สืบเนื่องจากกระทู้นนี้ครับ
http://ppantip.com/topic/33472790
เราเป็น ผช คนนึงเลย ที่จะไม่พยายามลูบหัว ผญ คนไหนที่ตัวเองไม่ได้ชอบ !!
ไม่ว่าจะสถาณการ์ณใดๆ พี่ น้อง หรือเพื่อน จะเสียใจร้องไห้ มาขอกำลังใจ (ทั้งที่ก็รู้ว่าบางคนที่เข้ามาเค้าก็ไม่ได้คิดกับเราแค่นั้น)
แต่ผมก็ไม่เคยแตะต้องเส้นผมและหัวของเธอเหล่านั้นเลย จนกระทั่ง...
...เมื่อไม่นานมานี้ครับ ผมได้มีโอกาศไปสังสรรกับพรรคพวกที่คุยเคยกันดี และ "เธอคนนั้น" คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มด้วยกัน แต่เธอก็หายหน้าหายตาจากกลุ่มไปพอสมควร "ตั้งแต่เธอมีแฟน"
งานปาร์ตี้ก็ดำเนินไปอย่างปกติทั่วไปที่เคยผ่าน มีพูดคุยสทนาตามประสาเพื่อนพี่น้องกันตามเคย มีเพียงเธอที่เอาแต่ขมวดคิ้วนั่งกดโทรศัพท์ เดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่คงมีปัญหากันแน่
งานสังสรรดำเนินไปจนถึงจุดที่ทุกคนเริ่ม...ผมใช้คำว่ากรึ่มๆ และมีอารมณ์อยากจะไปต่อกันให้สนุกสุดเหวี่ยง และแล้วก็ไม่พลาดครับ เราไปต่อกัน
เราได้ร้อง ได้เต้นร่วมกันอีกครั้ง สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยจริงๆครับ ^^ ...แต่เรื่องราวมันมีปัญหาก็อี่ตอนกลับนี่แหละ (คนเคยไปเที่ยวคงเข้าใจอารมณ์นะครับ คนเมามันชอบพูดความจริงที่ตรงไป หรือมักจะระบายความในใจออกมาก็อี่ตอนเมานี่แหละ)
เริ่มมีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นในวงสนทนาขณะนั่งแท็กซี่กลับครับ จนถึงจุดที่ทุกคนต้องแยกย้าย ผมและเธอคนนั้น เราอยู่หอพักในซอยเดียวกันครับ และเราจอดมอเตอร์ไซต์ไว้หน้าปากซอยด้วยกัน แต่กว่าจะกลับได้ก็ใช้เวลานานครับ เพราะมีเพื่อนอีกที่จอดมอไซต์ไว้ด้วยกันแต่อยู่อีกคนละซอยกัน เรื่องราวเริ่มดราม่าเข้าขั้น ก็ตามประสาครับก็ระบายพูดคุยกันไป ยึดยื้อเวลา ยิ่งมากก็ยิ่งง่วง ยิ่งง่วง+ความเมา ก็ยิ่งทำให้ขับมอเตอร์ไซตลำบาก ผมจึงตัดสินใจใช้สิทธิ์ความเป็นพี่โตสุดที่เหลือตอนนั้น บอกให้น้องๆอีก 2 คนกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวน้องคนนี้พี่พากลับเอง ไม่ก็ถ้ามันไหวเดี๋ยวพี่ขับตามมันไปส่งถึงหอ
(คือจริงๆ ผมเองก็ง่วงครับ และไม่ชอบคุยอะไรตอนเมายาวๆในเรื่องที่ไม่อยากจะคุยเท่าไหร่ และผมก็พอเดาได้ว่าเธอเองก็ไม่อยากที่จะคุยแค่เรื่องพวกนี้)
เธอขับมอไซต์ออกจากจุดจอดอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผมได้ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไป และผมก็ขับตามเธอมาอย่างไวเช่นกัน จิงๆในใจตอนนั้นหวงมากนะ กลัวขับไปแล้วล้มขึ้นมานี่แย่เลย (เมาไม่ขับนะครับดีที่สุด แต่อยู่ซอยลึกๆ ไม่มีวินก็ต้องเซฟๆตัวเองกันหน่อยนะ ^^)
