เรามีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่องคุณแม่ของเราเป็นเอทิสและแอนตี้ศาสนาที่เชื่อพระเจ้ามากๆ
ที่ผ่านมาเราจะไม่แสดงตัวเป็นคริสเตียนต่อหน้าแม่เพราะเราแคร์มาก เราไม่อยากให้ความเป็นคริสเตียนของเราทำให้แม่ขัดหูขัดตาในพระเจ้าไปมากกว่านี้ แค่แม่ได้ยินคำว่าพระเจ้า หรือพระเยซู แม่เราก็หงุดหงิดและเราสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังนั้น เราคิดว่าเราเป็นคนบาป เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ได้เพอร์เฟค และคนอย่างเราพร้อมที่จะทำให้พระเจ้าขายหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าเราแสดงความเป็นคริสเตียนออกไป แม่จะยิ่งเกลียดพระเจ้ามากไปกว่าเดิมหรือเปล่า
แต่พระเจ้าได้เปิดเผยให้เราเห็นว่า มันนานแล้ว แต่ทำไมไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ถ้านี่มันเป็นวิธีที่ถูกต้องมันต้องได้ผลสักนิดบ้างสิ อย่างน้อยเราต้องมีสันติสุข มีชีวิตชีวา ที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่เลย... เราสัมผัสไม่ได้เลยว่าพระเจ้ามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ ทำไมเราต้องแอบไปอธิษฐานในห้องน้ำ ทำไมเราต้องแอบเปิดดูคำเทศนาในมือถือ ทำไมเราจะต้องแอบร้องเพลงสรรเสริฐพระเจ้า ทำไมเราจะต้องแอบ??? เราเป็นขโมยหรอ?? เรากำลังทำสิ่งที่สกปรกอยู่หรอ??
เราได้บังเกิดใหม่แล้วและเรามีชีวิตอยู่ในพระคริสต์แล้ว ทำไมเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกังวลว่าเราจะทำให้พระองค์เสียหายด้วย?
เราจึงค่อยๆ เปิดเผยตัวเองกับแม่มากขึ้นในระยะห้าหกเดือนมานี้ เราเริ่มอธิษฐานทุกที่ที่เราอยากทำ เราเริ่มร้องและเปิดเพลงนมัสการฟังอย่างเปิดเผย และเราเริ่มเปิดดูคำเทศนาในทีวี สิ่งเหล่านี้เพิ่มพูนให้ความเชื่อของเราเติบโตมากขึ้นเยอะมาก เราจดจ่อกับพระเจ้ามากขึ้นและสนิทกับพระเจ้าไวกว่าเดิม ชีวิตเราเริ่มเห็นผลมากกว่าเดิมหลายเท่า แค่หกเดือนแต่ไวกว่าหกปี ความรอดของเราเริ่มแสดงออกมาทางร่างกายและการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการหายขาดจากโรคเรื้อรัง และสันติสุขที่เต็มล้นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
แต่อีกด้านนึงเราสัมผัสได้ว่าแม่เราเป็นไปในทางตรงข้าม เรารู้ว่าแม่กำลังขัดหูขัดตาที่เราเป็นแบบนี้มากๆ และแม่ก็เริ่มแสดงออกถึงสิ่งที่แม่คิดด้วยวิธีต่างๆ
ซึ่งที่ผ่านมามันไปได้สวยตลอด เรารับมือได้ด้วยสันติสุขในพระเยซูคริสต์ แต่พักหลังๆมานี้สันติสุขของเราลดลงเพราะเราไปรับเอาทัศนคติแย่ๆมาจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการบ่นด่า ความเหนื่อยยากลำบาก ท้อแท้ ปัญหาชีวิตต่างๆของผู้อื่น เรารับมาแบกไว้ที่ตัวเรา และแน่นอนเรารับมันไม่ได้เพราะเราไม่ใช่พระเยซู
เมื่อเราอ่อนแอ เราจึงเริ่มดึงดูดความทุกข์เข้ามา และวันนี้ที่แม่เราระเบิดออกมา เรารับมือมันไม่ได้เลย...ที่ผ่านมาพระเจ้าดึงเราไว้ได้ตลอด แต่ครั้งนี้เราถูกแม่ดึงไปจนเป็นเหมือนแม่เลย เราถึงกับพูดออกมาว่า “นู๋ไม่ได้ต้องการให้แม่มาเชื่อพระเจ้าซะหน่อย” และแน่นอนเราไม่มีสันติสุขเลยเพราะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราพูดโดยพระวิญญานบริสุทธิ์
แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่เราเป็นทุกข์ได้แป๊ปเดียว เพราะพระเยซูได้มารับมันเอาไว้และเขวี้ยงมันลงทะเลไปแล้ว
เราอธิษฐานกับพระเจ้าและพบว่า จากเหตุการณ์นี้เราได้เรียนรู้จุดอ่อนของเราอยู่สามอย่างคือ
1.เราอ่อนแอเกินกว่าที่จะไปแชร์ความรู้สึกกับคนที่ขาดความเชื่อ คนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการติเตียน บ่นด่า และเบื่อโลก
2.นอกจากพระเจ้าแล้วเราไม่มีใครอื่นที่จะช่วยหนุนใจเราได้เลย เพราะเราไม่ไปโบสถ์
3.เราไม่ผิดที่เรายืดหยัดในความเชื่อของตนเอง ไม่ผิดที่เราแสดงวิธีชีวิตคริสเตียนออกมา แต่เราไม่ควรแสดงออกสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สั่ง นั้นก็คือการเถียง
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อ่านปัญหาของเรามาจนจบถึงตรงนี้ แม้มันจะยาวมาก แต่เพราะอยากให้คนอ่านรู้ทัศนคติของเราให้ได้มากที่สุด
แม้เราจะมองเห็นปัญหาบางส่วน แต่เราคิดว่ามันยังไม่ใช่ทั้งหมด พระเจ้าต้องการให้เราได้รับความคิดเห็นจากคริสเตียนคนอื่นด้วยค่ะ โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว
เมื่อก่อนเราคิดว่ามีแค่พระเจ้าก็พอแล้ว ไม่ต้องการพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาน แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ ว่าคนรอบข้างก็สำคัญ โดยเฉพาะคนรอบข้างที่มีความเชื่อและประสบการณ์มากกว่าเรา
เรากำลังแสวงหาด้วยการมาโพสที่พันทิปก่อนค่ะ มีใครจะแนะนำอะไรเราได้บ้างหรือเปล่าคะ หรือแนะนำโบสถ์ให้เราก็ยังดี เราอยู่แถวบางนาค่ะ หรือตามแนวบีทีเอสก็สะดวกค่ะ
อยากได้คำปรึกษาจากคริสเตียนที่เคยผ่านการแอนตี้จากคนใกล้ชิดค่ะ
ที่ผ่านมาเราจะไม่แสดงตัวเป็นคริสเตียนต่อหน้าแม่เพราะเราแคร์มาก เราไม่อยากให้ความเป็นคริสเตียนของเราทำให้แม่ขัดหูขัดตาในพระเจ้าไปมากกว่านี้ แค่แม่ได้ยินคำว่าพระเจ้า หรือพระเยซู แม่เราก็หงุดหงิดและเราสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังนั้น เราคิดว่าเราเป็นคนบาป เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ได้เพอร์เฟค และคนอย่างเราพร้อมที่จะทำให้พระเจ้าขายหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าเราแสดงความเป็นคริสเตียนออกไป แม่จะยิ่งเกลียดพระเจ้ามากไปกว่าเดิมหรือเปล่า
แต่พระเจ้าได้เปิดเผยให้เราเห็นว่า มันนานแล้ว แต่ทำไมไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ถ้านี่มันเป็นวิธีที่ถูกต้องมันต้องได้ผลสักนิดบ้างสิ อย่างน้อยเราต้องมีสันติสุข มีชีวิตชีวา ที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่เลย... เราสัมผัสไม่ได้เลยว่าพระเจ้ามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ ทำไมเราต้องแอบไปอธิษฐานในห้องน้ำ ทำไมเราต้องแอบเปิดดูคำเทศนาในมือถือ ทำไมเราจะต้องแอบร้องเพลงสรรเสริฐพระเจ้า ทำไมเราจะต้องแอบ??? เราเป็นขโมยหรอ?? เรากำลังทำสิ่งที่สกปรกอยู่หรอ??
เราได้บังเกิดใหม่แล้วและเรามีชีวิตอยู่ในพระคริสต์แล้ว ทำไมเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกังวลว่าเราจะทำให้พระองค์เสียหายด้วย?
