คงเคยได้ยินคำนี้กันบ่อย ๆ More than friends, less than lovers
มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก เรียกว่าเป็น state วัดใจ ความสัมพันธ์จะก้าวไปทางไหน ?
ก็ดูกันตรงนี้แหละ
สำหรับ "ภาคินี" บอกได้คำเดียว่า I feel you ทุกสิ่งทุกอย่างถมลงมาบนบ่าเล็ก ๆ แต่ยืนหยัดตั้งตรงของเธอ ถูกล่ะแม้เธอจะเป็นนางเสือ จะเจ็บเท่าไหร่มีปัญหาอย่างไรก็ต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้สิ้นซากไป การจะมาร่ำไห้แสดงความอ่อนแอ มันไม่ใช่วิสัยของภาคินี แต่มันก็ต้องมีวันที่เป๋ อย่างเวลานี้ ที่ภาระทุกสิ่งอย่างถาโถมเข้ามาในคราวเดียว จะให้เก่งให้แกร่งอย่างไร น้ำตาต้องมีแต่ "ชาติเสือต้องไว้ลาย" น้ำตาที่มีมันอยู่ต่อหน้าใครคนไหนไม่ได้ หากจะร้องได้ก็คงร้องได้กับครอบครัว แต่เมื่อคราวนี้ครอบครัวกำลังลำบาก พี่ก็ไม่รู้เป็นอย่างไร แม่ที่เคยเป็นหลักที่แข็งแกร่ง เป็นที่ปรึกษาก็แทบล้มคว่ำไปเพราะห่วงพี่ชาย แล้วเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากต้องแก้สถานการณ์ไปตามเพลง
แล้วยัง "อารมณ์" รวมถึง "ความรู้สึก" ในคืนนั้นอีกล่ะ
คืนที่สุดท้ายแล้วเธอยอมรับตามตรงว่ามีบางสิ่งก่อเกิดขึ้นในใจ
สิ่งที่เธอรู้สึกกับผู้ชายชื่อศตายุ เธอมอบความจริงใจตรงนั้นไป
อย่างผู้หญิงที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ แต่เธอได้อะไรกลับมา ?
ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ภาคินีต้องแบกรับนอกจากเรื่องพี่เรื่องแม่และเรื่องบริษัท ผู้หญิงที่ตอนนี้ตัวคนเดียว จะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้อย่างไร เธอเองก็ยังไม่รู้ ความเครียดความหวั่นไหวต่าง ๆ นานา กลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตา เขาว่ากันว่าน้ำตาที่เศร้าที่สุดคือน้ำตาของคนที่หัวเราะเก่งที่สุด หากน้ำตาที่บาดลึกลงไปในจิตใจมากที่สุด คือ น้ำตาของคนที่เข้มแข็งที่สุด เพราะ มันเป็นน้ำตาของคนที่ต้องดูแลตัวเองลำพังเพียงคนเดียว
เข้าใจว่าการตัดสินใจของภานั้นก็ตรองมาค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจมีอารมณ์เข้ามาพ่วงด้วยนิดหน่อย เพราะ ความสัมพันธ์ระหว่างปุ๊กับภามันก็ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ ภาเองอาจจะคิดว่ามัน out of reach เสียแล้วสำหรับเรื่องของภากับปุ๊ เรื่องมาถึงขนาดนี้ ก็ยังมีแต่คำขอโทษขอโพย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ภาคิดคำนวณเองในใจว่าพลาดแล้ว .... มันมาถึงทางตัน คน ๆ นี้คงจะไม่มีวันคิดอะไรกับเรา เสียใจไหมเสีย แต่ภาก็เด็ดขาดพอที่จะ cut lost จำกัดวงความเสียหายให้หยุดอยู่แค่ตรงนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันหยุดอยู่แค่ตรงนี้จริงหรือไม่
ข้อนึงที่เราสังเกตได้คือ "ปุ๊" จริงใจกับภา
