงเบาๆ
สุดท้าย ที่บอกว่าเด็กวัยรุ่นทำตามเทรน ผมเห็น2แบบนะครับ คือบางทีที่บ้านมันไม่มีอารมณ์อ่าน อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านข้างนอก บางบ้านญาติเยอะ บางคนนัดอ่านกับเพื่อนก็เลือกสถานที่สะดวก สำหรับคนที่ตามเทรน ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ อย่างน้อยเด็กก็ได้ออกมาอ่านหนังสือเป็นการส่งเสริมการเรียนซะอีก แถมพอลงโซเชียลแล้วมันก็induceให้เพื่อนๆมาอ่านหนังสือกัน พยายามคิดในเชิงบวกบ้างครับ เปิดใจรับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละยุคสมัยกัน แล้วจะมีความสุขมากขึ้นครับ
ขอบคุณครับ