
สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนรักมือหมุนที่เคารพทุกๆท่าน
ถ้าใครได้เคยติดตามกระทู้ของผมมาโดยตลอดก็จะทราบดีว่าผมเป็นคนที่ชอบเลนส์รัสเซียเป็นชีวิตจิตใจ
แต่ก็แอบปันใจให้กับเลนส์แบรนด์อื่นๆบ้างพอประมาณ แล้วแต่อารมณ์และความฟลุ๊คครับ
โดยแบรนด์ที่แอบปันใจจะเน้นไปที่เลนส์ดีราคาถูก เช่น UV Topor, Bronica Zenzanon, Isco projar เป็นอาทิ
แต่การแอบปันใจนี้มันก็มีข้อควรปฏิบัติบ้าง คือผมจะเก็บเลนส์เป็นชุดๆไปครับ
ไม่เก็บเลนส์แบบสะเปะสะปะ แบบว่ายี่ห้อละตัวสองตัว ยี่ห้อโน้นตัว ยี่ห้อนี้ตัว ประมาณนั้น
แต่ถ้าผมจะเลือกเก็บเลนส์แบรนด์ไหนนั้น ผมจะเก็บให้ครบระยะครับ
คือต้องเก็บทั้งเลนส์มุมกว้าง นอมอลเลนส์ และเทเลโฟโต้ เอาให้มากที่สุดเท่าที่จะพอหาได้
แต่ไม่จำเป็นต้องครบทุกตัวนะครับ เนื่องจากงานที่ผมทำนั้นคือการถ่ายภาพ Documents ให้องค์กรต่างๆ
และเมื่อต้องลงพื้นที่ ผมก็จะเลือกเลนส์เป็นชุดๆในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง ซึ่งก็แล้วแต่โจทย์ที่ได้รับ
เพราะฉะนั้นเราก็ควรมีติดไปให้ครบทุกระยะ เท่าที่จำเป็น
...............
...............
ถ้าใช้เลนส์รัสเซีย ก็จะเป็นเลนส์รัสเซียทั้งหมด ไม่มีแบรนด์อื่นๆมาปนให้เสียอารมณ์ภาพ
ถ้าจะใช้ Topcor ก็ต้องไม่มีแบรนด์อื่นๆมาขโมยซีน เป็นต้น
เพราะถ้าใช้เลนส์แบบจับฉ่าย ภาพที่ได้ อารมณ์จะกระโดดไปกระโดดมา ให้เป็นที่วิงเวียนศีรษะยิ่งนัก
พาลจะทำให้เจ้าของงานไม่ยอมจ่ายตังค์ HA HA HA!!!
……………
……………
Voigtlander ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ผมตามเก็บครับ
แต่ผมจะเลือกเก็บเฉพาะเลนส์เก่าจากกล้องเรนจ์ฟายเดอร์และกล้องพับ ( folding camera ) เท่านั้น
เนื่องจากมันให้ฟีลลิ่งในการถ่ายภาพที่คลาสสิกมากๆครับ อีกทั้งราคาที่ถูกกว่าไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านฟูจิเสียอีก
โดยที่ผมไม่คำนึงถึงเรื่องคุณภาพแม้แต่น้อย เพราะเชื่อมั่นในโลโก้ Voigtlander made in west GERMANY ที่การันตีอยู่
และที่สำคัญคือ “ภาพลักษณ์” ครับ สำคัญมากๆ โดยเฉพาะเวลาลงพื้นที่ภาคสนาม
เพราะมันจะทำให้เราแตกต่างจากช่างภาพคนอื่นๆ ที่แบกเลนส์ตัวเท่าบ้องข้าวหลามสีขาวๆเหมือนกันหมด
สาวๆวัยทีนเอจจากเกาหลีและญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เป็น Volunteer ก็จะเหลียวมองพร้อมกับรอยยิ้มประทับใจฝากส่งมากับสายลม
พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ และเอ่ยปากชวนให้ไปดินเนอร์กับเธอใต้แสงเทียนเพื่อสนทนาเกี่ยวกับเลนส์คลาสสิก HA HA HA HA HA!!!!!
……………
……………
และในช่วงนี้ผมก็ได้เจ้า Voigtlander มาเกือบครบครับ คือมีทั้งนอมอลเลนส์ และเทเลอีกสองตัว
แต่ยังขาดช่วงเลนส์มุมกว้างอีกตัว จึงทำการเสาะหากล้องที่ติดเลนส์ wide angle ของ Voigtlander ซึ่งมีอยู่ไม่กี่รุ่น
และบิดมาจากอีเบย์ โดยชนะมาด้วยราคา 11 USd. พร้อมค่าส่งอีก 15 USd. จริงๆแล้วไม่ได้ชนะการบิดหรอกครับ
แต่ไม่มีใครบิดแข่ง HA HA HA!!! สรุปแล้วได้มาในราคา 26 USd. หรือแปดร้อยกว่าบาทเท่านั้น!!!