เราจึงค่อยๆ เปิดเผยตัวเองกับแม่มากขึ้นในระยะห้าหกเดือนมานี้ เราเริ่มอธิษฐานทุกที่ที่เราอยากทำ เราเริ่มร้องและเปิดเพลงนมัสการฟังอย่างเปิดเผย และเราเริ่มเปิดดูคำเทศนาในทีวี สิ่งเหล่านี้เพิ่มพูนให้ความเชื่อของเราเติบโตมากขึ้นเยอะมาก เราจดจ่อกับพระเจ้ามากขึ้นและสนิทกับพระเจ้าไวกว่าเดิม ชีวิตเราเริ่มเห็นผลมากกว่าเดิมหลายเท่า แค่หกเดือนแต่ไวกว่าหกปี ความรอดของเราเริ่มแสดงออกมาทางร่างกายและการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการหายขาดจากโรคเรื้อรัง และสันติสุขที่เต็มล้นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
แต่อีกด้านนึงเราสัมผัสได้ว่าแม่เราเป็นไปในทางตรงข้าม เรารู้ว่าแม่กำลังขัดหูขัดตาที่เราเป็นแบบนี้มากๆ และแม่ก็เริ่มแสดงออกถึงสิ่งที่แม่คิดด้วยวิธีต่างๆ
ซึ่งที่ผ่านมามันไปได้สวยตลอด เรารับมือได้ด้วยสันติสุขในพระเยซูคริสต์ แต่พักหลังๆมานี้สันติสุขของเราลดลงเพราะเราไปรับเอาทัศนคติแย่ๆมาจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการบ่นด่า ความเหนื่อยยากลำบาก ท้อแท้ ปัญหาชีวิตต่างๆของผู้อื่น เรารับมาแบกไว้ที่ตัวเรา และแน่นอนเรารับมันไม่ได้เพราะเราไม่ใช่พระเยซู
เมื่อเราอ่อนแอ เราจึงเริ่มดึงดูดความทุกข์เข้ามา และวันนี้ที่แม่เราระเบิดออกมา เรารับมือมันไม่ได้เลย...ที่ผ่านมาพระเจ้าดึงเราไว้ได้ตลอด แต่ครั้งนี้เราถูกแม่ดึงไปจนเป็นเหมือนแม่เลย เราถึงกับพูดออกมาว่า “นู๋ไม่ได้ต้องการให้แม่มาเชื่อพระเจ้าซะหน่อย” และแน่นอนเราไม่มีสันติสุขเลยเพราะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราพูดโดยพระวิญญานบริสุทธิ์
แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่เราเป็นทุกข์ได้แป๊ปเดียว เพราะพระเยซูได้มารับมันเอาไว้และเขวี้ยงมันลงทะเลไปแล้ว
เราอธิษฐานกับพระเจ้าและพบว่า จากเหตุการณ์นี้เราได้เรียนรู้จุดอ่อนของเราอยู่สามอย่างคือ
1.เราอ่อนแอเกินกว่าที่จะไปแชร์ความรู้สึกกับคนที่ขาดความเชื่อ คนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการติเตียน บ่นด่า และเบื่อโลก
2.นอกจากพระเจ้าแล้วเราไม่มีใครอื่นที่จะช่วยหนุนใจเราได้เลย เพราะเราไม่ไปโบสถ์
3.เราไม่ผิดที่เรายืดหยัดในความเชื่อของตนเอง ไม่ผิดที่เราแสดงวิธีชีวิตคริสเตียนออกมา แต่เราไม่ควรแสดงออกสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สั่ง นั้นก็คือการเถียง
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อ่านปัญหาของเรามาจนจบถึงตรงนี้ แม้มันจะยาวมาก แต่เพราะอยากให้คนอ่านรู้ทัศนคติของเราให้ได้มากที่สุด
แม้เราจะมองเห็นปัญหาบางส่วน แต่เราคิดว่ามันยังไม่ใช่ทั้งหมด พระเจ้าต้องการให้เราได้รับความคิดเห็นจากคริสเตียนคนอื่นด้วยค่ะ โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว
เมื่อก่อนเราคิดว่ามีแค่พระเจ้าก็พอแล้ว ไม่ต้องการพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาน แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ ว่าคนรอบข้างก็สำคัญ โดยเฉพาะคนรอบข้างที่มีความเชื่อและประสบการณ์มากกว่าเรา
เรากำลังแสวงหาด้วยการมาโพสที่พันทิปก่อนค่ะ มีใครจะแนะนำอะไรเราได้บ้างหรือเปล่าคะ หรือแนะนำโบสถ์ให้เราก็ยังดี เราอยู่แถวบางนาค่ะ หรือตามแนวบีทีเอสก็สะดวกค่ะ