รีวิว Bobbi Brown Intensive Skin Serum Foundation SPF 40 PA+++
รองพื้นตัวใหม่ล่าสุดของคุณพี่บ็อบบี้ของเรา ที่เปิดตัวและเผยโฉมเป็นครั้งแรก ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Bobbi Brown ณ. Miami สหรัฐอเมริกา อีกทั้งรองพื้นตัวนี้ยังเครมดังๆเครมแรงๆว่า มันไม่ใช่เป็นเพียงรองพื้นเท่านั้นแต่ยังคงให้การบำรุงผิวประหนึ่งว่าได้ใช้เซรั่มสูตรเข้มข้นไปในตัวอีกด้วย
มาดูกันว่าเขาเครมแรงๆว่าอย่างไร
"การผสมผสานอย่างลงตัวที่สุดระหว่างเครื่องสำอางและบำรุงผิว ที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูดียิ่งขึ้นตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cold Fusion ที่สามารถผสานคุณค่าอันเปี่ยมประสิทธิภาพของเซรั่มเข้ากับรองพื้นได้อย่างกลมกลืนไร้ที่ติ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อรองพื้นที่ยอดเยี่ยม เป็นธรรมชาติทั้งเนื้อสัมผัสและเฉดสี"
ทำงานอย่างไร
1.ฟื้นฟูสภาพผิว: ด้วยคุณค่าอันทรงพลังของถั่งเฉ้า ที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการซ่อมแซมและผลัดเซลล์ผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูสดชื่น สดใส เนียนเรียบ และดูมีชีวิตชีวา
2.ให้ผิวดูกระจ่างใส: สารสกัดจากใบย่านางจะมุ่งตรงเพื่อลดเลือนความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวดูสม่ำเสมอ
3.เติมความชุ่มชื้น: สารสกัดจากลิ้นจี่, แตงโม และแอ๊ปเปิ้ล จะช่วยเสริมสร้างระดับความชุ่มชื้นให้กับผิว
4.ให้ผิวดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อย และดูเนียนเรียบ: เทคโนโลยีเป๊ปไทด์ “Acetyl Hexapeptide-8” จะช่วยส่งเสริมการผลิตคอลเลเจนให้กับผิวตามธรรมชาติ
5.ฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก: เอนไซม์จากใต้ทะเลลึกจะช่วยฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวแข็งแรง และป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
The First Time: ความรู้สึกแรกใช้ คิดว่าน่าจะเป็นเนื้อเหลวๆ แต่ไม่เลย เนื้อค่อนข้างเป็นกึ่งครีม มีความคงตัว ไม่ไหล แต่ทว่าอ่อนเบาเหมือนมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ในรองพื้น มีกลิ่นหอม แต่เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่คล้ายๆกับกลิ่นของ Essential Oil ดูผ่อนคลายและรู้สึกสะอาดๆธรรมชาติๆหน่อย
มาเริ่มใช้งานจริงกันดีกว่าค่ะ
เริ่มจากผิวเปลือยเปล่าก่อนนะค่ะ ช่วงนี้พักผ่อนน้อยอาจจะดูเป็นซอมบี้หน่อยอย่าตกใจกันนะค่ะ 😃😃
สำหรับพั้นซ์ก็มีปัญหาเดิมๆเนอะคือ
- รูขุมขนกว้าง
- ผิวมัน
- ขี้ร้อน (เหงื่อออกง่ายและเยอะสุดๆ)
เนื่องจากมีปัญหาเรื่องมีผิวมันและรูขุมขนกว้างเนอะ เลยขอใช้ตัวช่วยเพื่อแก้ปัญหาก่อนเนอะด้วย Bobbi Brown Skin Smoothing Pore Perfector ทาในส่วนที่มีผิวมันและรูขุมขนกว้างก่อนนะ (ซึ่งได้ยินมาจากเคาน์เตอร์เขาว่ามันสามารถใช้เป็นไพเมอร์ได้) ส่วนตัวก็ช่วยได้ในระดับนึงนะคะ