มันคือกล้อง Voigtlander Bessy AK ซึ่งถูกผลิตขึ้นระหว่างปี 1965-1967
โดยติดเลนส์มาตรฐานคือ Voigtlander color-Lanthar 2.8/38 ครับ
ผมใช้เวลาถอดเลนส์ออกมาไม่ถึงห้านาที ภายใต้บรรยากาศของร้านอาหารริมน้ำท่าจีนในเวลาบ่ายแก่ๆพร้อมลีโอสามขวด
แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจระคนตื่นเต้น
ราวกับตื่นเช้ามาเจอน้องกระแต ศุภักษร สวมบิกินี่ทูพีซสีสรรสดใสมาก้มๆเงยๆล้างรถให้ฟรีๆที่บ้านก็คือ “มันปรับรูรับแสงได้ครับ”
ตอนแรกไม่คาดคิดว่ามันจะปรับได้ เพราะที่เลนส์มันไม่มีสเกลปรับ F-stop
อีกทั้งเป็นกล้องระบบออโต้ทั้งหมด ผมจึงคิดและทำใจเพียงว่าคงจะใช้แค่เพียงเอฟกว้างสุดเท่านั้น ถือว่าฟลุ๊คมากๆครับ
โดยมันมีเดือยปรับอยู่ด้านหลังของตัวเลนส์ color-lanthar ตัวนี้มีสองเบลด จึงให้โบเก้เป็นสี่เหลี่ยมครับ
คราวนี้ผมไม่เอาชัตเตอร์ออก แต่ใช้วืธีบิดเดือยบังคับชัตเตอร์ให้ชัตเตอร์มันเปิดค้างไว้ แล้วหยอดกาวที่แกนหมุนชัตเตอร์ไปเลย
แล้วให้น้าพี HeretiC_AdoniS ชายหนุ่มผู้หลงใหลการใช้ชีวิตหลังลูกกรงสแตนเลสวันละแปดชั่วโมงทำการล้างเลนส์ให้

จัดการออกแบบอแดปเตอร์อย่างคร่าวๆในกระดาษ
เพื่อให้ช่างอ๋า มือวางอันดับหนึ่งของ PK presision parts, co. Ltd. เป็นผู้จัดการสร้างให้ตามระเบียบ
ตอนแรกจะแปลงลง M39 เพราะระยะมันพอดีแต่ปัญหาคือมันจะปรับรูรับแสงไม่ได้ เลยต้องแปลงลง M4/3
แล้วดัดแปลงสร้างตัวเขี่ยเดือยปรับ F-stop ที่อยู่ด้านหลังเลนส์

จากการทดสอบอย่างเรียบง่าย สไตล์การใช้งานจริงในภาคสนาม โดยเน้นหาข้อดี ไม่มุ่งหาจุดด้อย
พบว่ามันยอดเยี่ยมมากครับ โฟกัสง่าย ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมมากๆ
สีสันสดใส Bright and clear ให้โบเก้เป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่หาไม่ได้ง่ายๆ เนื่องจากมีเบลดแค่สองใบ
การละลายหลังทำได้นุ่มนวลครับ แต่คอนทราสจัดพอควร อาจไม่ถูกใจใครบางคนครับ
อารมณ์ภาพมีความคล้ายกับ Lanthar 2.8/50 ที่ผมมีอยู่
จุดด้อยมีอย่างเดียวคือระยะ Minimum focus ที่มากถึง 1 เมตร ซึ่งมันเกิดจากการดีไซน์ที่มุ่งเน้นใช้งานทั่วไปแบบ family shot เป็นหลัก
แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการหมุนคลายเลนส์ออกจากอแดปเตอร์ เนื่องจากท้ายเลนส์มันเป็นเกลียว
ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบของเลนส์ที่มีท้ายเป็นเกลียวครับ

สรุปได้ว่า…ถ้าคุณสามารถโมดิฟายมันได้
มันจะตอบสนองให้คุณอย่างเกินราคา ชนิดที่คุณคาดไม่ถึง
เลนส์วายด์ แองเกิ้ล ระยะ 38mm f2.8 ราคาแค่แปดร้อยกว่าบาท
แถมมาจากดินแดนแห่งแชมป์ฟุตบอลโลกสี่สมัยอย่างเยอรมัน (ตะวันตก )
และยังเป็นดินแดนที่ก่อกำเนิดตำนานเลนส์คุณภาพเยี่ยมหลากหลายแบรนด์บนโลกใบนี้
ไม่คุ้ม…ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทุกๆท่านครับ
สวัสดี!!!
