นั่งดูข่าวการที่รัฐบาลไทยบรรลุข้อตกลง 5 ข้อกับรัสเซีย ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องสักหน่อยว่า จะมีผลอย่างไรบ้างตามมุมมองส่วนตัว
1). ในส่วนของรัสเซีย รัสเซียตอนนี้โดนกดดันจากทั้งอียูและสหรัฐ กรณีเรื่องการช่วยเหลือกบฎยูเครน ที่รัสเซียพยายามเข้าไปมีบทบาทในการกลับมารวมตัวใหม่ของกลุ่ม pro -Russia จนเกิดการสู้รบหลาย ๆ เมืองในยูเครน แถมตอนที่เครื่องบินมาเลเซีย ถูกขีปนาวุธยิงตกใกล้ชายแดนรัสเซีย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปว่า โดนอาวุธของฝ่ายไหน เพราะต่างปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น แต่เท่าที่เข้าใจก็คือโดนของกลุ่มกบฎโปรรัสเซียนั่นแหละ
ทีนี้ทางสหรัฐกับอียู ก็เลยกดดันว่า เลิกยุ่งกับยูเครนได้แล้ว ปูตินก็ไม่ค่อยจะพอใจ ตอนประชุม G8 ก็กลับบ้านก่อน ค่าเงินรูเบิลหล่นหายจาก เป็นครึ่ง (**แก้ไขจุดนี้ตามที่ท่านสมาชิกแย้งมา **) ทำให้คนรัสเซียเดินทางมาไทยน้อยลง (สมัยทักษิณ เคยไปเปิดการค้ากับรัสเซีย ปูตินชอบภูเก็ตมาก) คนรัสเซียเคยแห่กันมา เต็มพัทยา ขนาดร้านค้าต่าง ๆ ต้องมีภาษารัสเซียนต่อท้าย ตึกคอนโดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพัทยา ส่วนใหญ่ก็เก็งกำไร กะว่าจะให้เป็น "บ้านหลังที่สอง" ของชาวรัสเซีย (ไม่รวมพวกลัธเวีย หรือ กลุ่มประเทศลูกของแม่โซเวียต) ซึ่งก็เกิดภาวะ over supply ขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อวันก่อน เห็นนายก ฯ กรีซ ไปหาปูตินที่มอสโคว์ โดยต่างเดากันว่า จะไปขอกู้เงินจากรัสเซียไปใช้หนี้ที่ติดอียู (โดยเฉพาะเยอรมัน) แต่ปูตินก็บอกว่า ไม่มีการพูดเรื่องเงิน แต่อาจจะช่วยโดยการไปซื้อ "รัฐวิสาหกิจ" ของกรีซ (อ่านดูคุ้น ๆ บ้างมั้ย) ทำให้กรีซอาจจะต้องไปนั่งคิดต่อว่า จะต้องหาเงินไปใช้หนี้เขายังไง
2). ในส่วนของไทย ก็เห็นได้ถึงความพยายามของไทยที่จะ "วิ่งหาที่พึ่ง" โดยใช้กลยุทธ์ หาที่คานอำนาจ จากการกดดันของทั้งสหรัฐและอียู และล่าสุดจากการที่ญี่ปุ่นเสนอให้สร้างรถไฟความเร็วสูงเส้น กทม-เชียงใหม่ แทนการสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง (ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยทำไว้ เพราะญี่ปุ่นบอกว่า 6-700 กม.แบบนี้คุ้มกว่า ....ปล. ซึ่งน่าจะคุ้มกว่าไปหัวหินหรือพัทยาตามที่ใครบางคนเขาคิด ๆ ไว้ว่าจะให้เจ้าสัวเมืองไทยลงทุนทำ) หลังจากที่เจอดอกเบี้ยจากจีน จนไปไม่เป็นมาแล้ว พูดง่าย ๆ ว่า ไปขอเงินหรือขอความร่วมมือจาก "มิตร" เขาก็ "นิ่ม ๆ " กลับมา