โดยครั้งนี้จะลองเทสไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ของด้วยเลยคือ Bobbi Brown illuminating Face Base โดยจะใช้เบสข้างซ้าย และ ไม่ใช้เบสในข้างขวาค่ะ
จะเห็นได้ว่าในข้างที่ใช้เบสนั้น เหมือนจะมีผิวดีขึ้นในระดับนึงค่ะ
เมื่อเริ่มทาลงบนผิว เนื้อเนียนละเอียดเหมือนน้ำ เบาบาง เกลี่ยง่าย มอบลุคบางเบา เป็นผิวมากๆคะ
มาดูอีกข้าง ข้างซ้ายมี่มีเบสเป็นพื้นไว้ค่ะ
ซึ่งความรู้สึกเนื้อรองพื้นรุ่นนี้ เมื่อกดปั๊มออกมาจากขวด สีจะดูสว่างกว่าเนื้อรองพื้นรุ่นอื่นๆของบ็อบบี้ ในเฉดสีเดียวกัน แต่ทว่าเมื่อทาลงบนผิวกลับกลมกลืนเป็นสีเดียวกับผิว
หลังทาผิวรู้สึกมีความนุ่มชุ่มๆดี เนียนเป็นผิวเดียว ในการทาเพียง 1 ชั้น ผิวดูบางเบาเป็นผิวสุดๆ และข้างซ้าย ข้างที่สุดเลสไว้จะมีความวาวมากกว่าข้างขวาที่ไม่ได้ลงเบสค่ะ
และสำหรับคนที่คิดว่าลงครั้งเดียวดูเป็นผิวเกินไปอยากได้ความสมบูรณ์แบบมากกว่านี้เราเลยลงชั้นที่ 2 ให้ได้ดูกันค่ะ
จะเห็นได้ว่าเมื่อลงทับอีก 1 ชั้น. มีการปกปิดมากขึ้น ผิวดีขึ้น รอยแดงของเส้นเลือดฝอยต่างๆเริ่มจางลง แต่สำหรับพั้นซ์ว่า ถ้าใครต้องการปกปิด ลง 2 ชั้นกำลังดี เพราะถ้าลงเพิ่มอีกชั้นเป็นชั้นที่ 3. อาจดูหนาๆได้ค่ะ
มาถึงการลงแป้งฝุ่นค่ะ
พอลงแป้งฝุ่นแล้วหน้าเนียนขึ้นความวาวลดลงทันที
หน้าที่สมบูรณ์คือดีงามมากๆค่ะ มาดูหน้าเต็มกัน แล้วมาฟังข้อดีข้อเสียกันค่ะ
ข้อดี, ข้อเสีย
ข้อดี.
1. หลังใช้ผิวรู้สึกนิ่มๆดี
2. เนื้อบางเบาเกลี่ยง่าย ใช้นิ้วมือเกลี่ยๆแล้วใช้ฟองน้ำหมาดๆกดๆอีกทีจะดีที่สุด ผิวเนียนมากๆ
3. มีกลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลายดี
4. มีส่วนผสมของการบำรุงผิวหน้าด้วย จะเห็นผลไหมคงต้องใช้อย่างต่อเนื่องนะค่ะ
ข้อเสีย.
1. สำหรับสาวผิวมันไม่รอดนะค่ะ หน้ามันง่ายเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก เพราะรองพื้นตัวนี้จะให้ลุคดิวอี้ๆ โกลด์ๆ ชุ่มๆแบบอิ่มน้ำ ถ้าอยากใช้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันไว้บ้างนะค่ะ สำหรับสาวผิวแห้ง น่าจะหลงรักค่ะ
2. เหงื่อออกมากอย่างพั้นซ์. เมื่อมีเหงื่อไหลมากๆ เวลาน้ำเหงื่อไหลลงมาพาดกับผิว จะเกิดคลาบเห็นเป็นทางน้ำไหลของเหงื่อ (แอบน่ากลัว) แต่กดๆซับๆก็จะหายไปค่ะ
3. หัวดรอปเปอร์ บีบที่หัวดรอปเปอร์เพื่อดูดเนื้อรองพื้น จะไม่ค่อยได้ปริมาณเนื้อขึ้นมากนัก ได้เต็มที่คือ 1-2 หยด เนื่องจากเนื้อรองพื้นตัวนี้ไม่ได้มีเนื้อที่เหลวมากค่ะ เวลาจะใช้อาจจะต้องกดบีบหัวดรอปเปอร์หลายๆครั้ง และปัญหาที่พบอีก 1 เรื่องคือ การเลอะเทอะที่ฝาเกลียว. เลอะเทอะมากจะมีเนื้อรองพื้นมาเลอะไปหมด ไม่ค่อยสวยงามแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ค่ะ
4. ปัญหาใหม่คือ ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน สำหรับรองพื้นในปัจจุบัน. ซึ่งหลายๆแบรนด์ก็ปรับราคาขึ้นมากจนน่าตกใจ สำหรับตัวนี้ราคาอยู่ที่ 2,400฿ โดยมีปริมาณที่ 30 มล. ค่ะ