พอถึงหอของเธอ เธอก็เปิดประตูรั้วเพื่อเอารถเข้าไปจอด โดยที่ไม่ได้ปิดประตู ผมจึงขับรถของผมไปเทียบกับประตู้ เพื่อจะดูว่าเธอจอดรถได้ดี และเดินขึ้นห้องอย่างปลอดภัย ...และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ผมเห็นเธอนั่งทรุดลงกับพื้นข้างมอเตอร์ไซต์ของเธอเอง ไม่ช้านักผมตัดสิ้นใจจอดมอเตอร์ไซต์แล้วรีบเดินไปดูเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เธอนั่งร้องไห้ และผมก็ถามเธอว่า "เป็นอะไร ทำไมต้องมาร้องไห้แบบนี้ กลับขึ้นห้องก่อนมั้ย" ? ...หลังจากนั้นก็ยาวเลยครับ ผมนั่งลงกับพื้นเหมือนเธอ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะคำพูดปนน้ำตานี่มันจับใจความยากเสียจริง แต่ก็พอเข้าใจว่าเรื่องอะไรบ้าง ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องนู้นนี่ที่เก็บมาอัดอั้นตันใจ และที่ขาดไม่ได้..."เรื่องปัญหาระหว่างเธอกับแฟนของเธอ" !!
หลากหลายเรื่องราวที่เธอระบายออกมา ผมได้แต่นั่งฟัง และพยายามให้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่ง (เธอเป็นเฟรชชี่ผม) จนมาเรื่องนี้ ผมไม่รู้จะให้คำปรึกษาอย่างไร เพราะเรื่อง "ความรักของตัวเอง" ก็ไม่ได้ดีและสวยงามเท่าไหร่ ซึ่งปกติหากใครมาปรึกษาเรื่องความรัก ทั้งผมรู้จักกับทั้งคู่เป็นอย่างดี ผมมักจะพูดตรงๆ รักกัน คบกันได้ก็อยู่กันไป รับกันไปกันไม่ได้หรือไม่รักกันแต่ดึงดันจะไปต่อ ก็เลิกๆกันแต่เนิ้นๆเถอะ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าในกรณีนี้ ผมรู้จักแค่กับฝ่ายหญิง และแทบจะไม่รู้จักกับฝ่ายชายเลย ผมก็ได้แต่รับฟังและแชร์ประสบการ์ณที่พอจะคล้ายๆกันให้เธอได้นำไปพิจารณา (แต่จริงๆก็พอรู้แหละ คนเมาไม่ลืมก็จำได้ไม่หมดหร๊อก เค้าแค่ต้องการระบายอย่างเดียวก็ได้ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรมากไป)
เราคุยกันใช้เวลานานพอสมควร ระหว่างนั้นถึงเรื่องไหนที่เป็นจุดพีค เธอก็จะร้องไห้ ฟูมฟาย และผมก็อดใจไม่ได้...
"ที่จะปัดผมเธอออกจากแก้มที่เปรอะน้ำน้ำ และลูบหัวเธอเบาๆ"
รู้ดีว่ามันไม่ควรครับ รู้อยู่แก่ใจ แต่การที่เห็นเธอเสียใจและเราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้ ณ เวลานั้น -_-
เวลาล้วงเลยไป และเธอคงเริ่มที่จะสบายใจขึ้น เธอหยุดร้องไห้ น้ำตาไม่ได้ไหลลงมาอาบแก้มมากมาย แต่ก็ไม่ได้หายไปจากดวงตา ยังคงคลอๆอยู่นิดหน่อย แต่แล้วเธอก็หยุด ที่จะสนทนาเรื่องอื่นที่เธอเคยพูดมา หันมาทางผมที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับคำถาม...ที่ยากเกินจะตัดสินใจตอน ณ ตอนนั้น
เธอถามผมว่า "แล้วตอนนี้..."พี่คิดกับหนูแค่พี่น้องหรือยัง" ??"
