จากข่าวสดออนไลน์
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 6 เม.ย. ขณะที่ พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัคร ออกเดินเท้าตรวจตราป้องกันเหตุภายในถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวโดนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าสกาย ฟอล อะโกโก้ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบทันที
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ MR.RAFAL IGNACY JAKOWICKI อายุ 55 ปี นักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์ สภาพมึนเมาสุรา ที่หน้าผากขวามีร่องรอยการถูกของแข็งตีจนเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลอาบท่วมตัว เบื้องต้นจึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา เข้ามาช่วยเหลือปฐมพยาบาล ก่อนเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ส่งรพ.บางละมุง
ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้จำนวน2คน ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านสกาย ฟอร์ อะโกโก้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายเอกพล กระเชิญลำ อายุ 28 ปี ถูกผู้บาดเจ็บชกเข้าที่ริมฝีปากจนปากเจ่อ และนายพานุ หลิ่มชู อายุ 33 ปี พร้อมทั้งตรวจยึดของกลาง ตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ที่ใช้ในการก่อเหตุไว้ได้จำนวน 1 อัน เบื้องต้นจึงควบคุมตัวมายังรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเพื่อคอยบริการช่วยเหลือบริการนักท่องเที่ยว
จากการสอบสวน2ผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่า ขณะที่กำลังยืนรักษาความปลอดภัยบริเวณร้าน ได้มีพนักงานซึ่งอยู่ภายในร้านวิ่งออกมาบอกว่า ผู้บาดเจ็บเมาสุราแล้วก่อกวนภายในร้าน ต่อมาจึงกันผู้บาดเจ็บห่างออกจากร้าน แต่ผู้บาดเจ็บไม่ยอมออก พร้อมกับขัดขืนก่อนที่จะชกเข้าที่ริมฝีปากของนายเอกพล ไป 1 ครั้ง จึงทำให้นายพานุ เพื่อนร่วมงาน คว้าตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ไล่ตีจนบาดเจ็บดังกล่าว ภายหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายพานุ พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ไล่ตี ฐานความผิด “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ก่อนควบคุมตัว ส่ง ร.ต.ท.วัฒนา ประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ พบว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่ง นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ประชุมเน้นห้ามทำร้ายนักท่องเที่ยวโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะทำให้ภาพลักษณ์เมืองพัทยาเสียหาย โดยก่อนหน้าเคยมีสถานบันเทิงหลายแห่งกระทำผิดลักษณะดังกล่าวก็ต้องถูกสั่งปิดสถานบันเทิงอย่างน้อย 30 วัน ส่วนสถานบันเทิงแห่งนี้ ก็คงต้องรอดูท่าที ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จะดำเนินการสั่งปิดหรือไม่อย่างไร
การ์ดอะโกโก้พัทยา คว้าเหล็กไล่ตีนักท่องเที่ยวโปแลนด์เลือดท่วม อ้างเหยื่อเมาก่อกวน!!
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 6 เม.ย. ขณะที่ พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัคร ออกเดินเท้าตรวจตราป้องกันเหตุภายในถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวโดนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าสกาย ฟอล อะโกโก้ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบทันที
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ MR.RAFAL IGNACY JAKOWICKI อายุ 55 ปี นักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์ สภาพมึนเมาสุรา ที่หน้าผากขวามีร่องรอยการถูกของแข็งตีจนเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลอาบท่วมตัว เบื้องต้นจึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา เข้ามาช่วยเหลือปฐมพยาบาล ก่อนเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ส่งรพ.บางละมุง
ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้จำนวน2คน ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านสกาย ฟอร์ อะโกโก้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายเอกพล กระเชิญลำ อายุ 28 ปี ถูกผู้บาดเจ็บชกเข้าที่ริมฝีปากจนปากเจ่อ และนายพานุ หลิ่มชู อายุ 33 ปี พร้อมทั้งตรวจยึดของกลาง ตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ที่ใช้ในการก่อเหตุไว้ได้จำนวน 1 อัน เบื้องต้นจึงควบคุมตัวมายังรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเพื่อคอยบริการช่วยเหลือบริการนักท่องเที่ยว
จากการสอบสวน2ผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่า ขณะที่กำลังยืนรักษาความปลอดภัยบริเวณร้าน ได้มีพนักงานซึ่งอยู่ภายในร้านวิ่งออกมาบอกว่า ผู้บาดเจ็บเมาสุราแล้วก่อกวนภายในร้าน ต่อมาจึงกันผู้บาดเจ็บห่างออกจากร้าน แต่ผู้บาดเจ็บไม่ยอมออก พร้อมกับขัดขืนก่อนที่จะชกเข้าที่ริมฝีปากของนายเอกพล ไป 1 ครั้ง จึงทำให้นายพานุ เพื่อนร่วมงาน คว้าตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ไล่ตีจนบาดเจ็บดังกล่าว ภายหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายพานุ พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ตะขอเกี่ยวประตูเหล็ก ไล่ตี ฐานความผิด “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ก่อนควบคุมตัว ส่ง ร.ต.ท.วัฒนา ประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ พบว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่ง นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ประชุมเน้นห้ามทำร้ายนักท่องเที่ยวโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะทำให้ภาพลักษณ์เมืองพัทยาเสียหาย โดยก่อนหน้าเคยมีสถานบันเทิงหลายแห่งกระทำผิดลักษณะดังกล่าวก็ต้องถูกสั่งปิดสถานบันเทิงอย่างน้อย 30 วัน ส่วนสถานบันเทิงแห่งนี้ ก็คงต้องรอดูท่าที ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จะดำเนินการสั่งปิดหรือไม่อย่างไร