5. ไม่ค่อยคงทนเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ดูแย่จนลอกออกมาระหว่างวันนะค่ะ ถือว่าค่อนข้างรับได้ แต่ถ้าใครลงรองพื้นใต้ตาด้วย ตัวนี้แอบตกล่องเล็กๆนะค่ะ วิธีแก้คือ หลังจากลงรองพื้นทั่วแล้ว ก่อนลงแป้งกดๆซับๆในบริเวณใต้ตาหรือผิวเปลือกตาอีกครั้งก่อนลงแป้งฝุ่น ก็จะไม่มีปัญหานี้กวนใจค่ะ
สรุป อาจจะซื้อต่อค่ะ (ถ้าหมด) เพราะก็ชอบอยู่พอสมควร ไม่ได้แย่จนเกินไปนักค่ะ แต่ถ้าเทียบกับ Dior Diorskin Air Serum Foundation ชอบตัวดิออร์มากกว่าค่ะ เพราะเนื้อน่าทึ่งมากตั่งแต่สัมผัสเนื้อในครั้งแรกที่ได้ลองเทส ที่สำคัญราคาถูกกว่าด้วย ที่ติดที่ดิออร์ ไม่มีสี 031 จำหน่ายในประเทศไทย ซึ่ง 031 เป็นอันเดอร์สีเหลือง ไม่เหมือนของ บ็อบบี้ บราวน์ ที่มีสีเหลืองเจือปนอยู่ จงเหมาะกับผิวคนไทยมากที่สุด Bobbi Brown Intensive Skin Serum Foundation SPF 40 PA+++ มีวางจำหน่ายแล้วนะค่ะ ตั้งแต่วันที่ 02/04/2558 เป็นต้นมา มี 10 เฉดสีให้เลือกได้เข้ากับสีผิว ในราคา 2,400฿ ค่ะ
(และสำหรับ Dior Diorskin Air Serum Foundation รีวิวจะตามมาเร็วๆนี้นะค่ะ ตัวนี้น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไงติดต่อกันนะค่ะ)
สุดท้ายฝากเพจด้วยนะค่ะ
- www.facebook.com : Beauty & Glamor By Punchy
- Instagram: @punchy_smith
และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันนะค่ะ หากมีข้อเสนอแนะหรือคำถามฝากเอาไว้นะค่ะ แล้วจะรีบมาตอบให้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ
Review Intensive Skin Serum Foundation SPF 40 PA+++ รองพื้นแสนงามใหม่ล่าสุดของคุณพี่บ็อบบี้
รองพื้นตัวใหม่ล่าสุดของคุณพี่บ็อบบี้ของเรา ที่เปิดตัวและเผยโฉมเป็นครั้งแรก ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Bobbi Brown ณ. Miami สหรัฐอเมริกา อีกทั้งรองพื้นตัวนี้ยังเครมดังๆเครมแรงๆว่า มันไม่ใช่เป็นเพียงรองพื้นเท่านั้นแต่ยังคงให้การบำรุงผิวประหนึ่งว่าได้ใช้เซรั่มสูตรเข้มข้นไปในตัวอีกด้วย
มาดูกันว่าเขาเครมแรงๆว่าอย่างไร
"การผสมผสานอย่างลงตัวที่สุดระหว่างเครื่องสำอางและบำรุงผิว ที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูดียิ่งขึ้นตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cold Fusion ที่สามารถผสานคุณค่าอันเปี่ยมประสิทธิภาพของเซรั่มเข้ากับรองพื้นได้อย่างกลมกลืนไร้ที่ติ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อรองพื้นที่ยอดเยี่ยม เป็นธรรมชาติทั้งเนื้อสัมผัสและเฉดสี"
ทำงานอย่างไร
1.ฟื้นฟูสภาพผิว: ด้วยคุณค่าอันทรงพลังของถั่งเฉ้า ที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการซ่อมแซมและผลัดเซลล์ผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูสดชื่น สดใส เนียนเรียบ และดูมีชีวิตชีวา
2.ให้ผิวดูกระจ่างใส: สารสกัดจากใบย่านางจะมุ่งตรงเพื่อลดเลือนความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวดูสม่ำเสมอ
