สวัสดีค่ะ สำหรับวันนี้ก็จะมาโชว์ หรืออยากมาอวดของที่ได้มาจากการช๊อปกระจาย จากทริปที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกค่ะ
แล้วงบประมาณในการใช้จ่ายทั้งหมดนี่ อันนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเราก็หมดไปเยอะน่าดู
ถ้าดูจากปริมาณเครื่องสำอางแล้วก็สินค้าอื่นๆที่เราหิ้วมาจนหลังแอ่น รวมถึงที่ผู้ติดตามถือให้ 555+
ก็สำหรับคนที่จะไปเที่ยวหรือมีความตั้งใจจะไปช๊อปปิ้งโดยเฉพาะเนี่ยขอแนะนำเลยว่า
สำหรับคนที่จะไปเที่ยวช๊อปสิ่งที่อยากได้เนี่ย การใช้เงินสดน่าจะดีที่สุด แลกเงินไปเยอะๆก็น่าจะดีค่ะ
ดีกว่าไม่มีเงินช๊อปแล้วจะเสียดายค่ะ แล้วก็ควรทำการบ้านไปก่อนว่าเราอยากซื้ออะไร ซื้อที่ไหน
เพราะในแต่ละร้านเนี่ย สินค้าจะเยอะมาก ดูจนตาลาย และพอเข้าไปในร้านเราจะเจอสินค้า ยิ่งเยอะยิ่งกระตุ้นความอยากได้
หรือไม่ก็พอเราไปดูสาขาแรก หรือร้านแรกแล้ว มันมีไม่ครบ บางสีขาด บางยี่ห้อไม่มี เราก็ไปดูร้านต่อไป
เช็คไปเลย อีกอย่างคือพนักงานส่วนใหญ่ หรืออย่างที่รู้ๆกันว่าคนญี่ปุ่นแทบจะทุกคนเลยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
เราก็ควรปรินท์รูปภาพสินค้าไป ชื่อสินค้าไปจะดีมากถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษค่ะ
สำหรับการหาข้อมูลของแป้งนั้น ตอนแรกก็มาดูก่อนเลยว่า จะไปหาซื้อสินค้าพวกเครื่องสำอาง หรือวิตามินได้ที่ไหนบ้าง
ก็หาจากกูเกิ้ล หรือไม่ก็รีวิวจากคนที่เคยไปเที่ยวมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้าน Matsumoto Kiyoshi หรือเรียกว่า มัตสึคิโยะ
เป็นร้านที่ขายทั้งยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง ขนม เครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงชั้นใต้ดินที่มีขายน้ำยาถูพื้นและน้ำยาซักผ้าต่างๆ
เราก็ได้มาจากร้านนี้ แต่ที่จริงมันก็มีร้านอื่นอีกเยอะแยะ ทั้ง Sun Drugs ดองกี้ ไม่ก็ AMEYOKO เยอะแยะค่ะ
แต่คือจขกท.ไปกับทัวร์ มีเวลาให้เดินทางไปน้อย ก็เลยต้องรีบหาร้านที่จะช๊อปของที่ต้องการ พอเจอร้านไหนก็รีบเข้าร้านนั้น
เจออันไหนก็รีบๆซื้อ มันมีเวลาให้น้อย อีกอย่างข้อดีของร้านเหล่านี้คือมันจะหักภาษีให้เลย แต่ว่าถ้าเราไปซื้อก็ต้องเอาหนังสือเดินทางไปด้วยนะคะ
พอเราซื้อเนี่ย เวลาจ่ายเงิน เราก็ต้องแสดงพาสปอร์ทหรือหนังสือเดินทางให้เขา เขาก็จะเอาเอกสารให้เราเซ็นต์
จากนั้นเขาก็จะเอาใบเสร็จแนบไปกับพาสปอร์ตเราค่ะ รวมไปถึง เขาก็จะแพ็คถุงสินค้าที่เราซื้อจากร้านของเขาอย่าดี
พร้อมกับบอกเราค่ะ ว่าห้ามเปิดถุงนั้นจนกว่าจะกลับถึงประเทศไทย มิเช่นนั้นจะโดนคิดภาษีค่า
งั้นเรามาชมกันเลยดีกว่า ว่าจขกท.ได้อะไรกันมาบ้าง อันนี้ภาพรวมค่ะ
