เห็นกระทู้ตั้งกัน 2-3 กระทู้แล้ว
คนคงเริ่มสงสัย หลังจากเห็นว่า เจ...เริ่มเล่นเรื่อยๆ ไม่วูบวาบ
ไม่โชว์ของเหมือนตอนเล่น เอเชียนเกมส์ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ
ส่วนตัวผมมองว่า เจ...ยังเก่งเหมือนเดิม
แต่ที่ต่างออกไปคือ สถานการณ์และสภาพแวดล้อม
สถานการณ์ ที่เจ เจอในเกม คิงส์คัพ ต่อเนื่องมาจนถึง ปรีโอลิมปิค
อย่างแรกเลย คือ จากโนเนม ไม่มีใครรู้จัก
กลายเป็น โด่งดัง ข้ามคืน ใครๆ ก็จับตามอง
คู่ต่อสู้ก็เหมือนกัน จากเดิมหลวมๆ ปล่อยให้เจ มีพื่นที่ ก็คุมห่างมากขึ้น
คุมห่างทำไม อย่างเจ ถ้ายืนชิด จะโดนพลิกหนี
เพราะทักษะเขาดี เล่นได้ 2 เท้า ออกซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้
ถ้าคู่ต่อสู้ เก๋าทันเกม จะรู้ว่า แค่คุม บังทาง แล้วใช้ความใหญ่เบียด
ก็พอจะเอาอยู่ได้ ... เอาอยู่ คือ ไม่ให้พลิก
จะเห็นได้ว่า แรกๆ พอเริ่มโดนคุม
เจได้บอลแล้ว จะถ่ายออกข้างอย่างเดียว
แต่นักเตะพรสวรรค์ อย่างเจ ไม่ได้มีดีแค่พลิกซ้ายขวา
อาวุธทีเด็ด คือ ลูกจ่าย คิลเลอร์พาสมากกว่า
เช่น ลูกที่จ่ายให้ เจนรบ ยิงกัมพูชา ในนาทีสุดท้าย จนนำไปสู่ประตูชัย
เจ...มีทีเด็ดตรงนี้ อย่างที่พวกเรา เรียกนักเตะประเภทนี้ว่า "ตัวพลิกเกม"
นักเตะประเภทนี้ เก่งจริง แค่มีโอกาสแค่ 1-2 ครั้ง ก็พลิกเกม เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งทีม
เจ...จะจ่ายแบบนี้ได้ นักเตะเพื่อนร่วมทีม ต้องเข้าใจเกมหรือมีเซนส์บอลทันกัน
อย่างที่เจมี ก้องอยู่ทางซ้าย มีประกิต กับ ชัปปุยส์ คอยประคองอยู่ตรงกลาง
และมี จ่าเย็น รวมถึง อะหลั่ยชั้นดีอย่าง นูรูล + ศราวุฒิ มาสุข อยู่ทางขวา
นักเตะชุดนี้เล่นกันมานาน คนที่วิ่งทำทาง ในตอนไม่มีบอลได้ดีที่สุดคือ ก้อง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
เพราะ การวิ่งในแบบ Blind Side Run นี่แหละ ถึงทำให้ เกริกฤทธิ์ ยิงประตูในทีมชาติในระยะหลัง ได้ถี่ๆ
รวมถึงการมีส่วนร่วมกับเกมบุกตลอด
จุดเด่นของ เจ... นอกจากลูกจ่ายแบบ หลุดทั้งกระบิแล้ว
ยังมีลูกยิงใกล จากระยะประมาณ กรอบเขตโทษ
ซึ่งหวังผลได้เกินครึ่ง ... ครึ่งในที่นี้ หมายถึง ได้ลุ้นแบบไม่ห่างเสานะครับ
เพราะเจ ยิงได้แบบมีลุ้น เกือบจะทุกลูก ทุกช็อต
ลองคิดถึงวันที่เขาพัฒนาถึงจุด Peak สิครับ
เราอาจจะได้เห็น เจ ยิงประตูจากกรอบเขตโทษ
แบบเรียดๆ แรงๆ แล้วเป็นประตู ได้มากกว่านี้แค่ไหน
ส่วนเกมในนาม เทโรฯ
ยังจำกันได้ไหมครับ
ว่า เจได้เป็น MVP ในโตโยต้าลีกคัพ เมื่อปลายฤดูกาลที่ผ่านมานี่เอง
ดังนั้น ใน เทโรฯ มันอยู่ที่องค์ประกอบของทีม
และการออกแบบเกมของโค้ชแล้วครับ
ว่าจะใช้ประโยชน์ จากเจ ตรงไหน
