1. เวลาที่ดิฉันชวนคุยหรือเล่าเรื่องให้ฟัง ดิฉันก็พูดไปได้ไม่กี่คำทั้งที่ยังพูดหรือเล่ายังไม่จบ
แม่ก็สวนขึ้นมานอกจากนั้นแม่ก็พูดของแม่ไปเองเลย คนชวนคุยกลับกลายมาเป็นคนฟังแทน
คนฟังกลับกลายเป็นคนพูดแทน โดยเฉพาะเวลาที่แม่พูดสวนขึ้นมาโดยไม่สนใจความคิดของดิฉัน
ว่าดิฉันได้คิดเหมือนกับที่แม่คิดรึเปล่า ไม่สามารถหรือจะมีสิทธิ์คัดค้านได้เลย
ถ้าดิฉันฟังที่แม่พูดมาแล้วมันใม่ใช่อย่างที่ดิฉันคิด อย่างที่ดิฉันกำลังจะพูด
แม้แต่พยายามจะพูดสักเท่าไรช่วงที่แม่หยุดหายใจ พอแค่อ้าปากยังไม่ทันได้พูดแม่ก็พูดต่อไม่หยุด
ถ้าไม่ให้แม่พูดจบหรือหยุดพูดแล้ว ดิฉันก็ไม่มีโอกาสได้พูดได้คัดค้านได้หรอกค่ะ
บางครั้งกว่าดิฉันจะได้พูดดิฉันก็ลืมสิ่งที่ตัวเองคิดสิ่งที่เองกำลังจะพูดไปแล้ว
เพราะแม่พูดยาว ๆ มาก ๆ
ยกตัวอย่าง เช่น
ดิฉันดูการ์ตูนเซเลอร์มูนคริสตัลเห็นว่านางเอกสวยอยู่ก็ดีอยู่หรอก
แต่ตรงหน้าอกมันอึ๋มเกินไป
ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการ์ตูนเดี๋ยวนี้ต้องทำให้โชว์ว่าโป็โชว์ว่าหน้าอกอึ๋มด้วยล่ะ
จึงไปถามกับแม่ว่าการ์ตูนเดี๋ยวนี้ทำไมจะต้องทำให้หน้าอกดูอึ๋มขึ้นด้วยล่ะ
ตามความคิดของดิฉัน ดิฉันแค่คิดว่ามันไม่เหมาะสมกับการที่หน้าอกอึ๋มขนาดนั้น
ทั้งที่นางเอกในการ์ตูนเซเลอร์มูนคริสตัลเป็นแค่เด็กม.2เท่านั้นเอง
พอดิฉันไปถามแม่ว่าการ์ตูนเดี๋ยวนี้ทำไมจะต้องทำให้หน้าอกดูอึ๋มขึ้นด้วยล่ะ
แม่ตอบว่าไงรู้ไหมค่ะ ก็เค้าชอบทำแบบนั้น คนส่วนใหญ่ไปทำหน้าอก ไปฉีดโบท็อกซ์
ไปศัลยกรรม ไปกินยาให้หน้าอกใหญ่ขึ้นเลียนแบบการ์ตูนทั้งนั้น
ตัวอย่างที่2 ดิฉันดูการ์ตูนพริตตี้เคียวในเน็ตจนภาคที่10จบแล้ว แต่การ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่อถึงจะยังไม่ฉายก็ตาม
แต่ด้วยความดีใจมากเกินไปจึงไปบอกแม่ว่าการ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่ออีก กะจะพูดว่าพริตตี้เค้ามีหลายภาคมีต่อไม่มีที่สิ้นสุด
ต่างกับเซเลอร์มูนที่มีแค่5ภาค ภาคสุดท้ายก็ไม่เห็นค่อยจะดีมีแต่ตัวเซเลอร์มูนตอนเป็นเซเลอร์มูนสวยขึ้นเท่านั้นน่ะ
พอดิฉันพูดแค่นั้นกับแม่ว่าการ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่ออีก แม่ก็พูดสวนออกมาว่ายังไงรู้ไหมค่ะ
แม่ก็พูดว่าดึกดื่นไม่หลับไม่นอน
2. พอมีคนไม่ทำตามใจตัวเอง ก็คอยแต่ว่าเค้า
เช่น วันศุกร์พอนัดกับดิฉันว่าวันเสาร์จะพาไปดูหนังที่เดอะมอลล์
พอถึงวันเสาร์เกิดมีเหตุฉุกเฉินขึ้น เค้าไปรับศพญาติมาทำพิธี
พ่อกับแม่จะไปงานศพของเค้าตอนเย็น พ่อจึงตัดสินใจยกเลิกการนัดของดิฉันไปหาร้านตัดผมแทน
พอแม่ถามว่างานสำคัญตรงนี้ไม่ไปเหรอ พ่อไม่ตอบ พ่อตัดสินใจขับรถออกไปหาร้านตัดผมทันที
จึงทำให้รู้ว่าพ่อไม่ไปงานนี้ แม่พูดว่าอ้าวมาบอกอ.แล้วก็ไปเลย งานสำคัญนี้ก็ไม่ไป
แม่ก็ว่าพ่อว่าไม่รู้จักเรียงลำดับสำคัญก่อนหลัง
3. เวลาที่ดิฉันจะพูดอะไรมันพูดยากมันคิดไม่ออกว่าจะพูดยังไง
ก็เลยพูดได้ทีละนิด ขณะที่ดิฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไง แม่ก็มาสวนขึ้นมา
ดิฉันต้องมาตอบคำถามแม่ก่อน แล้วเราพยายามคิดต่อ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว
เพราะแม่เดินหนีไปกินน้ำ ดิฉันจึงต้องเร่งคิดให้ออกพูดทีเดียวก่อนที่แม่จะขึ้นไปข้างบน
