ขอแชร์เรื่องนี้ไว้นะคะ เผื่อว่าใครกำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่
เดิมทีดิฉันเป็นคนทำผมปีละแค่ 2 ครั้ง
สิ่งที่ทำกับผมในแต่ละครั้งคือ ทำสี ยืด และดัด ในครั้งเดียวเลย
จากนั้นก็จะมาบำรุงและเชตผมเอง ทำแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียน รู้สึกว่าบำรุงดีๆ ผมก็ไม่เสียนะคะ
เพราะเดิมทีเดียวมีร้านประจำฝีมือเริสที่หน้ามหาลัย เราและเพื่อนจะไปใช้บริการร้านนี้ประจำ ราคาก็ 5,000 ถึง 9,000 บาทในการทำแต่ละครั้ง
ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกันนะคะ แต่เรายอมจ่ายเพราะด้วยฝีมือและผลิตภัณฑ์ที่เค้าใช้ทำผมให้เรา เรารู้สึกได้ว่ามันดี และเป็นมิตรกับผมเราดี
ไม่มีกลิ่นเหม็น และผมไม่เสีย หลายปีสัก 5-6 ปี ทำที่ร้านนี้ร้านประจำมันก็ไม่เคยมีปัญหากับผมนะคะ
ดิฉันไว้ใจร้านประจำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อประมาน 2 ปีที่แล้ว รู้สึกว่าไปทำผมร้านประจำแล้ว ตอนทำผมมันมีกลิ่นผลิตภัณฑ์รุนแรงมาก
สีผมก็ทำออกมาพลาดบ่อย สว่างทอง ไม่ได้สีเหมือนก่อนจนต้องไปแก้ซ้ำ ผมหน้าม้าก็เคยโดนยืดจนช็อตฟูน่าเกียจ เค้าก็แก้ยืดซ้ำให้แต่ยิ่งหนักไปกันใหญ่
ต้องทนอายกว่าผมมันจะยาวแล้วค่อยๆ ตัดออก พยายามคิดในทางที่ดีไม่เปลี่ยนใจจากร้านเค้า แต่สภาพผมเรานี่สิมันฟ้อง ผมบำรุงยังไงก็ไม่ขึ้น
แห้ง หลุดเป็นปล้องๆ แตกปลาย เบาฟู ตอนแรกคิดว่าผมเราเนี่ยเคมีคงสะสมมานาน หลังๆมาผมมันจึงเสียขนาดนี้
ดิฉันให้อภัยร้านประจำอยู่หลายครั้ง และทนไปทำผมร้านเดิมอยู่ 2 ปี แม้จะรู้สึกแปลกๆ
ผมเสียแห้งมาตลอด จนครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ครั้งนี้สีผมออกมาสว่างโทนพลาดเหมือนครั้งก่อนหน้าเป๊ะ กลิ่นรุนแรงมากหลังทำเสร็จ 3 วันงดสระเนี่ย แมงวี่ไล่ตอมกันเลยที่เดียว สีก็ไม่ได้ ที่ดัดมาลอนได้ แต่ผมแห้งโคตรๆ แต่ราคาแพงขึ้นกว่าเดิม !! ดูสภาพผมตัวเองตัดใจเลยว่าจะไม่ไปแก้อีกแล้ว คงต้องตัดใจจากร้านนี้ หลังๆมาจึงได้มีโอกาสถามเพื่อน เพื่อนๆที่ใช้บริการร้านนี้ ทุกคนผมเสียแห้งกันหมด และเจอปัญหาเดียวกัน
เอาล่ะค่ะ คุยกันหลายเคสจนสรุปกันได้ว่าร้านประจำเปลี่ยนผลิตภัฒฑ์ที่ใช้ทำผมแน่นอน เค้าใช้ของคุณภาพต่ำลง แต่อัพราคาแพงขึ้นทุกวัน
เพราะเค้าคงอาศัยว่ามีฝีมือเค้าดี และมีฐานลูกค้าประจำ ใช้อะไรลูกค้าก็คงยอมหมด โดยไม่สนใจสภาพผมลูกค้าเลย
วันนั้นตัดใจเลยว่าจะไม่ไปร้านเดิมแล้ว คงต้องหาร้านใหม่แล้วล่ะ
และหายนะก็เริ่มขึ้น.......จากวันนั้น

ย้อนมาดูผมเมื่อก่อนกันค่ะ ช่วงที่ร้านเดิมยังโอเครอยู่