จากกรณีที่สังคมวอลเลย์บอลให้ความสนใจกรณีที่นักกีฬา 1 คน ไม่ได้รับโอกาสร่วมซ้อมกับทีมชาติ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ฝึกสอนระดับชาติ"ไม่ให้เข้าเก็บตัว" จนทำให้แฟนวอลเลย์บอลหลายคนไม่พอใจ และ พุ่งเป้าไปที่ทีมงานสต๊าฟโค้ช แต่บางกระแสก็มีลือออกมาว่าโค้ชต้นสังกัดของนักกีฬาไม่ปล่อยให้มาร่วมทีมชาติ เพราะไม่ถูกกันกับทีมงานมานานแล้ว จนเป็นเหตุให้ต้องมีการไล่ตามหาความจริง ว่าเรื่องดังกล่าวมีความเป็นมาอย่างไร
อันดับแรกของแนะนำผู้ที่มีส่วนกับเรื่องราวครั้งนี้ว่าแต่ละคนเป็นใครกันบ้าง
- ออม ศศิภาพร จันทวิสูตร อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลยุวชนทีมชาติไทย และ เป็นนักกีฬาของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี รวมไปถึงผู้เล่นของสโมสรวอลเลย์บอลกรุงเทพมหานคร
- โค้ชยะ ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย และ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 23 ปี
- โค้ชเสมอ ทองดอนอ่อน ผู้ฝึกสอนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี และ ทีมกรุงเทพมหานคร
- นายสมควร รวิรัช ประธานบริษัทไทยวอลเลย์บอล
- (ผม) เอก ประวิตร ผู้สื่อข่าววอลเลย์บอลของช่องSMMTV (ซึ่งตอนแรกไม่เกี่ยว แต่มามีประเด็นพาดพิงจึงต้องขอเกี่ยว และ ชี้แจง )
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปหาคำตอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า "ใคร"เป็นตัดอนาคตของนักกีฬา ที่จะมีโอกาสร่วมเล่นทีมชาติในชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย โดยเดินทางไปที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป เพื่อเข้าพูดคุย นายสมควร รวิรัช ประธานบริษัทไทยวอลเลย์บอล ที่เป็นคนโพสต์ลงในไลน์กลุ่ม"ไทยลีก" ( กลุ่มคนทำงานด้านวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก) ซึ่งเนื้อความได้แจ้งว่าจะมีการตัดชื่อนักกีฬาจำนวน 2 คน ไม่ให้เล่นไทยแลนด์ลีก เพราะได้รับข้อมูลมาจากทีมงานต๊าฟโค้ชว่านักกีฬาไม่มาร่วมซ้อมทีมชาติ หลังจากที่เรียกตัวไป
" โดย 1 ในนั้น คือ ออม ศศิภาพร จันทวิสูตร ผู้เล่นของทีมกรุงเทพมหานคร "
คำตอบที่ได้รับจาก นายสมควร รวิรัช คือ เรื่องนี้เป็นระเบียบการที่บริษัทไทยวอลเลย์บอลทำร่วมกับทีมชาติไทย เพราะการเล่นที่สูงสุดของการแข่งขันคือ"ทีมชาติ" ลีกจึงจำเป็นต้องดันนักกีฬาให้สู่ถึงทีมชาติให้ได้ หากใครปฎิเสธ หรือ มีเหตุผลไม่เพียงพอ ก็จะดำเนินการลงโทษ
ซึ่งกรณีของ ออม ยังไม่มีบทลงโทษใดๆ เพราะทีมชาติเรียกมาเพื่อให้โอกาสพัฒนา เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมไปถึงปรับทัศนคติ และ ความประพฤติ ของนักกีฬา แต่หากการซ้อมเป็นที่น่าพอใจ หรือ ทำได้ดี ก็เป็นผลดีที่ทีมชาติจะนำตัวไปเล่นในรายการต่างๆ แต่สุดท้ายนักกีฬา"ไม่ไปตามที่นัดแนะไว้ "
