ปกติเมื่อพูดถึงทริปไปเที่ยวเกาะ หลายคนคงนึกถึงการดำน้ำ ดูปราการัง ดูปลาสวยๆ นอนพักผ่อนชิวๆริมหาด แต่สำหรับทริปนี้ผมขอแนะนำทริปเที่ยวเกาะที่ไม่เหมือนใคร และก็ไม่มีใครเหมือน เพราะเราจะพาเพื่อนๆไปเดินป่าบนเกาะ ตามหาลิงจมูกยาวที่หายาก "Proboscis Monkey" พบเห็นได้เฉพาะบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น นอกจากนี้บนเกาะยังมีเจ้าหมูเครางามพบเห็นได้ทั่วไปตามชายหาดโดยเฉพาะเวลาน้ำลง เป็นเวลาโปรดของมันเลย!!! เป็นอีกทริปที่ต้องห้ามพลาดสำหรับคนรักธรรมชาติ ชอบเดินป่า ถ่ายรูปสัตว์ป่าหายาก
ส่วนใครที่สนใจรับข่าวสารดีๆ ก็ติดตามได้ที่
http://www.facebook.com/BigJourney หรือ
https://www.facebook.com/iamtravelaholic
"แรงบรรดาลใจของทริปเที่ยวเกาะที่ไม่เหมือนใคร และก็ไม่มีใครเหมือน"
ทริปนี้เกิดจากผมเห็นสติกเกอร์แนะนำการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นรูปลิงหน้าตาแปลกๆ มีจมูกยาวและใหญ่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน พอกลับถึงที่พักผมก็เริ่มลองหาข้อมูลคราวๆ และพบว่ามันเป็นสัตว์ใกล้จะสูญพันธ์ พบเห็นได้เฉพาะบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น จากนั้นผมก็เริ่มหาข้อมูลอุทยานต่างๆที่อยู่บนเกาะบอร์เนียว จนพบว่าที่อุทยานแห่งชาติ "บาโก" มีลิงจมูกยาวอาศัยอยู่ เท่านั้นแหละเลือดนักสำรวจมันก็พุงปรี๊ด อยากจะไปซะวันนี้เลย ผมโทรไปชวนเพื่อนมาเล แต่เดือนนั้นเราไม่มีวันหยุดเลย ผมเลยตัดสินใจ เอาวะไปกันเสาร์อาทิตย์นี่แหละ
"อุทยานแห่งชาติบาโก เกาะบอร์เนียว อาเซียนบ้านเรานี้เอง"
เกาะบอร์เนียว เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเกาะกรีนแลนด์ และเกาะนิวกินี มีประเทศ 3 ประเทศอยู่ในเกาะบอร์เนียว คือ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย
อุทยานแห่งชาติบาโก (Bako National Park) ตั้งอยู่ในนครกูชิง(Kuching) เมืองหลวงของรัฐซาราวัก(Sarawak) ประเทศมาเลเซีย
"การเดินทาง"
จากประเทศไทยต้องนั่งเครื่องมาลงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แล้วก็ต่อเครื่องมาลงกูชิง ส่วนผมอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์สบายหน่อย นั่งแค่ต่อเดียว ทริปนี้พวกเราใช้บริการหางแดง ออกเดินทางตั้งแต่เช้าจากกกัวลาลัมเปอร์เวลา 6.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง พอใกล้ถึงกูชิงผมก็สัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าใกล้ๆชายฝั่งซึ่งจะเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติบาโก เราไปถึงสนามบินกูชิง รัฐซาราวัก ประมาณ 8.30 น.
