เส้นทางของนัก Poker และ Learning Model

สวัสดีครับ เชื่อว่าหลายคนที่เป็น Trader หรือนักเล่นหุ้น หรือนักลงทุนอะไรก็แล้วแต่จะเรียก คงเคยได้ยินคำพูดหรือคำสอนที่บอกว่า อยากเล่นหุ้นเก่ง ต้องเล่น Poker ใช่มั้ยครับ แล้วมีใครคิดจริงจังกับคำพูดที่ว่านี้มั้ย หรือแม้กระทั่งคนที่ไปลองเล่น มีใครเคยเอาจริงเอาจังกับมันมากๆ จนถึงที่สุดมั้ย

ผมก็คนนึงที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ ทั้งจากลอยๆ และจากพี่ต้าน Mudley Group ซึ่งไม่รู้นึกยังไง แรกๆก็ลองเล่น Play Money เงินปลอมๆที่ให้มา จาก 1000 ทำให้โตกลายเป็น 100000 ก็เลยคิดว่าถ้ามันง่ายขนาดนี้ ก็อยากจะลองเล่นเงินจริงดูมั่ง


สุดท้ายแล้วก็เลยลองจริงๆ โอนเงินไทย แปลงเป็น $ โอนจากเว็บตัวกลาง เข้าเว็บ Poker
จาก 20$ เล่นไปเล่นมาเรื่อยๆ เจ๊งบ้าง ได้บ้าง 1 ปีผ่านไป เงินรวมๆ กลายเป็นประมาณ 1000$


ข้อมูลจากเว็บ Sharkscope.com
ใครที่เล่น Poker เว็บดังๆ จะมีข้อมูลล็อกอินอยู่ในเว็บนี้ ซึ่งมองแง่นึงมันก็ดีที่มีเว็บมาเก็บสถิติให้ฟรี
แต่ถ้าพวกเล่นจริงจัง จะมองว่าโดนเปิดเผยข้อมูลแบบไม่อนุญาติ ทำให้เสียเปรียบ เพราะงั้นเค้าจะเข้าไปบล็อกชื่อตัวเองซะ ไม่ให้คนอื่นมาเสริชสถิติได้

ด้านบนคือกราฟของกำไรของผม ประมาณ 800$ กว่า ที่จริงมันมีที่ผมโอนกำไรจากเว็บ Pokerstar ไปเล่นที่เว็บอื่นเพื่อเอา Deposit Bonus อีก โดยรวม กำไรจะประมาณ 1000$ บวกลบไม่มาก
ระยะเวลาที่เล่นทั้งหมด จะประมาณ 1 ปี บวกลบไม่มากเหมือนกัน

จากกราฟคือ ตอนแรกผมฝากเงินเข้าไป 20$ ประมาณ 600 กว่าบาท จากนั้นก็เอาไปเล่น Poker แบบนึง คือ 6Max Cash Game ซึ่งจะไม่โชว์ในกราฟนี้ ในเว็บนี้จะเก็บสถิติแค่เกมแบบ Tournament
สัปดาห์แรกๆ ผมทำเงินจาก 20$ ไปเป็น 160$ ได้เร็วมาก แต่หลังจากนั้นสองวัน ผมเหลือ 0 (beginner's luck) จากนั้นผมจึงเอาแต้มที่ได้จากการเล่นบ่อยๆ ไปเคลมแลกเป็นเงินได้มา 10$ แล้วจึงเริ่มเล่นใหม่อีกครั้ง เพราะงั้นคราวนี้จึงถือเป็นการเริ่มเดินทางจาก 10$ ไปจนถึง 1000$ แบบของจริง

หลังจากจบการเดินทางครั้งนี้ ผมได้เรียนรู้คอนเซปท์ต่างๆชนิดที่ว่ามันมากจริงๆ ทั้งเกี่ยวกับการ Trade และที่ไม่เกี่ยว (แลกกับเวลาที่เสียไป 1 ปี เพราะตอนนั้นติดมัน และทุ่มเทกับมันมากจริงๆ อ่านหนังสือ Poker เป็นสิบๆเล่ม และดูวิดีโอ Poker อีกหลายสิบชั่วโมง)