ถล่มแชมป์โลกเยอรมัน ปล้น Voigtlander color-lanthar!!!
สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนรักมือหมุนที่เคารพทุกๆท่าน
ถ้าใครได้เคยติดตามกระทู้ของผมมาโดยตลอดก็จะทราบดีว่าผมเป็นคนที่ชอบเลนส์รัสเซียเป็นชีวิตจิตใจ
แต่ก็แอบปันใจให้กับเลนส์แบรนด์อื่นๆบ้างพอประมาณ แล้วแต่อารมณ์และความฟลุ๊คครับ
โดยแบรนด์ที่แอบปันใจจะเน้นไปที่เลนส์ดีราคาถูก เช่น UV Topor, Bronica Zenzanon, Isco projar เป็นอาทิ
แต่การแอบปันใจนี้มันก็มีข้อควรปฏิบัติบ้าง คือผมจะเก็บเลนส์เป็นชุดๆไปครับ
ไม่เก็บเลนส์แบบสะเปะสะปะ แบบว่ายี่ห้อละตัวสองตัว ยี่ห้อโน้นตัว ยี่ห้อนี้ตัว ประมาณนั้น
แต่ถ้าผมจะเลือกเก็บเลนส์แบรนด์ไหนนั้น ผมจะเก็บให้ครบระยะครับ
คือต้องเก็บทั้งเลนส์มุมกว้าง นอมอลเลนส์ และเทเลโฟโต้ เอาให้มากที่สุดเท่าที่จะพอหาได้
แต่ไม่จำเป็นต้องครบทุกตัวนะครับ เนื่องจากงานที่ผมทำนั้นคือการถ่ายภาพ Documents ให้องค์กรต่างๆ
และเมื่อต้องลงพื้นที่ ผมก็จะเลือกเลนส์เป็นชุดๆในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง ซึ่งก็แล้วแต่โจทย์ที่ได้รับ
เพราะฉะนั้นเราก็ควรมีติดไปให้ครบทุกระยะ เท่าที่จำเป็น
...............
...............
ถ้าใช้เลนส์รัสเซีย ก็จะเป็นเลนส์รัสเซียทั้งหมด ไม่มีแบรนด์อื่นๆมาปนให้เสียอารมณ์ภาพ
ถ้าจะใช้ Topcor ก็ต้องไม่มีแบรนด์อื่นๆมาขโมยซีน เป็นต้น
เพราะถ้าใช้เลนส์แบบจับฉ่าย ภาพที่ได้ อารมณ์จะกระโดดไปกระโดดมา ให้เป็นที่วิงเวียนศีรษะยิ่งนัก
พาลจะทำให้เจ้าของงานไม่ยอมจ่ายตังค์ HA HA HA!!!
……………
……………
Voigtlander ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ผมตามเก็บครับ
แต่ผมจะเลือกเก็บเฉพาะเลนส์เก่าจากกล้องเรนจ์ฟายเดอร์และกล้องพับ ( folding camera ) เท่านั้น
เนื่องจากมันให้ฟีลลิ่งในการถ่ายภาพที่คลาสสิกมากๆครับ อีกทั้งราคาที่ถูกกว่าไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านฟูจิเสียอีก
โดยที่ผมไม่คำนึงถึงเรื่องคุณภาพแม้แต่น้อย เพราะเชื่อมั่นในโลโก้ Voigtlander made in west GERMANY ที่การันตีอยู่
และที่สำคัญคือ “ภาพลักษณ์” ครับ สำคัญมากๆ โดยเฉพาะเวลาลงพื้นที่ภาคสนาม
เพราะมันจะทำให้เราแตกต่างจากช่างภาพคนอื่นๆ ที่แบกเลนส์ตัวเท่าบ้องข้าวหลามสีขาวๆเหมือนกันหมด
สาวๆวัยทีนเอจจากเกาหลีและญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เป็น Volunteer ก็จะเหลียวมองพร้อมกับรอยยิ้มประทับใจฝากส่งมากับสายลม
พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ และเอ่ยปากชวนให้ไปดินเนอร์กับเธอใต้แสงเทียนเพื่อสนทนาเกี่ยวกับเลนส์คลาสสิก HA HA HA HA HA!!!!!
……………
……………
และในช่วงนี้ผมก็ได้เจ้า Voigtlander มาเกือบครบครับ คือมีทั้งนอมอลเลนส์ และเทเลอีกสองตัว
แต่ยังขาดช่วงเลนส์มุมกว้างอีกตัว จึงทำการเสาะหากล้องที่ติดเลนส์ wide angle ของ Voigtlander ซึ่งมีอยู่ไม่กี่รุ่น
และบิดมาจากอีเบย์ โดยชนะมาด้วยราคา 11 USd. พร้อมค่าส่งอีก 15 USd. จริงๆแล้วไม่ได้ชนะการบิดหรอกครับ
แต่ไม่มีใครบิดแข่ง HA HA HA!!! สรุปแล้วได้มาในราคา 26 USd. หรือแปดร้อยกว่าบาทเท่านั้น!!!