การเดินทาจากสนามบินกูชิงไปอุทยานแห่งชาติบาโกนั้น เนื่องด้วยอุทยานไม่สามาารถเข้าถึงได้ทางบก ต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น ทำให้การเดินทางจากสนามบินไปอุทยานซับซ้อนขึ้นนิดหน่อย พวกเราเลือกนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินเข้าไปในเมือง ค่าโดยสารอยู่ที่ 25 ริงกิต (1 ริงกิต = 10 บาท) แล้วเดินไปขึ้นรถบัสหน้า Electra House ตามรูปข้างล่าง แต่รถที่จะขึ้นไม่ใช่คันในรูปนะครับ
จากหน้า Electra House เราต้องนั่งรถบัสสีแดง สาย 1 kuching ไป Bako
ค่ารถบัสตกคนละ 3.5 ริงกิต
สภาพภายในรถบัส
พอถึงท่าเรือ เราต้องเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 20 ริงกิต กับค่าเรือไปรับไปส่งราคา 95 ริงกิตต่อลำ โดยเรือลำที่ผมนั่งจุได้ประมาณ 4 คน
นั่งเรือประมาณ 30 นาทีเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติบาโก
ถึงอุทยานประมาณเกือบเที่ยง
จากท่าเรือของอุทยานไปยังที่ทำการอุทยาน เราต้องเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร
พอถึงที่ทำการอุทยาน เจ้าหมูเครางามก็ออกมาตอนรับผมหน้าที่ทำการอุทยานเลย ตื่นเต้นมากไม่คิดว่าจะเจอง่ายขนาดนี้ มันเป็นหมูป่าที่มีเคราเป็นเอกลักษณ์ อาจจะดูรกรุงรังไปนิด
ดูกันแบบใกล้ๆจากด้านข้าง เคราพี่แกไม่เป็นสองรองใครจริงๆ!!!! หมูเครา(bearded Pig) หรืออีกชื่อคือ "Sus barbatus" พบเห็นได้เฉพาะในเกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา และตอนใต้ของประเทศมาเลเซียฝั่งติดกับไทย
อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ คือ มีเส้นทางเดินป่าที่มีมากถึง 16 เส้นทาง เยอะมาก!!!
เราฝากสัมภาระทั้งหมดไว้ที่อุทยาน แล้วกินข้าวเอาแรงกันก่อน แล้วเริ่มเดินป่ากัน แผนวันนี้จะเดินทั้งหมดสามเส้นทางมี Pandan Pesar, Pandan Kecil และ Paku
ตอนนั่งเรือเข้ามา ตรงทางเข้าอุทยาน จะมีต้นไม้ตายยืนต้นอยู่ในน้ำ เป็นจุดเด่นของทางเข้าอุทยานบาโก
เส้นทางเดินป่าส่วนใหญ่ จะเป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ เต็มไปด้วยรากไม้
สำหรับที่นี้การเดินป่าในอุทยานไม่ต้องมีไกด์นำทาง ตลอดเส้นทางจะมีการทาสี และมีป้ายบอกทางเป้นระยะๆ
ลานหินทรายเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นของที่นี่
บางช่วงจะเป็นทางเดินไม้ ไม่รู้จะยาวไปไหน
ตลอดเส้นทางเดินป่า จะไม่มีจุดเติมน้ำเลย แนะนำว่าเอาน้ำติดตัวมาคนละสองขวดเล็กเป็นอย่างน้อย
สุดเส้นทาาง Pandan Pesar จะเป็นหน้าผาหิน วิวไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร
จากนั้นเราก็เดินต่อไป Pandan Kecil ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Pandan Pesar เดินไม่นานมากก็มาถึง Pandan Kecil จุดเด่นของตรงนี้ คือ ลานหินแตก กับวิวจากหน้าผาหิน สวยใช้ได้เลย
ลานหินแตก!!!!