จากการเล่น Poker มา 1 ปี ทำให้ผมเข้าใจตัวเองดีขึ้นเยอะ เข้าจัดกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอย่างชัดเจน เพราะนัก Poker จะต้องพัฒนาตัวเองตลอด และต้องพัฒนาให้เร็วด้วย โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่จะต้องเปลี่ยนจาก Losing Player ไปเป็น Breakeven Player และ Winning Player ให้ได้ ก่อนที่เงินและกำลังใจจะหมดลง (ช่วงแรกที่ผมทำจาก 160$ เจ๊งเหลือ 0 มันท้อมาก เหมือนกับสิ่งที่เราหวังไว้มันพังหมด แต่ก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่กล้าเริ่มใหม่อีกครั้งกับเศษเงินเล็กๆ ที่เว็บแจกให้เพราะเล่นบ่อย)

สิ่งที่เรียนรู้มามันเยอะเหลือกัน ผมจะค่อยๆเรียบเรียงออกมา ณ ที่นี้
เริ่มจากเรื่องแรก

Learning Model
ผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้จากหนังสือมาก ผมอ่านหนังสือเยอะ และถ้าเรื่องไหนที่ผมไม่รู้ ผมจะหาคำตอบจากหนังสือก่อน ผมเปลี่ยนตัวเองจากคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมาก เวลาทำข้อสอบต้องมั่วแทบทุกข้อ มาเป็นคนที่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นตั้งๆได้ ก็เพราะค้นพบวิธีเรียนภาษาดวยตัวเองจากหนังสือเล่มนึง และเรื่อง Poker ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ตอนที่ผมไปเคลม 10$ สุดท้ายจาก Frequently Play Points มาเล่น ผมเริ่มจากการไปหาชื่อหนังสือ Poker เจ๋งๆ ในเว็บ Amazon.com ที่มีคนให้ดาวเยอะๆ และตรงกับเกมที่ผมจะเล่น นั่นก็คือเกมแบบ Sit N Go Tournament จากนั้นผมก็โหลด PDF หนังสือลงไอแพด แล้วอ่านไปเรื่อยๆ (ตอนนี้มีเงินแล้ว จะไม่ทำอีก ซื้อดีกว่า) + หาวิดีโอในยูทูปที่สอนเล่น Poker แบบเล่นให้ดู แล้วมีคอมเม้นท์ถึงกระบวนการคิดในแต่ละตา (ของฝรั่งทั้งนั้น) ทั้งอ่านทั้งดูแล้วก็ไปเล่น Poker เกมละ 1.5$ ชนะบ้างแพ้บ้าง แต่มันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และ Bankroll ก็เริ่มสวิงแบบโตขึ้น ผมบันทึกผลงานไว้ตลอด บันทึกตั้งแต่ 10$ กว่า จนเกือบพัน



จากตอนนั้นถึงตอนนี้ ผมเลยเข้าใจตัวเองอย่างชัดเจนว่า ผมถนัดที่จะเรียนรู้จากทฤษฏี + ดูสิ่งที่โปรทำ แล้วมาทำตาม ทำไป อ่านไป ดูไป แก้ไปเรื่อยๆ จนมันเข้าที่เข้าทาง ด้วยความที่อ่าน กะศึกษามาโคตรๆเยอะผมเลยรู้ทฤษฏี Poker เยอะมากๆ ขอเรียกวิธีแบบนี้ว่า (อาจจะยังไม่ชัดเจนในชื่อ และคอนเซปท์นัก ต้องขออภัย) ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่ได้แยกเป็นหัวข้อชัดเจน แต่ละคนอาจจะใช้หลายๆโมเดลรวมกันก็ได้


1. เรียนรู้แบบนักทฤษฏี (และนำไปปฏิบัติ)
ประมาณว่าเรียนรู้ด้วยตัวเองจากหนังสือ และวิดีโอ เอาไปทำ กลับมาดูใหม่ แก้ไข ทำซ้ำ จนมันดีขึ้นเรื่อยๆ (จากผลงานแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเวิร์ค จาก 10$ กลายเป็น 1000$ ได้) และผมใช้โมเดลนี้สำเร็จมาสองเรื่องคือการฝึกภาษาด้วยตัวเอง และการเล่น Poker แน่นอนว่า ผมกำลังใช้โมเดลนี้กับการเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จ

2. เรียนรู้จากความผิดพลาดแบบมหาศาล
พอเล่นมากๆเข้า ผมก็ตั้งกลุ่ม Poker กันเองกะเพื่อนไม่กี่คนในเฟส แต่อยู่ดีๆ มีเทรดเดอร์ลูกศิษย์จาก Mudley Group คนนึงมาเข้ากลุ่ม (ชื่อว่าน้อง B...) จากนั้นก็ลากเพื่อนๆเทรดเดอร์เข้ามาเพียบ ไปๆมาๆกลุ่มเลยมีประมาณ 300 คน และผมก็ไปรู้จักกับนัก Poker คนนึงที่เก่งมาก (เคยออกไปเล่น Live Poker กันทีนึง สู้ไม่ไหวเบยนะ) พอเอาชื่อไปส่องใน Sharkscope นี่ต้องร้องอู้หูว


