ถามจริงครับคนที่คิดว่า Fast & Furious ภาคหลังๆหลุดแนวนี่ไม่รู้จริงๆหรอครับว่า หนังไม่ได้ตั้งใจสร้างมาเป็นหนังแข่งรถ

ผมขอพูดรวมๆตั้งแต่ภาค 1-7 เลยละกันนะครับ

ผมเห็นฐานคนดูแบ่งเป็นชัดๆได้สองกลุ่มคือ

กลุ่มแรก
- กลุ่มคนชอบความเร็ว ชอบการแข่งขัน ชอบรถแต่ง กลุ่มนี้จะปลื้มภาค Tokyo Drift มาก และจะบอกว่าภาค 4-7 ไม่สนุก กลายเป็นหนังบู๊ ยิงกัน ระเบิดกันแทน

กลุ่มสอง
- กลุ่มคนชอบหนังแอคชั่นทั่วไป กลุ่มนี้จะชอบแทบทุกภาค ยกเว้นภาค 2-3 และจะให้เหตุผลว่า ฉากไม่ตื่นเต้น ไม่มันส์ เหมือนหนังเด็กเกรียนทะเลาะกันมากกว่า

ซึ่งจริงๆ จะชอบแบบไหนก็ไม่ผิด เพระารสนิยมการดูหนังแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

แต่ผมสงสัยคนที่ชอบบอกว่า "แข่งรถน้อยจัง" "ไม่ค่อยเน้นเรื่องรถเลย" "Tokyo Drift คือภาคที่สมควรจะเป็น Fast & Furious" นี่เค้าไม่รู้จริงๆหรอครับว่าหนังซีรี่ย์นี้เค้าไม่ได้ตั้งใจสร้างมาเป็นหนังแข่งรถ?

ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้ว "Fast and Furious" ความเร็ว และความบ้าระห่ำ ใช้ความเร็วในการทำเรื่องบ้าๆ ถ้ามันจะเป็นหนังแข่งรถคงเป็นชื่อ Fast and Faster หรือ The Fastest ไปแล้วแหละครับ

ซึ่งแนวทางมันชัดเจนมากๆตั้งแต่ภาคแรกที่จะออกมาเป็นหนังแอคชั่น อาชญากรรม ตำรวจจับผู้ร้าย โดยมีเรื่องแข่งรถเป็น Theme ของหนัง

และหนังมันก็เป็นแนวทางแบบนี้มาถึงสองภาค แต่พอภาค 3 ได้ผู้กำกับชาวเอเซีย Justin Lin มากำกับ และเป็นช่วงที่กีฬา Drift กำลังเป็นที่นิยมเลยจับมาทำเป็นหนัง แต่ปรากฏว่ารายได้ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร



ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดว่าซีรี่ย์นี้ "ไม่ใช่หนังแข่งรถ" ภาคต่อๆมาเลยต้องกลับมาที่แนวเดิมที่เคยทำไว้คือ แอคชั่น อาชญากรรม ตำรวจจับผู้ร้าย แต่เพิ่มการทำงานเป็นทีม เรื่องครอบครัว และภารกิจ+ความเวอร์เข้ามา เพื่อให้ตัวละครแต่ละตัวดูมีมิติมากขึ้น ซีรี่ย์นี้จึงกลับมาทำรายได้ดีอีกครั้ง ไม่งั้นคงจบไปตั้งแต่ภาค 3 ละ

สรุปคือ อยากให้เข้าใจตรงกันว่า

"Fast & Furious ไม่ใช่หนังแข่งรถ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่