จากนั้นผมเก็บคำถามไว้ ว่า "ทำไมน้องไม่มา" และ "โค้ชทำไมไม่ให้โอกาสน้อง" อย่างที่กระแสโถมมาทางทีมชาติ ซึ่งคนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือ "โค้ชยะ" ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย เพราะผู้ฝึกสอนรายนี้ได้มีการพูดคุยกับนักกีฬาโดยตรง
ผมใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อขอให้โค้ชยอมเปิดปากพูดถึงเรื่องราวทั้งหมด ว่าจริงหรือไม่ที่โค้ชไม่ให้ออมมาซ้อม! แต่โค้ชไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า "ปล่อยให้คนเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ พูดไปเหมือนฆ่าเด็ก"
จนในที่สุดโค้ชยะขอให้ทีมงานผมออกไปจากห้อง แล้วเหลือผมคนเดียว ....... จากที่คุยไป 20 นาที โค้ชยะก็ยอมที่จะเล่าทุกอย่าง
อย่างแรกโค้ชยะบอกว่า "โค้ชอ๊อตโกรธมากที่นักกีฬาไม่มาตามที่นัด และ บอกกับทุกคนว่า ต่อให้เป็นเบสสกอร์ไทยแลนด์ลีก แต่ทำตัวไม่เหมาะก็ไม่สมควรที่จะมาร่วมทีมชาติ" ต่อจากนั้นโค้ชเปิดข้อความที่มีการพูดกับนักกีฬาให้ดู โดยให้ผมพิจารณาด้วยตัวเองว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร?
จากที่ผมเห็นคือ "ออมขอโอกาสอีกครั้ง พร้อมกับขอโทษกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อน" (อันนี้ผมไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกันกับที่ผมทราบมาหรือไม่) โค้ชยะไม่มีการปฎิเสธ พร้อมกับแจ้งว่าให้เข้ามาเก็บตัว ซึ่งโค้ชยะบอกเพิ่มว่า โค้ชอ๊อตบอกว่า "มาได้เลย "
แต่เมื่อเลื่อนอ่านลงไปอีก น้องออม ขอเข้ามาร่วมซ้อมหลังจากวันที่ 16 เมษายนได้ไหม โดยให้เหตุผลว่าต้องไปต่างจังหวัด
โค้ชยะถามผมว่า การแข่งขันจะมีวันที่ 1 พฤษภาคม และ ต้องเดินทางวันที่ 29 เมษายน เป็นเอกจะรีบมาซ้อมไหมถ้ามีโอกาส?
"........................................." ( ในช่องว่าง ผมให้ทุกคนตอบได้ตามความรู้สึกของตัวเองเลยครับ )
ซึ่งต่อจากนั้นเป็นข้อความที่น้องออมขอโอกาสโค้ช"อีกครั้ง" ซึ่งโค้ชยะก็ยังให้โอกาสเช่นเคย วันที่นัดแนะให้มาอีกครั้งคือ 6 เมษายน โดยโค้ชยะให้นักกีฬารุ่นพี่รายนึงไปเปิดห้องเตรียมห้องไว้ให้น้อง เพราะคิดว่าน้องจะเข้ามาร่วมซ้อม
แต่แล้ว.......น้องไม่มา พร้อมกับให้เหตุผลว่า "ต้องสอบเปลี่ยนสาย"
จากนั้นโค้ชยะก็อธิบายให้ผมฟังว่า ความพร้อมของนักกีฬาที่มีความกระตือรือล้นจริงๆ เรียกแล้วก็ต้องมาหากมองว่าโอกาสที่ได้รับมันสำคัญกับชีวิต แล้วโค้ชยะก็แจ้งน้องไปว่า "ไม่ต้องมาแล้ว ถ้าเรายังไม่พร้อม รอโอกาสหน้านะ " และแล้วกระแสสังคมก็พุ่งมาที่ โค้ชยะ เพราะทุกคนเข้าใจว่า "โค้ชยะไม่ให้โอกาส" โดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
แต่เรื่องยังไม่จบเพราะอีก 1 คนที่ผมต้องขอเข้าพบคือ "โค้ชเสมอ" ทองดอนอ่อน ผู้ฝึกสอนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี เพราะผมได้ยินบ่อยว่า "โค้ชเสมอไม่ให้มาซ้อมทีมชาติ"
ผมถามโค้ชเสมอตรงๆว่า "โค้ชไม่ปล่อยนักกีฬาไปซ้อมทีมชาติเหรอครับ"