ศิลปะจากธรรมชาติ - แผ่นหินแบนๆ นูนขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
วิวตรงหน้าผาหิน
ถ่ายรูปกันจุใจ เดินกันต่อ เส้นทางสุดท้ายของวันนี้คือ Paku สุดเส้นทาง Paku จะเป็นชายหาด จากแผนที่บอกว่าเราจะมีโอกาสเจอลิงจมูกยาวที่จุดนี้ ใช้เวลานานเป็นชั่วโมงว่าจะมาถึง Paku
พอถึงชายหาดผมก็เริ่มกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาลิงจมูกยาว และแล้วกลับไม่เจอสักกะตัว เศร้าเลย
ปลอบใจตัวเองว่ายังมีพรุ่งนี้อีกวัน บนความผิดหวังมันก็มีรางวัลปลอบใจ ซึ่งมันก็คือ เจ้าหมูเครายาวกำลังเดินหาอะไรกินริมชายหาด มันเป็นภาพที่ไม่เคยอยู่ในหัวสมองผมมาก่อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเจ้าหมูเครายาวมันกินอาหารทะเลด้วยครับ หนึ่งในอาหารจานโปรดของมันคือแมงกระพรุนที่ลอยมาติดชายหาด นอกจากนี้มันยังกินปูตามชายหาดด้วยโดยมันจะใช้จมูกขุดดินจับปูกิน
พอพระอาทิตย์เริ่มตก เราก็เริ่มเดินกลับ
ขอถ่ายเจ้าหมูเคราอีกสักใบก่อนกลับ
เจ้าลิงหัวขโมยเจอระว่างทางกลับไปที่ทำการอุทยาน มันเอาอาหารที่ขโมยทั้งหมดมาเก็บไว้ในถุงที่คอ
เรากลับถึงที่ทำการอุทยานประมาณหกโมง อาหารเย็นที่นี่เริ่ม 6.30 ถึง 9.00 pm ทริปนี้เราเลือกกางเต้นนอน เสียค่าพื้นที่กางเต้น 5 ริงกิตต่อคน ลานกางเต้นจะอยู่ลึกเข้าไปในป่านิดนึง มีห้องน้ำรวม วันที่เราไปไม่มีใครเลย บรรยากาศวังเวงประมาณนึง ผมนอนไม่ค่อยหลับ อากาศค่อนข้างร้อน ประกอบกับลานกางเต้นอยู่ลึกเข้าไปในป่า เลยไม่มีลมเลย
วันที่ 2 ผมตื่นแต่เช้า ออกไปเดินเล่นริมหาด แต่เช้านี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตื่นเช้า เจ้าหมูเครางามด้วยเหมือนกัน
ผมเริ่มชินตากับ ภาพหมูเดินเล่นตามชายหาด ช่วงเช้าถือว่าเป็นเวลาอาหารเช้าของพวกมันเลย พอน้ำลงการจับปู หอย กินก็ง่ายขึ้น
เมื่ออาหารบนบกขาดแคลน วิวัฒนาการก็เริ่มขึ้น มันเรียนรู้ที่จะหาอาหารจากทะเลเผื่อความอยู่รอด
บ้างตัวเพิ่งเดินลงมาที่หาด บางตัวก็กินจนพุงกลางกำลังเดินขึ้นจากหาด
หลังจากเดินเล่นจนจุใจ เห็นหมูเครากินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ถึงเวลาคนกินข้าวเช้าบ้าง พอทานเสร็จเราก็เก็บเต้น เอาสัมภาระไปฝากที่ที่ทำการอุทยาน สำหรับแผนวันนี้เราจะเดินไป Tajor WaterFall ระยะทางประมาณ 3.5 กิโล แอบหวังเล็กๆว่าจะเจอลิงจมูกยาวระหว่างทาง
สิ่งที่แปลกจากเมื่อวานคือระดับน้ำทะเลต่ำลงจนเราเห็นพื้นดิน
เดินไปสักพักได้ยินเสียงแปลกๆ หันไป เจอฝูงลิงหน้าตาแปลกๆ อยู่ข้างทาง