(ขออนุญาติลงกราฟนะเพื่อน Miingniim ถถถถถ)
ระยะเวลาเล่นรวม (นับเฉพาะเกมแบบ Tournament) ถึง ปจบ ก็ประมาณสองปีครึ่ง  กำไรรวมประมาณเกือบ 6000$ แม่เจ้า!!! เกือบแสนแปด ถึงจะหารต่อเดือนแล้วจะไม่มาก แต่การเล่นเกมแล้วได้เงินขนาดนี้มันก็เจ๋งจริงไหมครับ อิอิ และถือว่าเค้าต้องเป็นผู้เล่นที่สุดยอดคนนึง ที่ทำกำไรได้นิ่งและนานขนาดนี้

แต่เรื่องที่ผมทึ่งกว่านั้นอีกก็คือ วิธีการเรียนรู้ของเพื่อนผมคนนี้ เขาบอกว่าเขาไม่ได้เน้นอ่านหนังสืออะไรมาก เขาจะไม่ค่อยรู้จักทฤษฏี Poker มาก แต่ใช้วิธีดูและปรับๆเอา ประมาณว่าครูพักลักจำอะไรประมาณนั้น จะเห็นได้ว่า ช่วงแรกๆ เส้นกำไรติดลบไปเยอะอยู่ (ช่วงเรียนรู้) จากนั้นก็มีแต่ขึ้นกับขึ้น (แต่ของผมจะไม่ติดลบ เพราะตั้งใจไว้ว่าใส่แค่ 20$ ถ้าเจ๊ง GU เลิก 555)

พอตอนที่ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้ศึกษาอะไรหนักแบบผม ผมก็งงมาก ว่ามันมีวิธีเรียนรู้แบบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ย นึกว่านัก Poker ที่เก่ง จะต้องอ่านหนังสือเยอะๆซะอีก แต่ผมก็มีสมมติฐานของผมเหมือนกันว่า โมเดลเรียนรู้แบบผม น่าจะพัฒนาได้เร็วกว่า เพราะมันเป็นการเรียนรู้จากเซียน ไม่ต้องมาลองผิดลองถูกตั้งแต่ต้น เหมือนเพื่อนผม และดูจากกราฟ ช่วงแรกๆ กราฟผมจะไม่ติดลบ แต่จะขึ้นเลย (แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน เพราะตัวอย่างมันน้อย นัก Poker ในไทยหายาก ยิ่งเก่งๆยิ่งหายากไปใหญ่ 55)

อีกเรื่องนึงคือ ตอนที่ไปประมือกันแบบนั่งโต๊ะจริงๆ ผมโดนคุณ Miingniim เล่นงานจนเหนื่อยมาก เหตุหนึ่งเพราะผมไม่ค่อยได้เล่นแบบ live และเหตุที่สอง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะ ประสบการณ์ของ Miingniim ที่มหาศาลกว่ามาก ตอนที่สู้กันนั้นเค้าเล่น Sit N Go Online เกินหมื่นเกมไปแล้ว ส่วนผมเล่นไปแค่ 3 พันเกม และด้วยสไตล์การพัฒนาตัวเองที่ไม่เน้นทฤษฏี ทำให้สไตล์การเล่นมันฉีกออกไป ผมจับทางยากมาก

อยากสรุปคร่าวๆว่า โมเดลการเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้ น่าจะมีข้อเสียตรงเรียนรู้ได้ช้ากว่า แบบเรียนจากทฤษฏี หรือจากเซียน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ สไตล์ที่หลากหลาย ปรับตัวได้เร็ว และค่อนข้างร้ายกาจ (แต่ถ้าเอาโมเดลนี้ไปใช้กับการเล่นหุ้นแบบดุ้นๆเลย อาจจะไม่ดีก็ได้ เพราะอาจจะเจ๊งหมดก่อน ที่จะพัฒนากลายเป็นเทพ)