โค้ชสวนมา " ผมถามจริงๆนะ คุณคิดว่ามีโค้ชคนไหนบ้างที่จะทำร้ายเด็กตัวเองแบบนั้น ใครต่างก็อยากจะเห็นนักกีฬาที่ตัวเองสอนประสบผลความสำเร็จในชีวิตกันทั้งนั้น "
"ผมบอกกับมันไว้ตลอดว่า ได้โอกาสแล้วก็ต้องตั้งใจ ทำมันให้เต็มที่ แต่ที่กลัวคือความประพฤติของมันจริงๆ"
จากนั้นผมได้มีโอกาสคุยเรื่องนี้ต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งได้อะไรมาเยอะมาก รวมไปถึงทำไมน้องถึงไม่ได้ไปเล่นเยาวชนทีมชาติเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และ ที่สำคัญผมได้โอกาสขอโทษแกที่เคยคิดไว้ว่า "โค้ชเสมอคือคนที่ไม่ให้นักกีฬามาเล่นทีมชาติ"
คำถามสุดท้ายผมถามโค้ชเสมอว่า " โค้ชครับ เขาไปสอบเปลี่ยนสายจริงๆเหรอครับ"
.........คำตอบคือ " เขาจะขึ้นม.6แล้ว จะเปลี่ยนสายได้อีกเหรอ " ............
นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่ผมไปตามหามาให้สังคม ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง หากใครถามผมว่าไม่มีโอกาสให้น้องพูดอะไรบ้างเหรอ ผมจะบอกทุกคนว่า "น้องรู้ดีว่าผมให้โอกาสน้องมาตลอดแล้ว และ ยังรอที่จะเห็นน้องประสบผลความสำเร็จในอนาคตอีกด้วย "
ปล.สำหรับเรื่องบทสัมภาษณ์ที่ผมเดินทางไปทำสกู๊ฟแนะนำให้คนได้รู้จักกับ "น้องออม" ผมทำเพราะตั้งใจทำมาก เพราะตอนนั้นผมถามน้องว่าเป็นไงบ้างช่วงนี้ น้องก็บอกผมว่าจบลีกโค้ชเรียกให้ไปซ้อมทีมชาติ บอกเลยผม"โคตรดีใจ" และ นัดแนะทีมงาน เดินทางไปหาน้องออมทันที อีกอย่างที่ทำสกู๊ฟนั้น เพื่อให้แรงบันดาลใจกับตัวเขาเอง และ ให้คนได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย
Cr.เอก ประวิตร
มาแเล้ววววว !!! บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับน้องออม โค้ชยะ โค้ชเสมอ และ นายสมควร รวิรัช ประธานบริษัทไทยวอลเลย์บอล
อันดับแรกของแนะนำผู้ที่มีส่วนกับเรื่องราวครั้งนี้ว่าแต่ละคนเป็นใครกันบ้าง
- ออม ศศิภาพร จันทวิสูตร อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลยุวชนทีมชาติไทย และ เป็นนักกีฬาของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี รวมไปถึงผู้เล่นของสโมสรวอลเลย์บอลกรุงเทพมหานคร
- โค้ชยะ ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย และ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 23 ปี
- โค้ชเสมอ ทองดอนอ่อน ผู้ฝึกสอนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี และ ทีมกรุงเทพมหานคร
- นายสมควร รวิรัช ประธานบริษัทไทยวอลเลย์บอล
- (ผม) เอก ประวิตร ผู้สื่อข่าววอลเลย์บอลของช่องSMMTV (ซึ่งตอนแรกไม่เกี่ยว แต่มามีประเด็นพาดพิงจึงต้องขอเกี่ยว และ ชี้แจง )