3.เติมความชุ่มชื้น: สารสกัดจากลิ้นจี่, แตงโม และแอ๊ปเปิ้ล จะช่วยเสริมสร้างระดับความชุ่มชื้นให้กับผิว
4.ให้ผิวดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อย และดูเนียนเรียบ: เทคโนโลยีเป๊ปไทด์ “Acetyl Hexapeptide-8” จะช่วยส่งเสริมการผลิตคอลเลเจนให้กับผิวตามธรรมชาติ
5.ฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก: เอนไซม์จากใต้ทะเลลึกจะช่วยฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวแข็งแรง และป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
The First Time: ความรู้สึกแรกใช้ คิดว่าน่าจะเป็นเนื้อเหลวๆ แต่ไม่เลย เนื้อค่อนข้างเป็นกึ่งครีม มีความคงตัว ไม่ไหล แต่ทว่าอ่อนเบาเหมือนมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ในรองพื้น มีกลิ่นหอม แต่เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่คล้ายๆกับกลิ่นของ Essential Oil ดูผ่อนคลายและรู้สึกสะอาดๆธรรมชาติๆหน่อย
มาเริ่มใช้งานจริงกันดีกว่าค่ะ
เริ่มจากผิวเปลือยเปล่าก่อนนะค่ะ ช่วงนี้พักผ่อนน้อยอาจจะดูเป็นซอมบี้หน่อยอย่าตกใจกันนะค่ะ 😃😃
สำหรับพั้นซ์ก็มีปัญหาเดิมๆเนอะคือ
- รูขุมขนกว้าง
- ผิวมัน
- ขี้ร้อน (เหงื่อออกง่ายและเยอะสุดๆ)
เนื่องจากมีปัญหาเรื่องมีผิวมันและรูขุมขนกว้างเนอะ เลยขอใช้ตัวช่วยเพื่อแก้ปัญหาก่อนเนอะด้วย Bobbi Brown Skin Smoothing Pore Perfector ทาในส่วนที่มีผิวมันและรูขุมขนกว้างก่อนนะ (ซึ่งได้ยินมาจากเคาน์เตอร์เขาว่ามันสามารถใช้เป็นไพเมอร์ได้) ส่วนตัวก็ช่วยได้ในระดับนึงนะคะ
โดยครั้งนี้จะลองเทสไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ของด้วยเลยคือ Bobbi Brown illuminating Face Base โดยจะใช้เบสข้างซ้าย และ ไม่ใช้เบสในข้างขวาค่ะ
จะเห็นได้ว่าในข้างที่ใช้เบสนั้น เหมือนจะมีผิวดีขึ้นในระดับนึงค่ะ
เมื่อเริ่มทาลงบนผิว เนื้อเนียนละเอียดเหมือนน้ำ เบาบาง เกลี่ยง่าย มอบลุคบางเบา เป็นผิวมากๆคะ
มาดูอีกข้าง ข้างซ้ายมี่มีเบสเป็นพื้นไว้ค่ะ
ซึ่งความรู้สึกเนื้อรองพื้นรุ่นนี้ เมื่อกดปั๊มออกมาจากขวด สีจะดูสว่างกว่าเนื้อรองพื้นรุ่นอื่นๆของบ็อบบี้ ในเฉดสีเดียวกัน แต่ทว่าเมื่อทาลงบนผิวกลับกลมกลืนเป็นสีเดียวกับผิว
หลังทาผิวรู้สึกมีความนุ่มชุ่มๆดี เนียนเป็นผิวเดียว ในการทาเพียง 1 ชั้น ผิวดูบางเบาเป็นผิวสุดๆ และข้างซ้าย ข้างที่สุดเลสไว้จะมีความวาวมากกว่าข้างขวาที่ไม่ได้ลงเบสค่ะ
และสำหรับคนที่คิดว่าลงครั้งเดียวดูเป็นผิวเกินไปอยากได้ความสมบูรณ์แบบมากกว่านี้เราเลยลงชั้นที่ 2 ให้ได้ดูกันค่ะ
จะเห็นได้ว่าเมื่อลงทับอีก 1 ชั้น. มีการปกปิดมากขึ้น ผิวดีขึ้น รอยแดงของเส้นเลือดฝอยต่างๆเริ่มจางลง แต่สำหรับพั้นซ์ว่า ถ้าใครต้องการปกปิด ลง 2 ชั้นกำลังดี เพราะถ้าลงเพิ่มอีกชั้นเป็นชั้นที่ 3. อาจดูหนาๆได้ค่ะ
มาถึงการลงแป้งฝุ่นค่ะ
พอลงแป้งฝุ่นแล้วหน้าเนียนขึ้นความวาวลดลงทันที
หน้าที่สมบูรณ์คือดีงามมากๆค่ะ มาดูหน้าเต็มกัน แล้วมาฟังข้อดีข้อเสียกันค่ะ
ข้อดี, ข้อเสีย
ข้อดี.