sincere จริง ๆ นะ ปุ๊นับภาเหมือนเพื่อนผู้ชายที่สนิทซักคนนึง ก็อย่างที่บอกมันเริ่มจาก frienemy แล้วกลายเป็น friendship แล้วเราเองก็คิดว่าระหว่างนั้นไม่ใช่แค่ภาหรอกที่เปลี่ยนไป ปุ๊เองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัวว่าเปลี่ยน เพราะ มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ ถ้าเรื่องของเคทกับเสกข์ไม่เกิด เราว่าคู่นี้คงลงเอยกันไปได้อีกไม่นานเพราะมันมาถูก direction แล้ว แต่เรื่องนั้นมันเกิดเร็วไปจนกระทั่งธรรมชาติที่กำลังพัฒนามันเสียสมดุล ปุ๊ตกใจกับเรื่องที่เกิด ทำไมกุทำกับเพื่อนรักเพื่อนตายได้แบบนี้ เลวสัสสลัดบาร์มาก และ คิดว่าภาต้องโกรธ เพื่อนมันไม่ควรทำกับเพื่อนแบบนี้ใช่ไหม ? เหมือนผิดคำพูดกับพี่น้องร่วมสาบาน แต่ภาเองคิดไปอีกทางว่าปุ๊รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ตั้งใจ แล้วกับคำพูดที่ว่าถ้าผู้หญิงไม่รักคงไม่ยอมนั้น ความสัมพันธ์ในคืนนั้นคงเป็นแค่เพียงการพิสูจน์ fact นั้นเป็นนิเสธ พิสูจน์ว่าแท้ที่จริงแล้วตรรกะมันเป็นไปในทางตรงกันข้ามต่างหาก ภาถึงได้เจ็บช้ำกับคำขอโทษนั้นหนักหนา
ก็คิดคนละทางสองทางแบบนี้สิเล่ามันถึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่แบบนี้
ในขณะที่ภากำลังสิ้นหวัง สิ่งที่ปุ๊นึกไม่ถึงและไม่สังเกตเกี่ยวกับตัวเองกลับโดนตีแผ่โดยคุณแม่ของตัวเอง ที่บอกว่ามันมากกว่าเพื่อนแล้วในจุดนี้ ปุ๊ไม่เคยกังวลว่าใครจะโกรธ ไม่กังวลว่าใครจะด่า แต่ปุ๊ทำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องภา นอกจากนั่งผลุบเข้าผลุบออก ที่นอกเหนือสายตาคุณแม่ ศตายุอาการหนักกว่านั้น แต่ก่อนนี้นัดพบแล้วไม่ให้พบคงอาละวาด แต่นี่นัดพบหลายครั้งหลายรอบ ภาไม่ให้พบก็ดักรอ มืดก็รอ แล้วก็พยายามจะต่อปากต่อคำกับภาเหมือนเดิมพอรู้ว่าไม่ได้ผลก็เศร้าก็หงอย รู้เลยว่าแคร์ภามาก
แคร์จนออกปากเลยด้วยซ้ำว่าแคร์ บอกตัวเองว่าภาเป็นเพื่อน เพื่อนไงล่ะแคร์เพื่อนน่ะ แต่สิ่งที่ปุ๊ทำบอกเลย ... ไม่ต่างอะไรกับการง้อคนรัก สิ่งที่ปุ๊พยายามคือคนที่รักกันพยายามจะประคับประคองความสัมพันธ์ที่แตกร้าว คือ เรียกเอาความเชื่อถือศรัทธา ความไว้วางใจ อันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์กลับคืนมา ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกแล้วรึยังว่า เรื่องเคทกับคุณเสกข์มันหายต๋อมไปทางข้างไหนก้ไม่รู้ หายใจเข้าก็คุณภา หายใจออกก็คุณภา
ทำไม ๆๆๆๆ ทำไมเราไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ทำไมคุณไม่ด่าผมเหมือนเดิม ผมอึดอัด
เอากระบอกเก็บแบบฟาดหัวเลยก็ได้
คือปุ๊ก็ทำทุกทาง แต่ทำทุกทางแบบที่คิดว่าตัวเองเป็น คือ เป็นเพื่อน เพื่อนรัก เพื่อนตาย ซึ่งผิดจุด เพราะ มันมี hidden อยู่หลายอย่างที่มันบอกแล้วว่า "ไม่ใช่" แค่เพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนมันจะไม่มีโมเม้นท์ดักรอหน้าบริษัท มันจะไม่มีโมเม้นท์วิ่งแร่วิ่งสวนเลขาฯเข้าห้องทำงานเขา มันจะไม่มีการลังเลเวลาเปิดประตู "ไม่เลย" มันไม่ใช่แค่เสียดายมิตรภาพที่เคยมี ในขณะที่ภาคิดว่าจะไม่หวังแล้วกับคำตอบ แต่ปุ๊นั้นกำลังอยู่ในกระบวนการคิดว่าที่นี่มัน More than friends, less than lovers แต่สิ่งนี้มันคืออะไรล่ะ มันคืออะไรกันแน่ ?