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปหาคำตอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า "ใคร"เป็นตัดอนาคตของนักกีฬา ที่จะมีโอกาสร่วมเล่นทีมชาติในชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย โดยเดินทางไปที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป เพื่อเข้าพูดคุย นายสมควร รวิรัช ประธานบริษัทไทยวอลเลย์บอล ที่เป็นคนโพสต์ลงในไลน์กลุ่ม"ไทยลีก" ( กลุ่มคนทำงานด้านวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก) ซึ่งเนื้อความได้แจ้งว่าจะมีการตัดชื่อนักกีฬาจำนวน 2 คน ไม่ให้เล่นไทยแลนด์ลีก เพราะได้รับข้อมูลมาจากทีมงานต๊าฟโค้ชว่านักกีฬาไม่มาร่วมซ้อมทีมชาติ หลังจากที่เรียกตัวไป
" โดย 1 ในนั้น คือ ออม ศศิภาพร จันทวิสูตร ผู้เล่นของทีมกรุงเทพมหานคร "
คำตอบที่ได้รับจาก นายสมควร รวิรัช คือ เรื่องนี้เป็นระเบียบการที่บริษัทไทยวอลเลย์บอลทำร่วมกับทีมชาติไทย เพราะการเล่นที่สูงสุดของการแข่งขันคือ"ทีมชาติ" ลีกจึงจำเป็นต้องดันนักกีฬาให้สู่ถึงทีมชาติให้ได้ หากใครปฎิเสธ หรือ มีเหตุผลไม่เพียงพอ ก็จะดำเนินการลงโทษ
ซึ่งกรณีของ ออม ยังไม่มีบทลงโทษใดๆ เพราะทีมชาติเรียกมาเพื่อให้โอกาสพัฒนา เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมไปถึงปรับทัศนคติ และ ความประพฤติ ของนักกีฬา แต่หากการซ้อมเป็นที่น่าพอใจ หรือ ทำได้ดี ก็เป็นผลดีที่ทีมชาติจะนำตัวไปเล่นในรายการต่างๆ แต่สุดท้ายนักกีฬา"ไม่ไปตามที่นัดแนะไว้ "
จากนั้นผมเก็บคำถามไว้ ว่า "ทำไมน้องไม่มา" และ "โค้ชทำไมไม่ให้โอกาสน้อง" อย่างที่กระแสโถมมาทางทีมชาติ ซึ่งคนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือ "โค้ชยะ" ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย เพราะผู้ฝึกสอนรายนี้ได้มีการพูดคุยกับนักกีฬาโดยตรง
ผมใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อขอให้โค้ชยอมเปิดปากพูดถึงเรื่องราวทั้งหมด ว่าจริงหรือไม่ที่โค้ชไม่ให้ออมมาซ้อม! แต่โค้ชไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า "ปล่อยให้คนเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ พูดไปเหมือนฆ่าเด็ก"
จนในที่สุดโค้ชยะขอให้ทีมงานผมออกไปจากห้อง แล้วเหลือผมคนเดียว ....... จากที่คุยไป 20 นาที โค้ชยะก็ยอมที่จะเล่าทุกอย่าง
อย่างแรกโค้ชยะบอกว่า "โค้ชอ๊อตโกรธมากที่นักกีฬาไม่มาตามที่นัด และ บอกกับทุกคนว่า ต่อให้เป็นเบสสกอร์ไทยแลนด์ลีก แต่ทำตัวไม่เหมาะก็ไม่สมควรที่จะมาร่วมทีมชาติ" ต่อจากนั้นโค้ชเปิดข้อความที่มีการพูดกับนักกีฬาให้ดู โดยให้ผมพิจารณาด้วยตัวเองว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร?
จากที่ผมเห็นคือ "ออมขอโอกาสอีกครั้ง พร้อมกับขอโทษกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อน" (อันนี้ผมไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกันกับที่ผมทราบมาหรือไม่) โค้ชยะไม่มีการปฎิเสธ พร้อมกับแจ้งว่าให้เข้ามาเก็บตัว ซึ่งโค้ชยะบอกเพิ่มว่า โค้ชอ๊อตบอกว่า "มาได้เลย "
แต่เมื่อเลื่อนอ่านลงไปอีก น้องออม ขอเข้ามาร่วมซ้อมหลังจากวันที่ 16 เมษายนได้ไหม โดยให้เหตุผลว่าต้องไปต่างจังหวัด
โค้ชยะถามผมว่า การแข่งขันจะมีวันที่ 1 พฤษภาคม และ ต้องเดินทางวันที่ 29 เมษายน เป็นเอกจะรีบมาซ้อมไหมถ้ามีโอกาส?
