ลองอ่านดูนะครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเจอปัญหาชีวิต
http://www.thairath.co.th/content/489462
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 มี.ค. 2558 07:55
ชีวิตของ ภีม ภาคิน บวรศิริลักษณ์ เด็กหนุ่มหน้าใสนัยน์ตาเศร้า วัย 22 ปี ไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ฉากหน้าเป็นดาราวัยรุ่น อนาคตทำท่าจะไปได้ไกล
ภีมเข้าวงการ เริ่มจากการเดินแบบ โดยเอ ศุภชัย ศรีวิจิตร เป็นคนชักนำ
พี่เอเจอแม่ตอนไปไหว้พระ แล้วอยากเจอภีม พอมาเจอก็โอเคพาไปฝากป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช เจ้าแม่ออร์แกไนซ์มือทองของเมืองไทย
งานเดินแบบครั้งแรก งานวันแห่งความรัก ที่เกษร พลาซ่า ภีมเล่าว่า ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล แต่โชคดีได้พี่ชัชวิน อุณหะนันท์ หรือโต้ง เมนส์เฮลธ์ สอนการเดินให้
จากนั้นงานเดินแบบก็มีมาเรื่อยๆ และเริ่มมีงานหนัง เรื่องแรก ละติจูดที่ 6 ตอนนี้ยังไม่ฉาย แล้วไปประกวดน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ติด 8 คนสุดท้าย ได้เล่นละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ทางช่อง 3
ภีมเล่นหนังมาแล้ว 3 เรื่อง คือผีเข้าผีออก เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย และละติจูดที่ 6
ถ่ายแบบหนังสือเล่มแรก คืออิมเมจ และครั้งล่าสุดคือถ่ายหนังสือดิฉันกับแม่ปีที่แล้ว ภีมได้รับรางวัลจากเวที MThai Top Talk-About 2014 รางวัล Top Talk-About Guy นักแสดงชายยอดกตัญญูที่ดูแลแม่ที่ล้มป่วย
นอกจากภาระเรื่องงาน ภีมยังติดภาระเรื่องเรียน ภีมเรียนอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ ใกล้จะจบแล้ว
กำลังมีโครงการทำธุรกิจครีมกับเพื่อนที่มหาลัย เป็นสลีปปิ้งมาส์ก ไว้มาส์กหน้าตอนนอน
“แต่ผมลงทุนแบบหุ้นลม” ภีมบอก “เพื่อนอยากช่วยให้เรามีรายได้ ผมก็ทำพีอาร์ให้ เขาบอกว่าถ้าลูกค้ามาจากผมเยอะก็ได้เยอะ”
ธุรกิจนี้ทำให้ภีมเริ่มมีความหวัง...เห็นลู่ทางทางการเงิน
ตอนเป็นเด็ก มีฝัน มีความอยาก มีความต้องการสารพัด แต่พอโตขึ้นมาสถานการณ์บังคับให้เป็นอะไรเราก็ต้องทำ
พลิกจากฉากหน้าของภีม ดาราวัยรุ่น...มีฉากหลัง...ที่คงไม่อยากบอกใคร...สักเท่าใด
อาทิตย์หนึ่งมีงาน 3 วัน คือศุกร์เสาร์อาทิตย์ รายได้ไม่แน่นอน จ่ายตามเทปออนแอร์ เดือนเดือนหนึ่งภีมลุ้นว่าจะมีครบ 4 อาทิตย์
หรือเปล่า เพราะถ้าได้ครบ 4 อาทิตย์จะได้ 20,000 บาท ตอนละ 5 พัน บางเดือนได้แค่ตอนเดียว
บางครั้งก็คิดว่าจะเอาเงินที่ไหนกิน เพราะค่าใช้จ่ายที่มีเดือนเดือนหนึ่งก็หลายหมื่น
ภีมมีภาระ แม่หาหมอทุกเดือน เดือนละ 5 พัน ค่าผ่อนบ้านเดือนละหมื่น ให้ยาย ให้น้องสาว น้า 2 คนเป็นโรคประสาทก็ต้องหาหมอ ค่าใช้จ่ายสูงเกือบ 70,000 บาท
