ผมเห็นว่า ควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้แล้ว
จากกระทู้แนะนำหลายกระทู้ที่ว่าด้วยเรื่องการเกณฑ์ทหาร ทั้งในแง่ความเหมาะสม การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ความไม่คุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ฯลฯ ผมจึงขอเสนอมุมมองของผมต่อการเกณฑ์ทหารบ้างครับ
กระทู้เกณฑ์ทหารมีมาทุกปี แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว เมื่อพ้นเดือนเมษายนไป ทุกอย่างก็จะกลับมาเงียบกริบ จนผ่านไปหนึ่งปีถึงจะกลับมาคุยกันต่อ จึงยังไม่มีการถกเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆเสียที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก
ถามว่า เกณฑ์ทหารปีละเป็นแสนคน มีความจำเป็นแค่ไหน เงินเดือนทหาร 9000 คูณหนึ่งแสน เท่ากับเดือนละ 900 ล้าน
เปลี่ยนใหม่ดีไหมครับ เป็นทหารจ้างล้วนๆ สักห้าหมื่นคนก็พอ ให้เงินเดือน 18000 ใช้งบเดือนละ 900 ล้านเท่าเดิม เราจะได้คนที่มาเป็นทหารด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ถูกบังคับอย่างทุกวันนี้
แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนสมัคร เปิดรับสมัครแบบเดิมนั่นแหละครับ อายุงาน 2 ปีเท่าเดิม เงื่อนไขมีแค่ ต้องเป็นคนไทยอายุ 21-26 ปีก็สมัครได้ (ไม่ต้องจำกัดเพศ ต่อให้เป็นผู้หญิงก็สมัครได้เหมือนอย่างหลายๆประเทศ) คนไม่มีวุฒิ เรียนไม่จบประถมก็สมัครได้ เงินเดือน 18000 จะไปหางานแบบนี้ได้ที่ไหนอีกครับ ดีไม่ดีต้องเปลี่ยนเป็นจับออกแทนด้วยซ้ำ
อีกอย่างคือการใช้คนให้ถูกประเภท ถ้าจะเอาคนมีความรู้ไปขังไว้ในกองทัพ ก็ใช้งานให้ถูกกับคนได้ไหม ทุกวันนี้เห็น วิศวกร เภสัชกร ผู้สอบบัญชี ทนายความ ฯลฯ ต้องไปสู้กับหญ้า ฆ่าแต่มด แล้วรู้สึกอนาถใจจริงๆ (อาจจะไม่ถึงกับต้องยกเว้นก็ได้ แต่ถ้าเข้าไปแล้ว ให้เขาได้ทำงานที่ถนัด อย่างน้อยก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กองทัพด้วยซ้ำ)
ส่วนตัวผมเอง ผ่านพ้นการเกณฑ์ทหารมาหลายปีแล้วครับ เลิกเถอะครับ ตรรกะที่บอกว่าเป็นทหารมันดีนะ เลยบังคับให้คนอื่นมาเป็นด้วย หรือตรรกะที่ว่า ถ้าเราไม่ไปบังคับคนที่ไม่อยากเป็นมาเป็นทหารแล้ว เราจะโดนเพื่อนบ้านถล่มย่อยยับ
ไม่มีการเกณฑ์ทหาร ก็แค่ลดปริมาณทหารลง ปัจจุบันไทยมีทหาร 310,000 นาย ถ้าลดการเกณฑ์ลง เปลี่ยนเป็นรับสมัครดังที่บอก น่าจะเหลือประมาณ 210,000 นาย ซึ่งก็ยังมากกว่าหลายๆประเทศ เช่น มาเลเซีย ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อังกฤษ เยอรมนี ฟินแลนด์ คิวบา ฯลฯ เสียอีก
เปลี่ยนจากกองทัพขนาดใหญ่ที่บังคับมา เป็นกองทัพที่คนน้อยลงหน่อย (310,000 เหลือ 210,000) แต่ทุกคนมาด้วยความเต็มใจ จะดีกว่าไหมครับ
บางประเทศ เช่น อิสราเอล เกาหลี ไต้หวัน ให้ทุกคนต้องเป็นทหารโดยไม่มีการเกณฑ์ ผมขอถามว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามเหมือนเขาหรือครับ
อิสราเอล ถ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ โดนอาหรับรุมกินโต๊ะทันที
