ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา (มีนาคม) ซึ่งเป็นช่วงอากาศร้อนจัด พื้นที่ป่าสวนผึ้งถูกไฟไหม้ไปแล้วหลายพันไร่ ในทุกถ้วนทั่วหมู่บ้านของ ต.ตะนาวศรี ต.สวนผึ้ง พื้นที่ป่าอุทยานธรรมชาติวิทยาในโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่มีเนื้อที่กว่า 130,000 ไร่ ได้รับความเสียหาย เหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการจุดเพื่อเผาไร่ เผาเพื่อหาผักหวานป่า เผาเพื่อล่าสัตว์ เป็นน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น ในขณะที่ปริมาณการเกิดไฟป่าเป็นบริเวณกว้าง แต่คนที่จะทำงานด้านอาสาดับไฟป่าหรือหน่วยงานราชการมีน้อยถึงน้อยมาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอ้างว่าได้จัดส่งงบในการดูแลเรื่องไฟป่าให้กับผู้นำชุมชนไปแล้ว แต่ครั้งพอเกิดเหตุไฟป่ามักจะหาความร่วมมือในการดับไฟไม่ได้เลย เช่น พื้นที่ป่าห้วยคอกหมู น้ำตกบ่อหวี และในส่วนของเขาแดน ห้วยม่วง และบางแห่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น เลียงผา ที่ผ่านมาในช่วงเดือนมีนาคม สวนผึ้ง ประสบปัญหาหมอกควันไฟ ทัศนวิสัยทางอากาศแทบปิดสนิท (เช่นเดียวกับข่าวไฟไหม้ป่า) กลุ่มอาสาดับไฟในพื้นที่จึงทำได้เพียงการใช่สื่อสังคมออนไลน์กระจายข่าวเพื่อนำมาซึ่งทุนรอนในการเข้าดับไฟแต่ละครั้ง ถึงแม้ว่าจะโชคดีบ้างในบางช่วงที่มีฝนตกเพียงพอยับยั้งไฟไหม้ป่าไปได้สัก 2-3 วันหลังจากนั้นก็จะมีการจุดไฟเผาป่าขึ้นอีก นี่จึงเป็นปัญหาของพื้นที่ราชพัสดุ ที่ไม่ชัดเจนในการจัดหาผู้ที่จะมารับผิดชอบดูแล ยิ่งนานวันป่าผืนนี้ก็ยิ่งถูกทำลายลงเรื่อยๆโดยยังหาหนทางปกป้องไม่ได้ วิงวอนในส่วนภาครัฐเข้ามาตรวจสอบการทำงานในส่วนของผู้นำชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องการจัดตั้งกลุ่มก้อนทำงานปกกันไฟป่าของแต่ละหมู่บ้านด้วยครับ เพราะจากนี้สภาพอากาศจะยังคงแห้งแล้งต่อไปนานนับเดือน ไฟป่าจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป การเฝ้าระวังไฟป่าที่นี่ คือให้เกิดไฟป่าแล้วขึ้นไปดับได้อย่างรวดเร็ว ที่จริงมันต้องไม่ให้เกิดไฟป่าสิครับมันถึงจะถูก
ไฟป่าสวนผึ้งเผาผลาญไปแล้วนับพันไร่