“ผมรับผิดชอบคนเดียวทั้งบ้าน เมื่อก่อนแม่เป็นคนหา แต่พอแม่ป่วยก็เป็นผม”
ภีมเปิดใจเล่าให้ฟัง แม่แอน กัญญารัตน์ บ่อสันเทียะ อดีตนางแบบ นักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนี้แม่ป่วยเป็นวัณโรคกระดูก น้ำหล่อเลี้ยงตรงกระดูกสะโพกหายไป กระดูกเลยสีกันเรื่อยๆ ทำให้เดินไม่ได้ ต้องผ่าตัดกระดูกสะโพก
ก่อนหน้า แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะ 3
“แม่เป็นแต่ละอย่างใช้เงินเป็นล้าน แม่ไม่เคยเป็นอะไรเบาๆ เลย อย่างไข้หวัด ไม่เคย”
เมื่อก่อนแม่ก็มีเงินเก็บ แต่พอเป็นมะเร็งปากมดลูกก็ต้องขาย
คอนโดฯที่เคยอยู่ เอาเงินมารักษาตัว ตอนนั้น...ภีมอายุประมาณเจ็ดขวบ
ภีมเล่าต่อ พอไม่มีที่อยู่แม่ก็ไปดาวน์บ้านแล้วก็ผ่อนมาเรื่อยๆ เหลืออีกประมาณหกเจ็ดแสน
ตอนนี้แม่อาการดีขึ้นมาก ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำกับข้าวได้ ทำอะไรเองทุกอย่างได้หมด เดินได้ปกติ แม่บอกว่า ถ้าหายจะกลับมาเล่นละคร
ส่วนยายอายุ 70 กว่า อยู่ที่อำเภอโนนไทย นครราชสีมา ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เริ่มพูดไม่รู้เรื่องและเป็นอัมพฤกษ์ต้องหาหมอ ภีมคิดว่าถ้าเงินออก จะไปรับยายมาหาหมอที่กรุงเทพฯ
เวลางานของภีมคือวันศุกร์จะถ่ายซีรีส์รักจัดเต็ม ส่วนเสาร์อาทิตย์จะถ่ายน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์
ยายอยู่กับน้า 2 คน น้า 2 คนเป็นโรคประสาท และหลานสาวอีกคน
น้องสาวภีม ชื่อปวริศา หรือชชา ยังเรียนอยู่ปี 2 คณะศิลปศาสตรบัณฑิต (การจัดการธุรกิจสายการบิน) ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ค่าเทอม 5 หมื่นบาท ก็กู้ได้ 3 หมื่น น้องตั้งใจว่า ถ้าจบแล้วจะไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตส
ความรับผิดชอบคนในครอบครัวหนักหนาสาหัสเหล่านี้ มาประดังประเดในช่วงที่ภีมได้งานน้อยลง
ปรึกษาแม่ แม่บอกว่า เอาอย่างนี้ไหม ปล่อยให้บ้านโดนยึดไป แม่กลับไปอยู่กับยายเอง
ภีมเสียดาย ผ่อนบ้านมาหลายปี อยู่ดีๆจะปล่อยให้โดนยึด เลยฮึด บอกแม่ว่า เรามาไกลขนาดนี้ ยังไงก็ต้องสู้
ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว ภีมไม่อายที่จะเล่าว่า บางวันเงินเหลือ 500 ยายก็โทร.มาขอ แม่ก็บอกโอนให้ยาย
ที่บ้านไม่มีข้าว เคราะห์ดียังมีมาม่าก็ต้มมาม่า ทอดไข่ กินเท่าที่มีอับจนเรื่องเงิน ภีมไม่เคยคิดไปกู้เงิน ถ้าไปกู้แล้วต้องจ่ายทุกเดือน ถ้าเดือนไหนเราไม่มีทำยังไง
ภีมบอกเคยทุกข์ แต่ไม่รู้จะระบายบอกใคร เคยร้องไห้ แล้วนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆทั้งวัน
บางครั้งก็อยากยอมแพ้ชีวิต หนีไปบวช เคยตั้งใจบวชให้แม่ แต่ก็ติดไปหมด ถ้าบวชก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ถ้าบวชไปแล้ว ที่บ้านจะอยู่กันอย่างไร ภีมหาเงินได้คนเดียว