มันเป็นลิงตัวดำๆ แต่ปลายขนเป็นสีขาว หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ซื่อของมันก็คือ "Silver Leaf Monkey"
ถ่ายติดแต่ด้านข้าง
เส้นทางวันนี้ เป็นเส้นทางไปน้ำตก สองข้างทางดูเขียวชอุ่มกว่าเมื่อวานมาก
เจอต้นหมอข้าวแกงลิงเป็นระยะ
หมอข้าวแกงลิงพันธ์นี้ดูแปลกตา มีขนาดเล็ก ไม่มีฝาปิด
เดินกันต่อ
บางช่วงก็เป็นทางหินทรายเหมือนเมื่อวาน
[CR] แบกเป้ เดินป่าบนเกาะ กับ ภารกิจ "ตามหาลิงจมูกยาวที่อุทยานแห่งชาติบาโก" มาเลเซีย
ส่วนใครที่สนใจรับข่าวสารดีๆ ก็ติดตามได้ที่ http://www.facebook.com/BigJourney หรือ https://www.facebook.com/iamtravelaholic
"แรงบรรดาลใจของทริปเที่ยวเกาะที่ไม่เหมือนใคร และก็ไม่มีใครเหมือน"
ทริปนี้เกิดจากผมเห็นสติกเกอร์แนะนำการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นรูปลิงหน้าตาแปลกๆ มีจมูกยาวและใหญ่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน พอกลับถึงที่พักผมก็เริ่มลองหาข้อมูลคราวๆ และพบว่ามันเป็นสัตว์ใกล้จะสูญพันธ์ พบเห็นได้เฉพาะบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น จากนั้นผมก็เริ่มหาข้อมูลอุทยานต่างๆที่อยู่บนเกาะบอร์เนียว จนพบว่าที่อุทยานแห่งชาติ "บาโก" มีลิงจมูกยาวอาศัยอยู่ เท่านั้นแหละเลือดนักสำรวจมันก็พุงปรี๊ด อยากจะไปซะวันนี้เลย ผมโทรไปชวนเพื่อนมาเล แต่เดือนนั้นเราไม่มีวันหยุดเลย ผมเลยตัดสินใจ เอาวะไปกันเสาร์อาทิตย์นี่แหละ
"อุทยานแห่งชาติบาโก เกาะบอร์เนียว อาเซียนบ้านเรานี้เอง"
เกาะบอร์เนียว เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเกาะกรีนแลนด์ และเกาะนิวกินี มีประเทศ 3 ประเทศอยู่ในเกาะบอร์เนียว คือ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย
อุทยานแห่งชาติบาโก (Bako National Park) ตั้งอยู่ในนครกูชิง(Kuching) เมืองหลวงของรัฐซาราวัก(Sarawak) ประเทศมาเลเซีย
"การเดินทาง"
จากประเทศไทยต้องนั่งเครื่องมาลงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แล้วก็ต่อเครื่องมาลงกูชิง ส่วนผมอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์สบายหน่อย นั่งแค่ต่อเดียว ทริปนี้พวกเราใช้บริการหางแดง ออกเดินทางตั้งแต่เช้าจากกกัวลาลัมเปอร์เวลา 6.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง พอใกล้ถึงกูชิงผมก็สัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าใกล้ๆชายฝั่งซึ่งจะเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติบาโก เราไปถึงสนามบินกูชิง รัฐซาราวัก ประมาณ 8.30 น.