มันคือกล้อง Voigtlander Bessy AK ซึ่งถูกผลิตขึ้นระหว่างปี 1965-1967
โดยติดเลนส์มาตรฐานคือ Voigtlander color-Lanthar 2.8/38 ครับ
ผมใช้เวลาถอดเลนส์ออกมาไม่ถึงห้านาที ภายใต้บรรยากาศของร้านอาหารริมน้ำท่าจีนในเวลาบ่ายแก่ๆพร้อมลีโอสามขวด
แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจระคนตื่นเต้น
ราวกับตื่นเช้ามาเจอน้องกระแต ศุภักษร สวมบิกินี่ทูพีซสีสรรสดใสมาก้มๆเงยๆล้างรถให้ฟรีๆที่บ้านก็คือ “มันปรับรูรับแสงได้ครับ”
ตอนแรกไม่คาดคิดว่ามันจะปรับได้ เพราะที่เลนส์มันไม่มีสเกลปรับ F-stop
อีกทั้งเป็นกล้องระบบออโต้ทั้งหมด ผมจึงคิดและทำใจเพียงว่าคงจะใช้แค่เพียงเอฟกว้างสุดเท่านั้น ถือว่าฟลุ๊คมากๆครับ
โดยมันมีเดือยปรับอยู่ด้านหลังของตัวเลนส์ color-lanthar ตัวนี้มีสองเบลด จึงให้โบเก้เป็นสี่เหลี่ยมครับ
คราวนี้ผมไม่เอาชัตเตอร์ออก แต่ใช้วืธีบิดเดือยบังคับชัตเตอร์ให้ชัตเตอร์มันเปิดค้างไว้ แล้วหยอดกาวที่แกนหมุนชัตเตอร์ไปเลย
แล้วให้น้าพี HeretiC_AdoniS ชายหนุ่มผู้หลงใหลการใช้ชีวิตหลังลูกกรงสแตนเลสวันละแปดชั่วโมงทำการล้างเลนส์ให้
จัดการออกแบบอแดปเตอร์อย่างคร่าวๆในกระดาษ
เพื่อให้ช่างอ๋า มือวางอันดับหนึ่งของ PK presision parts, co. Ltd. เป็นผู้จัดการสร้างให้ตามระเบียบ
ตอนแรกจะแปลงลง M39 เพราะระยะมันพอดีแต่ปัญหาคือมันจะปรับรูรับแสงไม่ได้ เลยต้องแปลงลง M4/3
แล้วดัดแปลงสร้างตัวเขี่ยเดือยปรับ F-stop ที่อยู่ด้านหลังเลนส์
จากการทดสอบอย่างเรียบง่าย สไตล์การใช้งานจริงในภาคสนาม โดยเน้นหาข้อดี ไม่มุ่งหาจุดด้อย
พบว่ามันยอดเยี่ยมมากครับ โฟกัสง่าย ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมมากๆ
สีสันสดใส Bright and clear ให้โบเก้เป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่หาไม่ได้ง่ายๆ เนื่องจากมีเบลดแค่สองใบ
การละลายหลังทำได้นุ่มนวลครับ แต่คอนทราสจัดพอควร อาจไม่ถูกใจใครบางคนครับ
อารมณ์ภาพมีความคล้ายกับ Lanthar 2.8/50 ที่ผมมีอยู่
จุดด้อยมีอย่างเดียวคือระยะ Minimum focus ที่มากถึง 1 เมตร ซึ่งมันเกิดจากการดีไซน์ที่มุ่งเน้นใช้งานทั่วไปแบบ family shot เป็นหลัก
แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการหมุนคลายเลนส์ออกจากอแดปเตอร์ เนื่องจากท้ายเลนส์มันเป็นเกลียว
ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบของเลนส์ที่มีท้ายเป็นเกลียวครับ
สรุปได้ว่า…ถ้าคุณสามารถโมดิฟายมันได้
มันจะตอบสนองให้คุณอย่างเกินราคา ชนิดที่คุณคาดไม่ถึง
เลนส์วายด์ แองเกิ้ล ระยะ 38mm f2.8 ราคาแค่แปดร้อยกว่าบาท
แถมมาจากดินแดนแห่งแชมป์ฟุตบอลโลกสี่สมัยอย่างเยอรมัน (ตะวันตก )
และยังเป็นดินแดนที่ก่อกำเนิดตำนานเลนส์คุณภาพเยี่ยมหลากหลายแบรนด์บนโลกใบนี้
ไม่คุ้ม…ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทุกๆท่านครับ
สวัสดี!!!