ตอนนี้ว่างทุกวัน ศุกร์เสาร์อาทิตย์ก็ล็อกวันรอให้เขาเรียกไปถ่ายละคร บางอาทิตย์มี บางอาทิตย์ก็ไม่มี
บางทีคนติดต่อให้ไปทำงาน ส่วนใหญ่งานจะมีวันศุกร์หรือเสาร์ ก็ชนกับถ่ายละคร อยากรับ แต่ก็ไม่กล้า เพราะไม่รู้ว่าจะมีถ่ายละครหรือไม่ บางทีก็รู้สึกเสียดาย
ภีมเคยไปทำงานอีเวนต์ ทำหน้าที่ยกของ ได้วันละพัน คนจำได้ก็หัวเราะ แต่ภีมไม่อาย นี่คืออีกรสชาติชีวิตเรา
วันหยุดเวลาอยู่บ้าน ภีมทำความสะอาดกวาดบ้านถูบ้าน ซักเสื้อผ้าแม่ แม้กระทั่งชุดชั้นใน ทำกับข้าว พอทำทุกอย่างเสร็จก็นั่งดูทีวีกับแม่
แม่ชอบทำกับข้าว ไม่ชอบสั่งอาหารกิน เพราะรสชาติไม่ถูกใจ เมนูที่แม่ชอบทำคือไก่น้ำแดง บางทีถ้าภีมมีเงินก็พาไปกินข้าวนอกบ้าน พาไปดูหนัง
ภีมมีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป อยากเป็นนักบิน เมื่อก่อนเวลาผ่านศูนย์ลูกเรือการบินไทยยกมือไหว้ทุกครั้ง บอกโตขึ้นขอให้ได้เป็นเถอะ แต่พอตอนนี้ไม่ได้เป็นนักบิน ก็ลดความหวังมา อยากเป็นสจ๊วต
เดือนนี้เงินออกมาหมื่นเดียว ค่าบ้านอาจต้องติดไว้ก่อน
เห็นหน้าใสๆ เห็นงานแสดงฉากหน้าของดาราวัยรุ่นกันมามากแล้ว น้อยนักที่จะได้เห็นฉากหลังชีวิตของดาราวัยรุ่นคนหนึ่ง...
ที่คงต้องกัดฟันดิ้นรนสู้ต่อไป...อีกนานแค่ไหน ภีมจะฝ่าฟันด่านแห่งโชคชะตานี้ไปได้ เวลาข้างหน้าจะพิสูจน์เอง.
ชีวิตต้องสู้ "ภีม ภาคิน" อ่านแล้วจุก
http://www.thairath.co.th/content/489462
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 มี.ค. 2558 07:55
ชีวิตของ ภีม ภาคิน บวรศิริลักษณ์ เด็กหนุ่มหน้าใสนัยน์ตาเศร้า วัย 22 ปี ไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ฉากหน้าเป็นดาราวัยรุ่น อนาคตทำท่าจะไปได้ไกล
ภีมเข้าวงการ เริ่มจากการเดินแบบ โดยเอ ศุภชัย ศรีวิจิตร เป็นคนชักนำ
พี่เอเจอแม่ตอนไปไหว้พระ แล้วอยากเจอภีม พอมาเจอก็โอเคพาไปฝากป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช เจ้าแม่ออร์แกไนซ์มือทองของเมืองไทย
งานเดินแบบครั้งแรก งานวันแห่งความรัก ที่เกษร พลาซ่า ภีมเล่าว่า ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล แต่โชคดีได้พี่ชัชวิน อุณหะนันท์ หรือโต้ง เมนส์เฮลธ์ สอนการเดินให้
จากนั้นงานเดินแบบก็มีมาเรื่อยๆ และเริ่มมีงานหนัง เรื่องแรก ละติจูดที่ 6 ตอนนี้ยังไม่ฉาย แล้วไปประกวดน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ติด 8 คนสุดท้าย ได้เล่นละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ทางช่อง 3
ภีมเล่นหนังมาแล้ว 3 เรื่อง คือผีเข้าผีออก เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย และละติจูดที่ 6