ภาระทดท้อจนถอยแล้วในยกนี้ปัญหาของเธอมากเกินกว่าจะมานั่งคิดเรื่องตัวเอง
ก็เหลือแต่ปุ๊ที่อยู่กลางทางแยกกว่าถ้าเรากลับไปเป็น friend ไม่ได้จริง ๆ
แล้วเราจะไปทางไหน ให้มันพังทลายลงตรงหน้าแบบที่เป็นอยู่นี่
หรือ จะไปอีกทางหนึ่งทางที่หัวใจชักนำแบบเงียบ ๆ อยู่นานแล้ว
เล่ห์รตี : ภาคินี - ศตายุ More than friends, less than lovers
มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก เรียกว่าเป็น state วัดใจ ความสัมพันธ์จะก้าวไปทางไหน ?
ก็ดูกันตรงนี้แหละ
สำหรับ "ภาคินี" บอกได้คำเดียว่า I feel you ทุกสิ่งทุกอย่างถมลงมาบนบ่าเล็ก ๆ แต่ยืนหยัดตั้งตรงของเธอ ถูกล่ะแม้เธอจะเป็นนางเสือ จะเจ็บเท่าไหร่มีปัญหาอย่างไรก็ต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้สิ้นซากไป การจะมาร่ำไห้แสดงความอ่อนแอ มันไม่ใช่วิสัยของภาคินี แต่มันก็ต้องมีวันที่เป๋ อย่างเวลานี้ ที่ภาระทุกสิ่งอย่างถาโถมเข้ามาในคราวเดียว จะให้เก่งให้แกร่งอย่างไร น้ำตาต้องมีแต่ "ชาติเสือต้องไว้ลาย" น้ำตาที่มีมันอยู่ต่อหน้าใครคนไหนไม่ได้ หากจะร้องได้ก็คงร้องได้กับครอบครัว แต่เมื่อคราวนี้ครอบครัวกำลังลำบาก พี่ก็ไม่รู้เป็นอย่างไร แม่ที่เคยเป็นหลักที่แข็งแกร่ง เป็นที่ปรึกษาก็แทบล้มคว่ำไปเพราะห่วงพี่ชาย แล้วเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากต้องแก้สถานการณ์ไปตามเพลง
คืนที่สุดท้ายแล้วเธอยอมรับตามตรงว่ามีบางสิ่งก่อเกิดขึ้นในใจ
สิ่งที่เธอรู้สึกกับผู้ชายชื่อศตายุ เธอมอบความจริงใจตรงนั้นไป
อย่างผู้หญิงที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ แต่เธอได้อะไรกลับมา ?
ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ภาคินีต้องแบกรับนอกจากเรื่องพี่เรื่องแม่และเรื่องบริษัท ผู้หญิงที่ตอนนี้ตัวคนเดียว จะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้อย่างไร เธอเองก็ยังไม่รู้ ความเครียดความหวั่นไหวต่าง ๆ นานา กลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตา เขาว่ากันว่าน้ำตาที่เศร้าที่สุดคือน้ำตาของคนที่หัวเราะเก่งที่สุด หากน้ำตาที่บาดลึกลงไปในจิตใจมากที่สุด คือ น้ำตาของคนที่เข้มแข็งที่สุด เพราะ มันเป็นน้ำตาของคนที่ต้องดูแลตัวเองลำพังเพียงคนเดียว
เข้าใจว่าการตัดสินใจของภานั้นก็ตรองมาค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจมีอารมณ์เข้ามาพ่วงด้วยนิดหน่อย เพราะ ความสัมพันธ์ระหว่างปุ๊กับภามันก็ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ ภาเองอาจจะคิดว่ามัน out of reach เสียแล้วสำหรับเรื่องของภากับปุ๊ เรื่องมาถึงขนาดนี้ ก็ยังมีแต่คำขอโทษขอโพย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ภาคิดคำนวณเองในใจว่าพลาดแล้ว .... มันมาถึงทางตัน คน ๆ นี้คงจะไม่มีวันคิดอะไรกับเรา เสียใจไหมเสีย แต่ภาก็เด็ดขาดพอที่จะ cut lost จำกัดวงความเสียหายให้หยุดอยู่แค่ตรงนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันหยุดอยู่แค่ตรงนี้จริงหรือไม่