3. เรียนรู้จากโค้ช
ผมไม่เคยเจอเพื่อน หรือคู่แข่งจากโมเดลนี้ แต่คิดว่ามันน่าจะทำให้พัฒนาได้เร็วมากเหมือนกัน น่าจะเร็วกว่าสองโมเดลข้างต้น ซึ่งโค้ชในที่นี้ ต่างจากแนวอร์สสอนหุ้นที่เปิดสอนกัน 3 ชม หรือ 10 ชมแล้วจบนะครับ ในวงการ Professional Poker จะมีโค้ช Poker จริงๆที่เป็นมือโปรเหมือนกัน คิดค่าจ้างเป็น ชม เคยเห็นชม ละ 50$ โดยเล่นให้เค้าดู จากนั้นเค้าก็จะแนะนำต่างๆนาๆ ซึ่งถ้าจะทำแบบนี้ได้ ก็คงต้องผ่านโมเดลแบบที่ 1 หรือ 2 มาบ้าง เพราะไม่งั้นเปลืองค่าโค้ชตายเลย หรือถ้าใครมีคนรู้จักโค้ชให้ก็คงสบาย ซึ่งในเรื่องการเล่นหุ้นนี้ ถ้ามีโค้ชหุ้นแบบนี้มันคงจะดีมากเลย

4. เรียนรู้จากเพื่อน
อันสุดท้ายที่นึกออกคือ การจับคู่ หรือจับกลุ่มเรียนรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และทฤษฏี เพื่อพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ และแก้ไขจุดด้อยของแต่ละคน การที่ผมตั้งกลุ่ม Poker ในเฟสบุคขึ้นมา ก็ทำให้ผมได้แลกเปลี่ยนกับใครหลายคนเหมือนกัน แต่คนที่ชอบที่สุดก็คงเป็นเพื่อนผมคนเดิม Miingniim เพราะประสบการณ์เยอะมาก และการจับคู่กับคนเก่งๆก็ทำให้เราเก่งขึ้นได้ไว ซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกวงการจริงไหมครับ เหมือนอย่างในการ์ตูนอย่าง กอร์นกับคิรัว ใน Hunter X Hunter, เบจิต้า ซุนโงคู ฯลฯ


(แต่ตอนนั้นเจอกันน้อยไปหน่อย เลยไม่ค่อยได้แลกเปลี่ยนมากนัก ไม่งั้นผมคงเก่งขึ้นอีกเยอะเบยย)
ในวงการ Poker ก็มีแบบนี้นะครับ อย่าง Tom Dwan กับ Phil Galfond ระดับท็อปของวงการทั้งคู่ ที่เป็นเพื่อนกัน แต่จากที่ Galfond เคยตอบคำถาม Q&A เขาบอกว่ารู้จัก Tom Dwan ตอนเล่น 50/100$ แต่ตัว Galfond เองยังเล่นแค่ 5/10$ อยู่เลย ณ ตอนนั้น แต่ปัจจุบันไต่ขึ้นมาเล่นระดับเดียวกันแล้ว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แต่โมเดลเรียนรู้จากเพื่อนนี่ มีข้อแม้นิดนึงนะ คือทั้งสองคนที่มาจับคู่กันต้องเก่งพอๆกัน หรือห่างกันไม่มาก แต่เรียกว่าต้องระดับเก่งแล้วนะ ถ้ากระจอกเหมือนกัน ก็คงพากันวนอยู่ในอ่าง และจะหาเพื่อนเก่งๆได้ ตัวเองก็ต้องผ่านการเรียนรู้แบบโมเดล 1 หรือ 2 มาประมาณนึง ไม่งั้นถ้าเรายังกระจอกอยู่ ใครจะมาเป็นเพื่อนด้วยล่ะ 55

เขียนบทความนี้จบ เหนื่อยละครับ ไว้วันหลังมีแรงมีอารมณ์ จะมากลั่นกรองประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้จาก Poker ให้อ่านให้ชมอีก หลายๆเรื่องน่าสนใจมากจริงๆถ้าเอามาปรับใช้กับการเล่นหุ้น เช่น Multiple Level Thinking, Poker Math, Bankroll Management (Money Management), Tilt Control, Mental Practice, Etc.
วงการ Poker มันลึกซึ้งจนถึงกับมีคนบอกว่า If you are smart enough to play poker, you may be smart enough to do something else.

สุดท้ายฝากเพจด้วยครับ เขียนงานก็อยากให้มีคนอ่าน คนติดตาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปล บล็อกรกหน่อยนะครัช ไม่เก่งเรื่องตกแต่ง และจุดประสงค์อยากจะแค่บันทึกเรื่องราว แต่ไปๆมาๆก็อยากให้มีคนอ่าน
.
.
.
Update : Nov 2017 : ตอนนี้มีเว็บไซต์แล้วครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่