เกาหลี ทราบไหมครับว่า "สงครามเกาหลียังไม่จบ" ทุกวันนี้แค่พักรบไปตามข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเท่านั้น
ไต้หวัน เช่นกัน ถ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ก็โดนจีนแดงเล่นแน่ๆ
ในกระทู้ก่อน มีคนพยายามบอกว่า ถ้าเราลดทหารเกณฑ์ลง ประเทศเพื่อนบ้านเราอาจฉวยโอกาสบุกเข้ามาแทรงแซงกิจการภายในของเรา หรือไปจนถึงเกรงว่ากัมพูชาจะมายึดทรัพยากรในอ่าวไทย ผมจึงขอเรียนว่ากองทัพเพื่อนบ้านเรา ห่างไกลกับกองทัพจีน หรือกลุ่มประเทศอาหรับมากครับ ต่อให้ลดขนาดกองทัพลง เราก็ยังเหนือกว่าหลายขุม ทั้งปริมาณทหาร เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์ และงบประมาณ
พม่า ไม่มีทางรบกับเราอยู่แล้ว กองทัพพม่าด้อยกว่าเรามาก แถมยังต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องชนกลุ่มน้อยอีก แล้วถ้ารัฐฉาน ว้าแดง ยะไข่ ฯลฯ จะมารบกับไทยล่ะ ยังไม่มีเหตุผลที่ชนกลุ่มน้อยพวกนี้จะมารบกับไทยครับ ปัจจุบันพวกนี้มาหลบอยู่แถวชายแดนเรา โจมตีรัฐบาลพม่าอยู่เนืองๆ แล้วจะเปิดศึกเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูเพื่อให้ตัวเองถูกตีกระหนาบทำไม?
ลาว กัมพูชา ยิ่งห่างชั้นกับไทยมาก กัมพูชามีทหารแค่แสนเดียว ลาวมีสองหมื่น หนำซ้ำประเทศพวกนี้ยังไม่มีกองทัพอากาศด้วยซ้ำ ขณะที่ไทยมีเครื่องบินรบขับไล่มากถึงเกือบ 200 ลำ การที่ไทยจะบุกยึดพนมเปญหรือเวียงจันทน์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่กองทัพฝ่ายกัมพูชาหรือลาวจะบุกถึงกรุงเทพฯนั้นคงเป็นได้แค่ฝัน ถ้ารู้แบบนี้แล้ว ลาวหรือกัมพูชาจะเปิดศึกกับเราเพื่ออะไรครับ?
ที่อาจต้องกังวลก็มีแค่มาเลเซีย หากแต่ว่าชายแดนไทยนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นชาติเดียวกับมาเลเซีย แต่เขาต้องการประเทศของเขาเอง มาเลเซียซึ่งมีกองทัพที่สูสีกับไทย แต่ยังมีปัญหากับสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์อยู่เป็นประจำ มาเลเซียจึงไม่มีเหตุผลที่จะรบเต็มรูปแบบกับไทยเช่นกัน เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังไม่แน่ว่าใครจะชนะ แต่ที่แน่ๆ หลังสงครามนั้นคงเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย และจะกลายเป็นการเปิดช่องให้อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ซึ่งมีปัญหาชายแดนกับมาเลเซียอยู่แล้วเข้ามาฉวยโอกาสแทน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แม้จะเป็นไปได้ยากมาก ที่กองทัพจะยอมลดอิทธิพลของตัวเองลง ถึงขนาดยอมยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การกินงบประมาณไปอย่างมากมายในแต่ละปี หรือแม้แต่การมีทหารรับใช้ตามบ้าน อย่างไรก็ตาม ผมยังคงหวัง ว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นครับ
ขอเชิญทุกท่านร่วมกันแสดงความคิดเห็นครับ ทั้งนี้ขอให้งดความเห็นที่เป็นการประชดแ-กดัน เพื่อบรรยากาศที่ดี และถกกันด้วยเหตุผลครับ