เจ...ชนาธิป เก่งจริงครับ
คนคงเริ่มสงสัย หลังจากเห็นว่า เจ...เริ่มเล่นเรื่อยๆ ไม่วูบวาบ
ไม่โชว์ของเหมือนตอนเล่น เอเชียนเกมส์ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ
ส่วนตัวผมมองว่า เจ...ยังเก่งเหมือนเดิม
แต่ที่ต่างออกไปคือ สถานการณ์และสภาพแวดล้อม
สถานการณ์ ที่เจ เจอในเกม คิงส์คัพ ต่อเนื่องมาจนถึง ปรีโอลิมปิค
อย่างแรกเลย คือ จากโนเนม ไม่มีใครรู้จัก
กลายเป็น โด่งดัง ข้ามคืน ใครๆ ก็จับตามอง
คู่ต่อสู้ก็เหมือนกัน จากเดิมหลวมๆ ปล่อยให้เจ มีพื่นที่ ก็คุมห่างมากขึ้น
คุมห่างทำไม อย่างเจ ถ้ายืนชิด จะโดนพลิกหนี
เพราะทักษะเขาดี เล่นได้ 2 เท้า ออกซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้
ถ้าคู่ต่อสู้ เก๋าทันเกม จะรู้ว่า แค่คุม บังทาง แล้วใช้ความใหญ่เบียด
ก็พอจะเอาอยู่ได้ ... เอาอยู่ คือ ไม่ให้พลิก
จะเห็นได้ว่า แรกๆ พอเริ่มโดนคุม
เจได้บอลแล้ว จะถ่ายออกข้างอย่างเดียว
แต่นักเตะพรสวรรค์ อย่างเจ ไม่ได้มีดีแค่พลิกซ้ายขวา
อาวุธทีเด็ด คือ ลูกจ่าย คิลเลอร์พาสมากกว่า
เช่น ลูกที่จ่ายให้ เจนรบ ยิงกัมพูชา ในนาทีสุดท้าย จนนำไปสู่ประตูชัย
เจ...มีทีเด็ดตรงนี้ อย่างที่พวกเรา เรียกนักเตะประเภทนี้ว่า "ตัวพลิกเกม"
นักเตะประเภทนี้ เก่งจริง แค่มีโอกาสแค่ 1-2 ครั้ง ก็พลิกเกม เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งทีม
เจ...จะจ่ายแบบนี้ได้ นักเตะเพื่อนร่วมทีม ต้องเข้าใจเกมหรือมีเซนส์บอลทันกัน
อย่างที่เจมี ก้องอยู่ทางซ้าย มีประกิต กับ ชัปปุยส์ คอยประคองอยู่ตรงกลาง
และมี จ่าเย็น รวมถึง อะหลั่ยชั้นดีอย่าง นูรูล + ศราวุฒิ มาสุข อยู่ทางขวา
นักเตะชุดนี้เล่นกันมานาน คนที่วิ่งทำทาง ในตอนไม่มีบอลได้ดีที่สุดคือ ก้อง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
เพราะ การวิ่งในแบบ Blind Side Run นี่แหละ ถึงทำให้ เกริกฤทธิ์ ยิงประตูในทีมชาติในระยะหลัง ได้ถี่ๆ
รวมถึงการมีส่วนร่วมกับเกมบุกตลอด
จุดเด่นของ เจ... นอกจากลูกจ่ายแบบ หลุดทั้งกระบิแล้ว
ยังมีลูกยิงใกล จากระยะประมาณ กรอบเขตโทษ
ซึ่งหวังผลได้เกินครึ่ง ... ครึ่งในที่นี้ หมายถึง ได้ลุ้นแบบไม่ห่างเสานะครับ
เพราะเจ ยิงได้แบบมีลุ้น เกือบจะทุกลูก ทุกช็อต
ลองคิดถึงวันที่เขาพัฒนาถึงจุด Peak สิครับ
เราอาจจะได้เห็น เจ ยิงประตูจากกรอบเขตโทษ
แบบเรียดๆ แรงๆ แล้วเป็นประตู ได้มากกว่านี้แค่ไหน
ส่วนเกมในนาม เทโรฯ
ยังจำกันได้ไหมครับ
ว่า เจได้เป็น MVP ในโตโยต้าลีกคัพ เมื่อปลายฤดูกาลที่ผ่านมานี่เอง
ดังนั้น ใน เทโรฯ มันอยู่ที่องค์ประกอบของทีม
และการออกแบบเกมของโค้ชแล้วครับ
ว่าจะใช้ประโยชน์ จากเจ ตรงไหน