ปล. บ่ายๆเดี๋ยวที่เหลือมาครับ อู้งานนานพอแระ อิอิ
คุณผู้หญิงครับ ไม่มีใครเคยบอกหรอครับ ว่าพวกผมจะลูบหัวแค่กับเฉพาะคนที่ชอบ
เราเป็น ผช คนนึงเลย ที่จะไม่พยายามลูบหัว ผญ คนไหนที่ตัวเองไม่ได้ชอบ !!
ไม่ว่าจะสถาณการ์ณใดๆ พี่ น้อง หรือเพื่อน จะเสียใจร้องไห้ มาขอกำลังใจ (ทั้งที่ก็รู้ว่าบางคนที่เข้ามาเค้าก็ไม่ได้คิดกับเราแค่นั้น)
แต่ผมก็ไม่เคยแตะต้องเส้นผมและหัวของเธอเหล่านั้นเลย จนกระทั่ง...
...เมื่อไม่นานมานี้ครับ ผมได้มีโอกาศไปสังสรรกับพรรคพวกที่คุยเคยกันดี และ "เธอคนนั้น" คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มด้วยกัน แต่เธอก็หายหน้าหายตาจากกลุ่มไปพอสมควร "ตั้งแต่เธอมีแฟน"
งานปาร์ตี้ก็ดำเนินไปอย่างปกติทั่วไปที่เคยผ่าน มีพูดคุยสทนาตามประสาเพื่อนพี่น้องกันตามเคย มีเพียงเธอที่เอาแต่ขมวดคิ้วนั่งกดโทรศัพท์ เดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่คงมีปัญหากันแน่
งานสังสรรดำเนินไปจนถึงจุดที่ทุกคนเริ่ม...ผมใช้คำว่ากรึ่มๆ และมีอารมณ์อยากจะไปต่อกันให้สนุกสุดเหวี่ยง และแล้วก็ไม่พลาดครับ เราไปต่อกัน
เราได้ร้อง ได้เต้นร่วมกันอีกครั้ง สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยจริงๆครับ ^^ ...แต่เรื่องราวมันมีปัญหาก็อี่ตอนกลับนี่แหละ (คนเคยไปเที่ยวคงเข้าใจอารมณ์นะครับ คนเมามันชอบพูดความจริงที่ตรงไป หรือมักจะระบายความในใจออกมาก็อี่ตอนเมานี่แหละ)
เริ่มมีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นในวงสนทนาขณะนั่งแท็กซี่กลับครับ จนถึงจุดที่ทุกคนต้องแยกย้าย ผมและเธอคนนั้น เราอยู่หอพักในซอยเดียวกันครับ และเราจอดมอเตอร์ไซต์ไว้หน้าปากซอยด้วยกัน แต่กว่าจะกลับได้ก็ใช้เวลานานครับ เพราะมีเพื่อนอีกที่จอดมอไซต์ไว้ด้วยกันแต่อยู่อีกคนละซอยกัน เรื่องราวเริ่มดราม่าเข้าขั้น ก็ตามประสาครับก็ระบายพูดคุยกันไป ยึดยื้อเวลา ยิ่งมากก็ยิ่งง่วง ยิ่งง่วง+ความเมา ก็ยิ่งทำให้ขับมอเตอร์ไซตลำบาก ผมจึงตัดสินใจใช้สิทธิ์ความเป็นพี่โตสุดที่เหลือตอนนั้น บอกให้น้องๆอีก 2 คนกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวน้องคนนี้พี่พากลับเอง ไม่ก็ถ้ามันไหวเดี๋ยวพี่ขับตามมันไปส่งถึงหอ
(คือจริงๆ ผมเองก็ง่วงครับ และไม่ชอบคุยอะไรตอนเมายาวๆในเรื่องที่ไม่อยากจะคุยเท่าไหร่ และผมก็พอเดาได้ว่าเธอเองก็ไม่อยากที่จะคุยแค่เรื่องพวกนี้)
เธอขับมอไซต์ออกจากจุดจอดอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผมได้ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไป และผมก็ขับตามเธอมาอย่างไวเช่นกัน จิงๆในใจตอนนั้นหวงมากนะ กลัวขับไปแล้วล้มขึ้นมานี่แย่เลย (เมาไม่ขับนะครับดีที่สุด แต่อยู่ซอยลึกๆ ไม่มีวินก็ต้องเซฟๆตัวเองกันหน่อยนะ ^^)