มุมมองของผม ต่อการเกณฑ์ทหารครับ
จากกระทู้แนะนำหลายกระทู้ที่ว่าด้วยเรื่องการเกณฑ์ทหาร ทั้งในแง่ความเหมาะสม การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ความไม่คุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ฯลฯ ผมจึงขอเสนอมุมมองของผมต่อการเกณฑ์ทหารบ้างครับ
กระทู้เกณฑ์ทหารมีมาทุกปี แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว เมื่อพ้นเดือนเมษายนไป ทุกอย่างก็จะกลับมาเงียบกริบ จนผ่านไปหนึ่งปีถึงจะกลับมาคุยกันต่อ จึงยังไม่มีการถกเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆเสียที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก
ถามว่า เกณฑ์ทหารปีละเป็นแสนคน มีความจำเป็นแค่ไหน เงินเดือนทหาร 9000 คูณหนึ่งแสน เท่ากับเดือนละ 900 ล้าน
เปลี่ยนใหม่ดีไหมครับ เป็นทหารจ้างล้วนๆ สักห้าหมื่นคนก็พอ ให้เงินเดือน 18000 ใช้งบเดือนละ 900 ล้านเท่าเดิม เราจะได้คนที่มาเป็นทหารด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ถูกบังคับอย่างทุกวันนี้
แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนสมัคร เปิดรับสมัครแบบเดิมนั่นแหละครับ อายุงาน 2 ปีเท่าเดิม เงื่อนไขมีแค่ ต้องเป็นคนไทยอายุ 21-26 ปีก็สมัครได้ (ไม่ต้องจำกัดเพศ ต่อให้เป็นผู้หญิงก็สมัครได้เหมือนอย่างหลายๆประเทศ) คนไม่มีวุฒิ เรียนไม่จบประถมก็สมัครได้ เงินเดือน 18000 จะไปหางานแบบนี้ได้ที่ไหนอีกครับ ดีไม่ดีต้องเปลี่ยนเป็นจับออกแทนด้วยซ้ำ
อีกอย่างคือการใช้คนให้ถูกประเภท ถ้าจะเอาคนมีความรู้ไปขังไว้ในกองทัพ ก็ใช้งานให้ถูกกับคนได้ไหม ทุกวันนี้เห็น วิศวกร เภสัชกร ผู้สอบบัญชี ทนายความ ฯลฯ ต้องไปสู้กับหญ้า ฆ่าแต่มด แล้วรู้สึกอนาถใจจริงๆ (อาจจะไม่ถึงกับต้องยกเว้นก็ได้ แต่ถ้าเข้าไปแล้ว ให้เขาได้ทำงานที่ถนัด อย่างน้อยก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กองทัพด้วยซ้ำ)
ส่วนตัวผมเอง ผ่านพ้นการเกณฑ์ทหารมาหลายปีแล้วครับ เลิกเถอะครับ ตรรกะที่บอกว่าเป็นทหารมันดีนะ เลยบังคับให้คนอื่นมาเป็นด้วย หรือตรรกะที่ว่า ถ้าเราไม่ไปบังคับคนที่ไม่อยากเป็นมาเป็นทหารแล้ว เราจะโดนเพื่อนบ้านถล่มย่อยยับ
ไม่มีการเกณฑ์ทหาร ก็แค่ลดปริมาณทหารลง ปัจจุบันไทยมีทหาร 310,000 นาย ถ้าลดการเกณฑ์ลง เปลี่ยนเป็นรับสมัครดังที่บอก น่าจะเหลือประมาณ 210,000 นาย ซึ่งก็ยังมากกว่าหลายๆประเทศ เช่น มาเลเซีย ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อังกฤษ เยอรมนี ฟินแลนด์ คิวบา ฯลฯ เสียอีก
เปลี่ยนจากกองทัพขนาดใหญ่ที่บังคับมา เป็นกองทัพที่คนน้อยลงหน่อย (310,000 เหลือ 210,000) แต่ทุกคนมาด้วยความเต็มใจ จะดีกว่าไหมครับ
บางประเทศ เช่น อิสราเอล เกาหลี ไต้หวัน ให้ทุกคนต้องเป็นทหารโดยไม่มีการเกณฑ์ ผมขอถามว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามเหมือนเขาหรือครับ
อิสราเอล ถ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ โดนอาหรับรุมกินโต๊ะทันที