1. หลังใช้ผิวรู้สึกนิ่มๆดี
2. เนื้อบางเบาเกลี่ยง่าย ใช้นิ้วมือเกลี่ยๆแล้วใช้ฟองน้ำหมาดๆกดๆอีกทีจะดีที่สุด ผิวเนียนมากๆ
3. มีกลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลายดี
4. มีส่วนผสมของการบำรุงผิวหน้าด้วย จะเห็นผลไหมคงต้องใช้อย่างต่อเนื่องนะค่ะ
ข้อเสีย.
1. สำหรับสาวผิวมันไม่รอดนะค่ะ หน้ามันง่ายเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก เพราะรองพื้นตัวนี้จะให้ลุคดิวอี้ๆ โกลด์ๆ ชุ่มๆแบบอิ่มน้ำ ถ้าอยากใช้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันไว้บ้างนะค่ะ สำหรับสาวผิวแห้ง น่าจะหลงรักค่ะ
2. เหงื่อออกมากอย่างพั้นซ์. เมื่อมีเหงื่อไหลมากๆ เวลาน้ำเหงื่อไหลลงมาพาดกับผิว จะเกิดคลาบเห็นเป็นทางน้ำไหลของเหงื่อ (แอบน่ากลัว) แต่กดๆซับๆก็จะหายไปค่ะ
3. หัวดรอปเปอร์ บีบที่หัวดรอปเปอร์เพื่อดูดเนื้อรองพื้น จะไม่ค่อยได้ปริมาณเนื้อขึ้นมากนัก ได้เต็มที่คือ 1-2 หยด เนื่องจากเนื้อรองพื้นตัวนี้ไม่ได้มีเนื้อที่เหลวมากค่ะ เวลาจะใช้อาจจะต้องกดบีบหัวดรอปเปอร์หลายๆครั้ง และปัญหาที่พบอีก 1 เรื่องคือ การเลอะเทอะที่ฝาเกลียว. เลอะเทอะมากจะมีเนื้อรองพื้นมาเลอะไปหมด ไม่ค่อยสวยงามแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ค่ะ
4. ปัญหาใหม่คือ ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน สำหรับรองพื้นในปัจจุบัน. ซึ่งหลายๆแบรนด์ก็ปรับราคาขึ้นมากจนน่าตกใจ สำหรับตัวนี้ราคาอยู่ที่ 2,400฿ โดยมีปริมาณที่ 30 มล. ค่ะ
5. ไม่ค่อยคงทนเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ดูแย่จนลอกออกมาระหว่างวันนะค่ะ ถือว่าค่อนข้างรับได้ แต่ถ้าใครลงรองพื้นใต้ตาด้วย ตัวนี้แอบตกล่องเล็กๆนะค่ะ วิธีแก้คือ หลังจากลงรองพื้นทั่วแล้ว ก่อนลงแป้งกดๆซับๆในบริเวณใต้ตาหรือผิวเปลือกตาอีกครั้งก่อนลงแป้งฝุ่น ก็จะไม่มีปัญหานี้กวนใจค่ะ
สรุป อาจจะซื้อต่อค่ะ (ถ้าหมด) เพราะก็ชอบอยู่พอสมควร ไม่ได้แย่จนเกินไปนักค่ะ แต่ถ้าเทียบกับ Dior Diorskin Air Serum Foundation ชอบตัวดิออร์มากกว่าค่ะ เพราะเนื้อน่าทึ่งมากตั่งแต่สัมผัสเนื้อในครั้งแรกที่ได้ลองเทส ที่สำคัญราคาถูกกว่าด้วย ที่ติดที่ดิออร์ ไม่มีสี 031 จำหน่ายในประเทศไทย ซึ่ง 031 เป็นอันเดอร์สีเหลือง ไม่เหมือนของ บ็อบบี้ บราวน์ ที่มีสีเหลืองเจือปนอยู่ จงเหมาะกับผิวคนไทยมากที่สุด Bobbi Brown Intensive Skin Serum Foundation SPF 40 PA+++ มีวางจำหน่ายแล้วนะค่ะ ตั้งแต่วันที่ 02/04/2558 เป็นต้นมา มี 10 เฉดสีให้เลือกได้เข้ากับสีผิว ในราคา 2,400฿ ค่ะ
(และสำหรับ Dior Diorskin Air Serum Foundation รีวิวจะตามมาเร็วๆนี้นะค่ะ ตัวนี้น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไงติดต่อกันนะค่ะ)
สุดท้ายฝากเพจด้วยนะค่ะ
- www.facebook.com : Beauty & Glamor By Punchy
- Instagram: @punchy_smith
และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันนะค่ะ หากมีข้อเสนอแนะหรือคำถามฝากเอาไว้นะค่ะ แล้วจะรีบมาตอบให้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