พอถึงหอของเธอ เธอก็เปิดประตูรั้วเพื่อเอารถเข้าไปจอด โดยที่ไม่ได้ปิดประตู ผมจึงขับรถของผมไปเทียบกับประตู้ เพื่อจะดูว่าเธอจอดรถได้ดี และเดินขึ้นห้องอย่างปลอดภัย ...และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ผมเห็นเธอนั่งทรุดลงกับพื้นข้างมอเตอร์ไซต์ของเธอเอง ไม่ช้านักผมตัดสิ้นใจจอดมอเตอร์ไซต์แล้วรีบเดินไปดูเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เธอนั่งร้องไห้ และผมก็ถามเธอว่า "เป็นอะไร ทำไมต้องมาร้องไห้แบบนี้ กลับขึ้นห้องก่อนมั้ย" ? ...หลังจากนั้นก็ยาวเลยครับ ผมนั่งลงกับพื้นเหมือนเธอ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะคำพูดปนน้ำตานี่มันจับใจความยากเสียจริง แต่ก็พอเข้าใจว่าเรื่องอะไรบ้าง ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องนู้นนี่ที่เก็บมาอัดอั้นตันใจ และที่ขาดไม่ได้..."เรื่องปัญหาระหว่างเธอกับแฟนของเธอ" !!
หลากหลายเรื่องราวที่เธอระบายออกมา ผมได้แต่นั่งฟัง และพยายามให้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่ง (เธอเป็นเฟรชชี่ผม) จนมาเรื่องนี้ ผมไม่รู้จะให้คำปรึกษาอย่างไร เพราะเรื่อง "ความรักของตัวเอง" ก็ไม่ได้ดีและสวยงามเท่าไหร่ ซึ่งปกติหากใครมาปรึกษาเรื่องความรัก ทั้งผมรู้จักกับทั้งคู่เป็นอย่างดี ผมมักจะพูดตรงๆ รักกัน คบกันได้ก็อยู่กันไป รับกันไปกันไม่ได้หรือไม่รักกันแต่ดึงดันจะไปต่อ ก็เลิกๆกันแต่เนิ้นๆเถอะ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าในกรณีนี้ ผมรู้จักแค่กับฝ่ายหญิง และแทบจะไม่รู้จักกับฝ่ายชายเลย ผมก็ได้แต่รับฟังและแชร์ประสบการ์ณที่พอจะคล้ายๆกันให้เธอได้นำไปพิจารณา (แต่จริงๆก็พอรู้แหละ คนเมาไม่ลืมก็จำได้ไม่หมดหร๊อก เค้าแค่ต้องการระบายอย่างเดียวก็ได้ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรมากไป)
เราคุยกันใช้เวลานานพอสมควร ระหว่างนั้นถึงเรื่องไหนที่เป็นจุดพีค เธอก็จะร้องไห้ ฟูมฟาย และผมก็อดใจไม่ได้...
"ที่จะปัดผมเธอออกจากแก้มที่เปรอะน้ำน้ำ และลูบหัวเธอเบาๆ"
รู้ดีว่ามันไม่ควรครับ รู้อยู่แก่ใจ แต่การที่เห็นเธอเสียใจและเราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้ ณ เวลานั้น -_-
เวลาล้วงเลยไป และเธอคงเริ่มที่จะสบายใจขึ้น เธอหยุดร้องไห้ น้ำตาไม่ได้ไหลลงมาอาบแก้มมากมาย แต่ก็ไม่ได้หายไปจากดวงตา ยังคงคลอๆอยู่นิดหน่อย แต่แล้วเธอก็หยุด ที่จะสนทนาเรื่องอื่นที่เธอเคยพูดมา หันมาทางผมที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับคำถาม...ที่ยากเกินจะตัดสินใจตอน ณ ตอนนั้น
เธอถามผมว่า "แล้วตอนนี้..."พี่คิดกับหนูแค่พี่น้องหรือยัง" ??"
ปล. บ่ายๆเดี๋ยวที่เหลือมาครับ อู้งานนานพอแระ อิอิ