เกาหลี ทราบไหมครับว่า "สงครามเกาหลียังไม่จบ" ทุกวันนี้แค่พักรบไปตามข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเท่านั้น
ไต้หวัน เช่นกัน ถ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ก็โดนจีนแดงเล่นแน่ๆ
ในกระทู้ก่อน มีคนพยายามบอกว่า ถ้าเราลดทหารเกณฑ์ลง ประเทศเพื่อนบ้านเราอาจฉวยโอกาสบุกเข้ามาแทรงแซงกิจการภายในของเรา หรือไปจนถึงเกรงว่ากัมพูชาจะมายึดทรัพยากรในอ่าวไทย ผมจึงขอเรียนว่ากองทัพเพื่อนบ้านเรา ห่างไกลกับกองทัพจีน หรือกลุ่มประเทศอาหรับมากครับ ต่อให้ลดขนาดกองทัพลง เราก็ยังเหนือกว่าหลายขุม ทั้งปริมาณทหาร เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์ และงบประมาณ
พม่า ไม่มีทางรบกับเราอยู่แล้ว กองทัพพม่าด้อยกว่าเรามาก แถมยังต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องชนกลุ่มน้อยอีก แล้วถ้ารัฐฉาน ว้าแดง ยะไข่ ฯลฯ จะมารบกับไทยล่ะ ยังไม่มีเหตุผลที่ชนกลุ่มน้อยพวกนี้จะมารบกับไทยครับ ปัจจุบันพวกนี้มาหลบอยู่แถวชายแดนเรา โจมตีรัฐบาลพม่าอยู่เนืองๆ แล้วจะเปิดศึกเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูเพื่อให้ตัวเองถูกตีกระหนาบทำไม?
ลาว กัมพูชา ยิ่งห่างชั้นกับไทยมาก กัมพูชามีทหารแค่แสนเดียว ลาวมีสองหมื่น หนำซ้ำประเทศพวกนี้ยังไม่มีกองทัพอากาศด้วยซ้ำ ขณะที่ไทยมีเครื่องบินรบขับไล่มากถึงเกือบ 200 ลำ การที่ไทยจะบุกยึดพนมเปญหรือเวียงจันทน์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่กองทัพฝ่ายกัมพูชาหรือลาวจะบุกถึงกรุงเทพฯนั้นคงเป็นได้แค่ฝัน ถ้ารู้แบบนี้แล้ว ลาวหรือกัมพูชาจะเปิดศึกกับเราเพื่ออะไรครับ?
ที่อาจต้องกังวลก็มีแค่มาเลเซีย หากแต่ว่าชายแดนไทยนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นชาติเดียวกับมาเลเซีย แต่เขาต้องการประเทศของเขาเอง มาเลเซียซึ่งมีกองทัพที่สูสีกับไทย แต่ยังมีปัญหากับสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์อยู่เป็นประจำ มาเลเซียจึงไม่มีเหตุผลที่จะรบเต็มรูปแบบกับไทยเช่นกัน เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังไม่แน่ว่าใครจะชนะ แต่ที่แน่ๆ หลังสงครามนั้นคงเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย และจะกลายเป็นการเปิดช่องให้อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ซึ่งมีปัญหาชายแดนกับมาเลเซียอยู่แล้วเข้ามาฉวยโอกาสแทน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แม้จะเป็นไปได้ยากมาก ที่กองทัพจะยอมลดอิทธิพลของตัวเองลง ถึงขนาดยอมยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การกินงบประมาณไปอย่างมากมายในแต่ละปี หรือแม้แต่การมีทหารรับใช้ตามบ้าน อย่างไรก็ตาม ผมยังคงหวัง ว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นครับ
ขอเชิญทุกท่านร่วมกันแสดงความคิดเห็นครับ ทั้งนี้ขอให้งดความเห็นที่เป็นการประชดแ-กดัน เพื่อบรรยากาศที่ดี และถกกันด้วยเหตุผลครับ