การเดินทาจากสนามบินกูชิงไปอุทยานแห่งชาติบาโกนั้น เนื่องด้วยอุทยานไม่สามาารถเข้าถึงได้ทางบก ต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น ทำให้การเดินทางจากสนามบินไปอุทยานซับซ้อนขึ้นนิดหน่อย พวกเราเลือกนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินเข้าไปในเมือง ค่าโดยสารอยู่ที่ 25 ริงกิต (1 ริงกิต = 10 บาท) แล้วเดินไปขึ้นรถบัสหน้า Electra House ตามรูปข้างล่าง แต่รถที่จะขึ้นไม่ใช่คันในรูปนะครับ
จากหน้า Electra House เราต้องนั่งรถบัสสีแดง สาย 1 kuching ไป Bako
ค่ารถบัสตกคนละ 3.5 ริงกิต
สภาพภายในรถบัส
พอถึงท่าเรือ เราต้องเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 20 ริงกิต กับค่าเรือไปรับไปส่งราคา 95 ริงกิตต่อลำ โดยเรือลำที่ผมนั่งจุได้ประมาณ 4 คน
นั่งเรือประมาณ 30 นาทีเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติบาโก
ถึงอุทยานประมาณเกือบเที่ยง
จากท่าเรือของอุทยานไปยังที่ทำการอุทยาน เราต้องเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร
พอถึงที่ทำการอุทยาน เจ้าหมูเครางามก็ออกมาตอนรับผมหน้าที่ทำการอุทยานเลย ตื่นเต้นมากไม่คิดว่าจะเจอง่ายขนาดนี้ มันเป็นหมูป่าที่มีเคราเป็นเอกลักษณ์ อาจจะดูรกรุงรังไปนิด
ดูกันแบบใกล้ๆจากด้านข้าง เคราพี่แกไม่เป็นสองรองใครจริงๆ!!!! หมูเครา(bearded Pig) หรืออีกชื่อคือ "Sus barbatus" พบเห็นได้เฉพาะในเกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา และตอนใต้ของประเทศมาเลเซียฝั่งติดกับไทย
อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ คือ มีเส้นทางเดินป่าที่มีมากถึง 16 เส้นทาง เยอะมาก!!!
เราฝากสัมภาระทั้งหมดไว้ที่อุทยาน แล้วกินข้าวเอาแรงกันก่อน แล้วเริ่มเดินป่ากัน แผนวันนี้จะเดินทั้งหมดสามเส้นทางมี Pandan Pesar, Pandan Kecil และ Paku
ตอนนั่งเรือเข้ามา ตรงทางเข้าอุทยาน จะมีต้นไม้ตายยืนต้นอยู่ในน้ำ เป็นจุดเด่นของทางเข้าอุทยานบาโก
เส้นทางเดินป่าส่วนใหญ่ จะเป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ เต็มไปด้วยรากไม้
สำหรับที่นี้การเดินป่าในอุทยานไม่ต้องมีไกด์นำทาง ตลอดเส้นทางจะมีการทาสี และมีป้ายบอกทางเป้นระยะๆ
ลานหินทรายเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นของที่นี่
บางช่วงจะเป็นทางเดินไม้ ไม่รู้จะยาวไปไหน
ตลอดเส้นทางเดินป่า จะไม่มีจุดเติมน้ำเลย แนะนำว่าเอาน้ำติดตัวมาคนละสองขวดเล็กเป็นอย่างน้อย
สุดเส้นทาาง Pandan Pesar จะเป็นหน้าผาหิน วิวไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร
จากนั้นเราก็เดินต่อไป Pandan Kecil ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Pandan Pesar เดินไม่นานมากก็มาถึง Pandan Kecil จุดเด่นของตรงนี้ คือ ลานหินแตก กับวิวจากหน้าผาหิน สวยใช้ได้เลย
ลานหินแตก!!!!