จะไม่พูดเรื่องข้อตกลงอะไรนั่น เพราะเท่าที่อ่าน ๆ ดู ก็พอจะเดาได้ว่า งานนี้ ค่อนข้างเสียเปรียบ โดนหลอกขายของเพื่อแลกกับมิตรภาพ (แปลก ๆ)
3). นิสัยใจคอ คนรัสเซีย บางกลุ่มเป็นพวกค่อนข้างเคร่งเครียด และเจ้าอารมณ์ อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนเป็นคอมมิวนิสต์ การค้าขายระหว่างไทยกับรัสเซีย ที่เห็นว่า CP ได้เซ็นสัญญา "ขายเนื้อสกุร" ให้รัสเซียเป็นหลายแสนตัน แต่หลังจากค่าเงินรูเบิ้ลลดลง รัสเซียก็เลยหันไปหาซื้อหมูตามประเทศใกล้เคียงแทน พวกพ่อค้าหมูแถวฉะเชิงเทรา แปดริ้ว ที่ทำ contract farming ก็ไม่แน่ใจว่า จะไปรอดแค่ไหน พูดง่าย ๆ คือ รัสเซียมี power ในการซื้อน้อยลง และต้องการขายของให้ได้มากขึ้น ก็จำเป็นต้องหาตลาดใหม่ ๆ ในการระบายสินค้า ซึ่งสินค้าหลัก ๆ ของรัสเซียก็คือ น้ำมัน
แต่ทีนี้น้ำมันที่เคยขึ้นไปบาร์เรลละเกือบร้อยเหรียญ ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น แถมพลังงานไฮโดรเจน จะเข้ามาแทนที่อีก ก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่าต่อไปรัสเซียจะขายอะไรได้บ้าง
สรุป
ความพยายามในการ "วิ่งหาตัวช่วย" ของใครบางคน ให้ดูกันยาว ๆ ครับว่า จะออกมาเป็นอย่างไร ต่อให้มีการตั้ง AIIB ก็ตาม
สาเหตุก็เพราะเรื่องเดียว...คน..
***น่าสนใจกรณีรัสเซีย***
1). ในส่วนของรัสเซีย รัสเซียตอนนี้โดนกดดันจากทั้งอียูและสหรัฐ กรณีเรื่องการช่วยเหลือกบฎยูเครน ที่รัสเซียพยายามเข้าไปมีบทบาทในการกลับมารวมตัวใหม่ของกลุ่ม pro -Russia จนเกิดการสู้รบหลาย ๆ เมืองในยูเครน แถมตอนที่เครื่องบินมาเลเซีย ถูกขีปนาวุธยิงตกใกล้ชายแดนรัสเซีย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปว่า โดนอาวุธของฝ่ายไหน เพราะต่างปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น แต่เท่าที่เข้าใจก็คือโดนของกลุ่มกบฎโปรรัสเซียนั่นแหละ
ทีนี้ทางสหรัฐกับอียู ก็เลยกดดันว่า เลิกยุ่งกับยูเครนได้แล้ว ปูตินก็ไม่ค่อยจะพอใจ ตอนประชุม G8 ก็กลับบ้านก่อน ค่าเงินรูเบิลหล่นหายจาก เป็นครึ่ง (**แก้ไขจุดนี้ตามที่ท่านสมาชิกแย้งมา **) ทำให้คนรัสเซียเดินทางมาไทยน้อยลง (สมัยทักษิณ เคยไปเปิดการค้ากับรัสเซีย ปูตินชอบภูเก็ตมาก) คนรัสเซียเคยแห่กันมา เต็มพัทยา ขนาดร้านค้าต่าง ๆ ต้องมีภาษารัสเซียนต่อท้าย ตึกคอนโดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพัทยา ส่วนใหญ่ก็เก็งกำไร กะว่าจะให้เป็น "บ้านหลังที่สอง" ของชาวรัสเซีย (ไม่รวมพวกลัธเวีย หรือ กลุ่มประเทศลูกของแม่โซเวียต) ซึ่งก็เกิดภาวะ over supply ขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อวันก่อน เห็นนายก ฯ กรีซ ไปหาปูตินที่มอสโคว์ โดยต่างเดากันว่า จะไปขอกู้เงินจากรัสเซียไปใช้หนี้ที่ติดอียู (โดยเฉพาะเยอรมัน) แต่ปูตินก็บอกว่า ไม่มีการพูดเรื่องเงิน แต่อาจจะช่วยโดยการไปซื้อ "รัฐวิสาหกิจ" ของกรีซ (อ่านดูคุ้น ๆ บ้างมั้ย) ทำให้กรีซอาจจะต้องไปนั่งคิดต่อว่า จะต้องหาเงินไปใช้หนี้เขายังไง
2). ในส่วนของไทย ก็เห็นได้ถึงความพยายามของไทยที่จะ "วิ่งหาที่พึ่ง" โดยใช้กลยุทธ์ หาที่คานอำนาจ จากการกดดันของทั้งสหรัฐและอียู และล่าสุดจากการที่ญี่ปุ่นเสนอให้สร้างรถไฟความเร็วสูงเส้น กทม-เชียงใหม่ แทนการสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง (ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยทำไว้ เพราะญี่ปุ่นบอกว่า 6-700 กม.แบบนี้คุ้มกว่า ....ปล. ซึ่งน่าจะคุ้มกว่าไปหัวหินหรือพัทยาตามที่ใครบางคนเขาคิด ๆ ไว้ว่าจะให้เจ้าสัวเมืองไทยลงทุนทำ) หลังจากที่เจอดอกเบี้ยจากจีน จนไปไม่เป็นมาแล้ว พูดง่าย ๆ ว่า ไปขอเงินหรือขอความร่วมมือจาก "มิตร" เขาก็ "นิ่ม ๆ " กลับมา
จะไม่พูดเรื่องข้อตกลงอะไรนั่น เพราะเท่าที่อ่าน ๆ ดู ก็พอจะเดาได้ว่า งานนี้ ค่อนข้างเสียเปรียบ โดนหลอกขายของเพื่อแลกกับมิตรภาพ (แปลก ๆ)
3). นิสัยใจคอ คนรัสเซีย บางกลุ่มเป็นพวกค่อนข้างเคร่งเครียด และเจ้าอารมณ์ อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนเป็นคอมมิวนิสต์ การค้าขายระหว่างไทยกับรัสเซีย ที่เห็นว่า CP ได้เซ็นสัญญา "ขายเนื้อสกุร" ให้รัสเซียเป็นหลายแสนตัน แต่หลังจากค่าเงินรูเบิ้ลลดลง รัสเซียก็เลยหันไปหาซื้อหมูตามประเทศใกล้เคียงแทน พวกพ่อค้าหมูแถวฉะเชิงเทรา แปดริ้ว ที่ทำ contract farming ก็ไม่แน่ใจว่า จะไปรอดแค่ไหน พูดง่าย ๆ คือ รัสเซียมี power ในการซื้อน้อยลง และต้องการขายของให้ได้มากขึ้น ก็จำเป็นต้องหาตลาดใหม่ ๆ ในการระบายสินค้า ซึ่งสินค้าหลัก ๆ ของรัสเซียก็คือ น้ำมัน
แต่ทีนี้น้ำมันที่เคยขึ้นไปบาร์เรลละเกือบร้อยเหรียญ ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น แถมพลังงานไฮโดรเจน จะเข้ามาแทนที่อีก ก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่าต่อไปรัสเซียจะขายอะไรได้บ้าง
สรุป
ความพยายามในการ "วิ่งหาตัวช่วย" ของใครบางคน ให้ดูกันยาว ๆ ครับว่า จะออกมาเป็นอย่างไร ต่อให้มีการตั้ง AIIB ก็ตาม
สาเหตุก็เพราะเรื่องเดียว...คน..