ถ่ายแบบหนังสือเล่มแรก คืออิมเมจ และครั้งล่าสุดคือถ่ายหนังสือดิฉันกับแม่ปีที่แล้ว ภีมได้รับรางวัลจากเวที MThai Top Talk-About 2014 รางวัล Top Talk-About Guy นักแสดงชายยอดกตัญญูที่ดูแลแม่ที่ล้มป่วย
นอกจากภาระเรื่องงาน ภีมยังติดภาระเรื่องเรียน ภีมเรียนอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ ใกล้จะจบแล้ว
กำลังมีโครงการทำธุรกิจครีมกับเพื่อนที่มหาลัย เป็นสลีปปิ้งมาส์ก ไว้มาส์กหน้าตอนนอน
“แต่ผมลงทุนแบบหุ้นลม” ภีมบอก “เพื่อนอยากช่วยให้เรามีรายได้ ผมก็ทำพีอาร์ให้ เขาบอกว่าถ้าลูกค้ามาจากผมเยอะก็ได้เยอะ”
ธุรกิจนี้ทำให้ภีมเริ่มมีความหวัง...เห็นลู่ทางทางการเงิน
ตอนเป็นเด็ก มีฝัน มีความอยาก มีความต้องการสารพัด แต่พอโตขึ้นมาสถานการณ์บังคับให้เป็นอะไรเราก็ต้องทำ
พลิกจากฉากหน้าของภีม ดาราวัยรุ่น...มีฉากหลัง...ที่คงไม่อยากบอกใคร...สักเท่าใด
อาทิตย์หนึ่งมีงาน 3 วัน คือศุกร์เสาร์อาทิตย์ รายได้ไม่แน่นอน จ่ายตามเทปออนแอร์ เดือนเดือนหนึ่งภีมลุ้นว่าจะมีครบ 4 อาทิตย์
หรือเปล่า เพราะถ้าได้ครบ 4 อาทิตย์จะได้ 20,000 บาท ตอนละ 5 พัน บางเดือนได้แค่ตอนเดียว
บางครั้งก็คิดว่าจะเอาเงินที่ไหนกิน เพราะค่าใช้จ่ายที่มีเดือนเดือนหนึ่งก็หลายหมื่น
ภีมมีภาระ แม่หาหมอทุกเดือน เดือนละ 5 พัน ค่าผ่อนบ้านเดือนละหมื่น ให้ยาย ให้น้องสาว น้า 2 คนเป็นโรคประสาทก็ต้องหาหมอ ค่าใช้จ่ายสูงเกือบ 70,000 บาท
“ผมรับผิดชอบคนเดียวทั้งบ้าน เมื่อก่อนแม่เป็นคนหา แต่พอแม่ป่วยก็เป็นผม”
ภีมเปิดใจเล่าให้ฟัง แม่แอน กัญญารัตน์ บ่อสันเทียะ อดีตนางแบบ นักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนี้แม่ป่วยเป็นวัณโรคกระดูก น้ำหล่อเลี้ยงตรงกระดูกสะโพกหายไป กระดูกเลยสีกันเรื่อยๆ ทำให้เดินไม่ได้ ต้องผ่าตัดกระดูกสะโพก
ก่อนหน้า แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะ 3
“แม่เป็นแต่ละอย่างใช้เงินเป็นล้าน แม่ไม่เคยเป็นอะไรเบาๆ เลย อย่างไข้หวัด ไม่เคย”
เมื่อก่อนแม่ก็มีเงินเก็บ แต่พอเป็นมะเร็งปากมดลูกก็ต้องขาย
คอนโดฯที่เคยอยู่ เอาเงินมารักษาตัว ตอนนั้น...ภีมอายุประมาณเจ็ดขวบ
ภีมเล่าต่อ พอไม่มีที่อยู่แม่ก็ไปดาวน์บ้านแล้วก็ผ่อนมาเรื่อยๆ เหลืออีกประมาณหกเจ็ดแสน
ตอนนี้แม่อาการดีขึ้นมาก ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำกับข้าวได้ ทำอะไรเองทุกอย่างได้หมด เดินได้ปกติ แม่บอกว่า ถ้าหายจะกลับมาเล่นละคร
ส่วนยายอายุ 70 กว่า อยู่ที่อำเภอโนนไทย นครราชสีมา ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เริ่มพูดไม่รู้เรื่องและเป็นอัมพฤกษ์ต้องหาหมอ ภีมคิดว่าถ้าเงินออก จะไปรับยายมาหาหมอที่กรุงเทพฯ
เวลางานของภีมคือวันศุกร์จะถ่ายซีรีส์รักจัดเต็ม ส่วนเสาร์อาทิตย์จะถ่ายน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์