ศิลปะจากธรรมชาติ - แผ่นหินแบนๆ นูนขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
วิวตรงหน้าผาหิน
ถ่ายรูปกันจุใจ เดินกันต่อ เส้นทางสุดท้ายของวันนี้คือ Paku สุดเส้นทาง Paku จะเป็นชายหาด จากแผนที่บอกว่าเราจะมีโอกาสเจอลิงจมูกยาวที่จุดนี้ ใช้เวลานานเป็นชั่วโมงว่าจะมาถึง Paku
พอถึงชายหาดผมก็เริ่มกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาลิงจมูกยาว และแล้วกลับไม่เจอสักกะตัว เศร้าเลย ปลอบใจตัวเองว่ายังมีพรุ่งนี้อีกวัน บนความผิดหวังมันก็มีรางวัลปลอบใจ ซึ่งมันก็คือ เจ้าหมูเครายาวกำลังเดินหาอะไรกินริมชายหาด มันเป็นภาพที่ไม่เคยอยู่ในหัวสมองผมมาก่อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเจ้าหมูเครายาวมันกินอาหารทะเลด้วยครับ หนึ่งในอาหารจานโปรดของมันคือแมงกระพรุนที่ลอยมาติดชายหาด นอกจากนี้มันยังกินปูตามชายหาดด้วยโดยมันจะใช้จมูกขุดดินจับปูกิน
พอพระอาทิตย์เริ่มตก เราก็เริ่มเดินกลับ
ขอถ่ายเจ้าหมูเคราอีกสักใบก่อนกลับ
เจ้าลิงหัวขโมยเจอระว่างทางกลับไปที่ทำการอุทยาน มันเอาอาหารที่ขโมยทั้งหมดมาเก็บไว้ในถุงที่คอ
เรากลับถึงที่ทำการอุทยานประมาณหกโมง อาหารเย็นที่นี่เริ่ม 6.30 ถึง 9.00 pm ทริปนี้เราเลือกกางเต้นนอน เสียค่าพื้นที่กางเต้น 5 ริงกิตต่อคน ลานกางเต้นจะอยู่ลึกเข้าไปในป่านิดนึง มีห้องน้ำรวม วันที่เราไปไม่มีใครเลย บรรยากาศวังเวงประมาณนึง ผมนอนไม่ค่อยหลับ อากาศค่อนข้างร้อน ประกอบกับลานกางเต้นอยู่ลึกเข้าไปในป่า เลยไม่มีลมเลย
วันที่ 2 ผมตื่นแต่เช้า ออกไปเดินเล่นริมหาด แต่เช้านี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตื่นเช้า เจ้าหมูเครางามด้วยเหมือนกัน
ผมเริ่มชินตากับ ภาพหมูเดินเล่นตามชายหาด ช่วงเช้าถือว่าเป็นเวลาอาหารเช้าของพวกมันเลย พอน้ำลงการจับปู หอย กินก็ง่ายขึ้น
เมื่ออาหารบนบกขาดแคลน วิวัฒนาการก็เริ่มขึ้น มันเรียนรู้ที่จะหาอาหารจากทะเลเผื่อความอยู่รอด
บ้างตัวเพิ่งเดินลงมาที่หาด บางตัวก็กินจนพุงกลางกำลังเดินขึ้นจากหาด
หลังจากเดินเล่นจนจุใจ เห็นหมูเครากินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ถึงเวลาคนกินข้าวเช้าบ้าง พอทานเสร็จเราก็เก็บเต้น เอาสัมภาระไปฝากที่ที่ทำการอุทยาน สำหรับแผนวันนี้เราจะเดินไป Tajor WaterFall ระยะทางประมาณ 3.5 กิโล แอบหวังเล็กๆว่าจะเจอลิงจมูกยาวระหว่างทาง
สิ่งที่แปลกจากเมื่อวานคือระดับน้ำทะเลต่ำลงจนเราเห็นพื้นดิน
เดินไปสักพักได้ยินเสียงแปลกๆ หันไป เจอฝูงลิงหน้าตาแปลกๆ อยู่ข้างทาง
มันเป็นลิงตัวดำๆ แต่ปลายขนเป็นสีขาว หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ซื่อของมันก็คือ "Silver Leaf Monkey"
ถ่ายติดแต่ด้านข้าง
เส้นทางวันนี้ เป็นเส้นทางไปน้ำตก สองข้างทางดูเขียวชอุ่มกว่าเมื่อวานมาก
เจอต้นหมอข้าวแกงลิงเป็นระยะ
หมอข้าวแกงลิงพันธ์นี้ดูแปลกตา มีขนาดเล็ก ไม่มีฝาปิด
เดินกันต่อ
บางช่วงก็เป็นทางหินทรายเหมือนเมื่อวาน