(กระทู้อวด) เปิดกระเป๋าเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นช๊อปเครื่องสำอางช่วงซากุระบานค่า
แล้วงบประมาณในการใช้จ่ายทั้งหมดนี่ อันนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเราก็หมดไปเยอะน่าดู
ถ้าดูจากปริมาณเครื่องสำอางแล้วก็สินค้าอื่นๆที่เราหิ้วมาจนหลังแอ่น รวมถึงที่ผู้ติดตามถือให้ 555+
ก็สำหรับคนที่จะไปเที่ยวหรือมีความตั้งใจจะไปช๊อปปิ้งโดยเฉพาะเนี่ยขอแนะนำเลยว่า
สำหรับคนที่จะไปเที่ยวช๊อปสิ่งที่อยากได้เนี่ย การใช้เงินสดน่าจะดีที่สุด แลกเงินไปเยอะๆก็น่าจะดีค่ะ
ดีกว่าไม่มีเงินช๊อปแล้วจะเสียดายค่ะ แล้วก็ควรทำการบ้านไปก่อนว่าเราอยากซื้ออะไร ซื้อที่ไหน
เพราะในแต่ละร้านเนี่ย สินค้าจะเยอะมาก ดูจนตาลาย และพอเข้าไปในร้านเราจะเจอสินค้า ยิ่งเยอะยิ่งกระตุ้นความอยากได้
หรือไม่ก็พอเราไปดูสาขาแรก หรือร้านแรกแล้ว มันมีไม่ครบ บางสีขาด บางยี่ห้อไม่มี เราก็ไปดูร้านต่อไป
เช็คไปเลย อีกอย่างคือพนักงานส่วนใหญ่ หรืออย่างที่รู้ๆกันว่าคนญี่ปุ่นแทบจะทุกคนเลยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
เราก็ควรปรินท์รูปภาพสินค้าไป ชื่อสินค้าไปจะดีมากถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษค่ะ
สำหรับการหาข้อมูลของแป้งนั้น ตอนแรกก็มาดูก่อนเลยว่า จะไปหาซื้อสินค้าพวกเครื่องสำอาง หรือวิตามินได้ที่ไหนบ้าง
ก็หาจากกูเกิ้ล หรือไม่ก็รีวิวจากคนที่เคยไปเที่ยวมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้าน Matsumoto Kiyoshi หรือเรียกว่า มัตสึคิโยะ
เป็นร้านที่ขายทั้งยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง ขนม เครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงชั้นใต้ดินที่มีขายน้ำยาถูพื้นและน้ำยาซักผ้าต่างๆ
เราก็ได้มาจากร้านนี้ แต่ที่จริงมันก็มีร้านอื่นอีกเยอะแยะ ทั้ง Sun Drugs ดองกี้ ไม่ก็ AMEYOKO เยอะแยะค่ะ
แต่คือจขกท.ไปกับทัวร์ มีเวลาให้เดินทางไปน้อย ก็เลยต้องรีบหาร้านที่จะช๊อปของที่ต้องการ พอเจอร้านไหนก็รีบเข้าร้านนั้น
เจออันไหนก็รีบๆซื้อ มันมีเวลาให้น้อย อีกอย่างข้อดีของร้านเหล่านี้คือมันจะหักภาษีให้เลย แต่ว่าถ้าเราไปซื้อก็ต้องเอาหนังสือเดินทางไปด้วยนะคะ
พอเราซื้อเนี่ย เวลาจ่ายเงิน เราก็ต้องแสดงพาสปอร์ทหรือหนังสือเดินทางให้เขา เขาก็จะเอาเอกสารให้เราเซ็นต์
จากนั้นเขาก็จะเอาใบเสร็จแนบไปกับพาสปอร์ตเราค่ะ รวมไปถึง เขาก็จะแพ็คถุงสินค้าที่เราซื้อจากร้านของเขาอย่าดี
พร้อมกับบอกเราค่ะ ว่าห้ามเปิดถุงนั้นจนกว่าจะกลับถึงประเทศไทย มิเช่นนั้นจะโดนคิดภาษีค่า
งั้นเรามาชมกันเลยดีกว่า ว่าจขกท.ได้อะไรกันมาบ้าง อันนี้ภาพรวมค่ะ