"........................................." ( ในช่องว่าง ผมให้ทุกคนตอบได้ตามความรู้สึกของตัวเองเลยครับ )
ซึ่งต่อจากนั้นเป็นข้อความที่น้องออมขอโอกาสโค้ช"อีกครั้ง" ซึ่งโค้ชยะก็ยังให้โอกาสเช่นเคย วันที่นัดแนะให้มาอีกครั้งคือ 6 เมษายน โดยโค้ชยะให้นักกีฬารุ่นพี่รายนึงไปเปิดห้องเตรียมห้องไว้ให้น้อง เพราะคิดว่าน้องจะเข้ามาร่วมซ้อม
แต่แล้ว.......น้องไม่มา พร้อมกับให้เหตุผลว่า "ต้องสอบเปลี่ยนสาย"
จากนั้นโค้ชยะก็อธิบายให้ผมฟังว่า ความพร้อมของนักกีฬาที่มีความกระตือรือล้นจริงๆ เรียกแล้วก็ต้องมาหากมองว่าโอกาสที่ได้รับมันสำคัญกับชีวิต แล้วโค้ชยะก็แจ้งน้องไปว่า "ไม่ต้องมาแล้ว ถ้าเรายังไม่พร้อม รอโอกาสหน้านะ " และแล้วกระแสสังคมก็พุ่งมาที่ โค้ชยะ เพราะทุกคนเข้าใจว่า "โค้ชยะไม่ให้โอกาส" โดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
แต่เรื่องยังไม่จบเพราะอีก 1 คนที่ผมต้องขอเข้าพบคือ "โค้ชเสมอ" ทองดอนอ่อน ผู้ฝึกสอนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี เพราะผมได้ยินบ่อยว่า "โค้ชเสมอไม่ให้มาซ้อมทีมชาติ"
ผมถามโค้ชเสมอตรงๆว่า "โค้ชไม่ปล่อยนักกีฬาไปซ้อมทีมชาติเหรอครับ"
โค้ชสวนมา " ผมถามจริงๆนะ คุณคิดว่ามีโค้ชคนไหนบ้างที่จะทำร้ายเด็กตัวเองแบบนั้น ใครต่างก็อยากจะเห็นนักกีฬาที่ตัวเองสอนประสบผลความสำเร็จในชีวิตกันทั้งนั้น "
"ผมบอกกับมันไว้ตลอดว่า ได้โอกาสแล้วก็ต้องตั้งใจ ทำมันให้เต็มที่ แต่ที่กลัวคือความประพฤติของมันจริงๆ"
จากนั้นผมได้มีโอกาสคุยเรื่องนี้ต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งได้อะไรมาเยอะมาก รวมไปถึงทำไมน้องถึงไม่ได้ไปเล่นเยาวชนทีมชาติเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และ ที่สำคัญผมได้โอกาสขอโทษแกที่เคยคิดไว้ว่า "โค้ชเสมอคือคนที่ไม่ให้นักกีฬามาเล่นทีมชาติ"
คำถามสุดท้ายผมถามโค้ชเสมอว่า " โค้ชครับ เขาไปสอบเปลี่ยนสายจริงๆเหรอครับ"
.........คำตอบคือ " เขาจะขึ้นม.6แล้ว จะเปลี่ยนสายได้อีกเหรอ " ............
นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่ผมไปตามหามาให้สังคม ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง หากใครถามผมว่าไม่มีโอกาสให้น้องพูดอะไรบ้างเหรอ ผมจะบอกทุกคนว่า "น้องรู้ดีว่าผมให้โอกาสน้องมาตลอดแล้ว และ ยังรอที่จะเห็นน้องประสบผลความสำเร็จในอนาคตอีกด้วย "
ปล.สำหรับเรื่องบทสัมภาษณ์ที่ผมเดินทางไปทำสกู๊ฟแนะนำให้คนได้รู้จักกับ "น้องออม" ผมทำเพราะตั้งใจทำมาก เพราะตอนนั้นผมถามน้องว่าเป็นไงบ้างช่วงนี้ น้องก็บอกผมว่าจบลีกโค้ชเรียกให้ไปซ้อมทีมชาติ บอกเลยผม"โคตรดีใจ" และ นัดแนะทีมงาน เดินทางไปหาน้องออมทันที อีกอย่างที่ทำสกู๊ฟนั้น เพื่อให้แรงบันดาลใจกับตัวเขาเอง และ ให้คนได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย
Cr.เอก ประวิตร