ยายอยู่กับน้า 2 คน น้า 2 คนเป็นโรคประสาท และหลานสาวอีกคน
น้องสาวภีม ชื่อปวริศา หรือชชา ยังเรียนอยู่ปี 2 คณะศิลปศาสตรบัณฑิต (การจัดการธุรกิจสายการบิน) ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ค่าเทอม 5 หมื่นบาท ก็กู้ได้ 3 หมื่น น้องตั้งใจว่า ถ้าจบแล้วจะไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตส
ความรับผิดชอบคนในครอบครัวหนักหนาสาหัสเหล่านี้ มาประดังประเดในช่วงที่ภีมได้งานน้อยลง
ปรึกษาแม่ แม่บอกว่า เอาอย่างนี้ไหม ปล่อยให้บ้านโดนยึดไป แม่กลับไปอยู่กับยายเอง
ภีมเสียดาย ผ่อนบ้านมาหลายปี อยู่ดีๆจะปล่อยให้โดนยึด เลยฮึด บอกแม่ว่า เรามาไกลขนาดนี้ ยังไงก็ต้องสู้
ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว ภีมไม่อายที่จะเล่าว่า บางวันเงินเหลือ 500 ยายก็โทร.มาขอ แม่ก็บอกโอนให้ยาย
ที่บ้านไม่มีข้าว เคราะห์ดียังมีมาม่าก็ต้มมาม่า ทอดไข่ กินเท่าที่มีอับจนเรื่องเงิน ภีมไม่เคยคิดไปกู้เงิน ถ้าไปกู้แล้วต้องจ่ายทุกเดือน ถ้าเดือนไหนเราไม่มีทำยังไง
ภีมบอกเคยทุกข์ แต่ไม่รู้จะระบายบอกใคร เคยร้องไห้ แล้วนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆทั้งวัน
บางครั้งก็อยากยอมแพ้ชีวิต หนีไปบวช เคยตั้งใจบวชให้แม่ แต่ก็ติดไปหมด ถ้าบวชก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ถ้าบวชไปแล้ว ที่บ้านจะอยู่กันอย่างไร ภีมหาเงินได้คนเดียว
ตอนนี้ว่างทุกวัน ศุกร์เสาร์อาทิตย์ก็ล็อกวันรอให้เขาเรียกไปถ่ายละคร บางอาทิตย์มี บางอาทิตย์ก็ไม่มี
บางทีคนติดต่อให้ไปทำงาน ส่วนใหญ่งานจะมีวันศุกร์หรือเสาร์ ก็ชนกับถ่ายละคร อยากรับ แต่ก็ไม่กล้า เพราะไม่รู้ว่าจะมีถ่ายละครหรือไม่ บางทีก็รู้สึกเสียดาย
ภีมเคยไปทำงานอีเวนต์ ทำหน้าที่ยกของ ได้วันละพัน คนจำได้ก็หัวเราะ แต่ภีมไม่อาย นี่คืออีกรสชาติชีวิตเรา
วันหยุดเวลาอยู่บ้าน ภีมทำความสะอาดกวาดบ้านถูบ้าน ซักเสื้อผ้าแม่ แม้กระทั่งชุดชั้นใน ทำกับข้าว พอทำทุกอย่างเสร็จก็นั่งดูทีวีกับแม่
แม่ชอบทำกับข้าว ไม่ชอบสั่งอาหารกิน เพราะรสชาติไม่ถูกใจ เมนูที่แม่ชอบทำคือไก่น้ำแดง บางทีถ้าภีมมีเงินก็พาไปกินข้าวนอกบ้าน พาไปดูหนัง
ภีมมีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป อยากเป็นนักบิน เมื่อก่อนเวลาผ่านศูนย์ลูกเรือการบินไทยยกมือไหว้ทุกครั้ง บอกโตขึ้นขอให้ได้เป็นเถอะ แต่พอตอนนี้ไม่ได้เป็นนักบิน ก็ลดความหวังมา อยากเป็นสจ๊วต
เดือนนี้เงินออกมาหมื่นเดียว ค่าบ้านอาจต้องติดไว้ก่อน
เห็นหน้าใสๆ เห็นงานแสดงฉากหน้าของดาราวัยรุ่นกันมามากแล้ว น้อยนักที่จะได้เห็นฉากหลังชีวิตของดาราวัยรุ่นคนหนึ่ง...
ที่คงต้องกัดฟันดิ้นรนสู้ต่อไป...อีกนานแค่ไหน ภีมจะฝ่าฟันด่านแห่งโชคชะตานี้ไปได้ เวลาข้างหน้าจะพิสูจน์เอง.