sincere จริง ๆ นะ ปุ๊นับภาเหมือนเพื่อนผู้ชายที่สนิทซักคนนึง ก็อย่างที่บอกมันเริ่มจาก frienemy แล้วกลายเป็น friendship แล้วเราเองก็คิดว่าระหว่างนั้นไม่ใช่แค่ภาหรอกที่เปลี่ยนไป ปุ๊เองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัวว่าเปลี่ยน เพราะ มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ ถ้าเรื่องของเคทกับเสกข์ไม่เกิด เราว่าคู่นี้คงลงเอยกันไปได้อีกไม่นานเพราะมันมาถูก direction แล้ว แต่เรื่องนั้นมันเกิดเร็วไปจนกระทั่งธรรมชาติที่กำลังพัฒนามันเสียสมดุล ปุ๊ตกใจกับเรื่องที่เกิด ทำไมกุทำกับเพื่อนรักเพื่อนตายได้แบบนี้ เลวสัสสลัดบาร์มาก และ คิดว่าภาต้องโกรธ เพื่อนมันไม่ควรทำกับเพื่อนแบบนี้ใช่ไหม ? เหมือนผิดคำพูดกับพี่น้องร่วมสาบาน แต่ภาเองคิดไปอีกทางว่าปุ๊รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ตั้งใจ แล้วกับคำพูดที่ว่าถ้าผู้หญิงไม่รักคงไม่ยอมนั้น ความสัมพันธ์ในคืนนั้นคงเป็นแค่เพียงการพิสูจน์ fact นั้นเป็นนิเสธ พิสูจน์ว่าแท้ที่จริงแล้วตรรกะมันเป็นไปในทางตรงกันข้ามต่างหาก ภาถึงได้เจ็บช้ำกับคำขอโทษนั้นหนักหนา
ในขณะที่ภากำลังสิ้นหวัง สิ่งที่ปุ๊นึกไม่ถึงและไม่สังเกตเกี่ยวกับตัวเองกลับโดนตีแผ่โดยคุณแม่ของตัวเอง ที่บอกว่ามันมากกว่าเพื่อนแล้วในจุดนี้ ปุ๊ไม่เคยกังวลว่าใครจะโกรธ ไม่กังวลว่าใครจะด่า แต่ปุ๊ทำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องภา นอกจากนั่งผลุบเข้าผลุบออก ที่นอกเหนือสายตาคุณแม่ ศตายุอาการหนักกว่านั้น แต่ก่อนนี้นัดพบแล้วไม่ให้พบคงอาละวาด แต่นี่นัดพบหลายครั้งหลายรอบ ภาไม่ให้พบก็ดักรอ มืดก็รอ แล้วก็พยายามจะต่อปากต่อคำกับภาเหมือนเดิมพอรู้ว่าไม่ได้ผลก็เศร้าก็หงอย รู้เลยว่าแคร์ภามาก
แคร์จนออกปากเลยด้วยซ้ำว่าแคร์ บอกตัวเองว่าภาเป็นเพื่อน เพื่อนไงล่ะแคร์เพื่อนน่ะ แต่สิ่งที่ปุ๊ทำบอกเลย ... ไม่ต่างอะไรกับการง้อคนรัก สิ่งที่ปุ๊พยายามคือคนที่รักกันพยายามจะประคับประคองความสัมพันธ์ที่แตกร้าว คือ เรียกเอาความเชื่อถือศรัทธา ความไว้วางใจ อันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์กลับคืนมา ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกแล้วรึยังว่า เรื่องเคทกับคุณเสกข์มันหายต๋อมไปทางข้างไหนก้ไม่รู้ หายใจเข้าก็คุณภา หายใจออกก็คุณภา
ทำไมคุณไม่ด่าผมเหมือนเดิม ผมอึดอัด
เอากระบอกเก็บแบบฟาดหัวเลยก็ได้
คือปุ๊ก็ทำทุกทาง แต่ทำทุกทางแบบที่คิดว่าตัวเองเป็น คือ เป็นเพื่อน เพื่อนรัก เพื่อนตาย ซึ่งผิดจุด เพราะ มันมี hidden อยู่หลายอย่างที่มันบอกแล้วว่า "ไม่ใช่" แค่เพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนมันจะไม่มีโมเม้นท์ดักรอหน้าบริษัท มันจะไม่มีโมเม้นท์วิ่งแร่วิ่งสวนเลขาฯเข้าห้องทำงานเขา มันจะไม่มีการลังเลเวลาเปิดประตู "ไม่เลย" มันไม่ใช่แค่เสียดายมิตรภาพที่เคยมี ในขณะที่ภาคิดว่าจะไม่หวังแล้วกับคำตอบ แต่ปุ๊นั้นกำลังอยู่ในกระบวนการคิดว่าที่นี่มัน More than friends, less than lovers แต่สิ่งนี้มันคืออะไรล่ะ มันคืออะไรกันแน่ ?
ก็เหลือแต่ปุ๊ที่อยู่กลางทางแยกกว่าถ้าเรากลับไปเป็น friend ไม่ได้จริง ๆ
แล้วเราจะไปทางไหน ให้มันพังทลายลงตรงหน้าแบบที่เป็นอยู่นี่
หรือ จะไปอีกทางหนึ่งทางที่หัวใจชักนำแบบเงียบ ๆ อยู่นานแล้ว