4. ดิฉันดูทีวีผ่านทางกระจกข้างนอก แม่เห็นดิฉันเดินแบบคอเอียง เพราะดิฉันเดินไปด้วยดูไปด้วย
แม่เข้ามาหาดิฉันไม่ถามดิฉันก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือทำไมถึงเดินแบบนั้น
พอมาถึงก็มาจับคอดิฉันหันพร้อมกับพูดว่าให้มันตรง ๆ เดี๋ยวกระดูกเบี้ยว
กลางห้างเดอะมอลล์โคราชชั้น3 ก่อนที่จะให้ของขวัญปีใหม่แม่ทำดีมากเลยล่ะ
แค่จะให้ลูกมานั่งก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ว่าจะให้ไปนั่ง ส่วนลูกจะนั่งหรือไม่นั่งก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเค้าเอง
ไม่เห็นจะต้องลากลูกมาแล้วจับลูกนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่เด็กไม่ยินยอม คนนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวนั้นตั้งเยอะแม่ไม่รู้จักอายเค้าบ้างหรือไง
ขนาดดิฉันเองยังอายเลยไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ความจริงอยากจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ ไหน ๆ ก็มาแล้ว
ซื้อมันไปซะเลย กลัวว่าถ้ามาครั้งที่2อาจจะแย่กว่าเก่า ก็เลยตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือไปเลย
ตั้งแต่นี้ต่อไปดิฉันจะไม่ขอเข้าไปในห้างเดอะมอลล์ในโคราชอีกเลย
ยกเว้นเกมส์ที่จะต้องซื้อเท่านั้นที่จะเข้าไปในห้างเดอะมอลล์ในโคราชเท่านั้น
อาการทางจิตเป็นดังนี้
แม่ก็สวนขึ้นมานอกจากนั้นแม่ก็พูดของแม่ไปเองเลย คนชวนคุยกลับกลายมาเป็นคนฟังแทน
คนฟังกลับกลายเป็นคนพูดแทน โดยเฉพาะเวลาที่แม่พูดสวนขึ้นมาโดยไม่สนใจความคิดของดิฉัน
ว่าดิฉันได้คิดเหมือนกับที่แม่คิดรึเปล่า ไม่สามารถหรือจะมีสิทธิ์คัดค้านได้เลย
ถ้าดิฉันฟังที่แม่พูดมาแล้วมันใม่ใช่อย่างที่ดิฉันคิด อย่างที่ดิฉันกำลังจะพูด
แม้แต่พยายามจะพูดสักเท่าไรช่วงที่แม่หยุดหายใจ พอแค่อ้าปากยังไม่ทันได้พูดแม่ก็พูดต่อไม่หยุด
ถ้าไม่ให้แม่พูดจบหรือหยุดพูดแล้ว ดิฉันก็ไม่มีโอกาสได้พูดได้คัดค้านได้หรอกค่ะ
บางครั้งกว่าดิฉันจะได้พูดดิฉันก็ลืมสิ่งที่ตัวเองคิดสิ่งที่เองกำลังจะพูดไปแล้ว
เพราะแม่พูดยาว ๆ มาก ๆ
ยกตัวอย่าง เช่น
ดิฉันดูการ์ตูนเซเลอร์มูนคริสตัลเห็นว่านางเอกสวยอยู่ก็ดีอยู่หรอก
แต่ตรงหน้าอกมันอึ๋มเกินไป
ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการ์ตูนเดี๋ยวนี้ต้องทำให้โชว์ว่าโป็โชว์ว่าหน้าอกอึ๋มด้วยล่ะ
จึงไปถามกับแม่ว่าการ์ตูนเดี๋ยวนี้ทำไมจะต้องทำให้หน้าอกดูอึ๋มขึ้นด้วยล่ะ
ตามความคิดของดิฉัน ดิฉันแค่คิดว่ามันไม่เหมาะสมกับการที่หน้าอกอึ๋มขนาดนั้น
ทั้งที่นางเอกในการ์ตูนเซเลอร์มูนคริสตัลเป็นแค่เด็กม.2เท่านั้นเอง
พอดิฉันไปถามแม่ว่าการ์ตูนเดี๋ยวนี้ทำไมจะต้องทำให้หน้าอกดูอึ๋มขึ้นด้วยล่ะ
แม่ตอบว่าไงรู้ไหมค่ะ ก็เค้าชอบทำแบบนั้น คนส่วนใหญ่ไปทำหน้าอก ไปฉีดโบท็อกซ์
ไปศัลยกรรม ไปกินยาให้หน้าอกใหญ่ขึ้นเลียนแบบการ์ตูนทั้งนั้น
ตัวอย่างที่2 ดิฉันดูการ์ตูนพริตตี้เคียวในเน็ตจนภาคที่10จบแล้ว แต่การ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่อถึงจะยังไม่ฉายก็ตาม
แต่ด้วยความดีใจมากเกินไปจึงไปบอกแม่ว่าการ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่ออีก กะจะพูดว่าพริตตี้เค้ามีหลายภาคมีต่อไม่มีที่สิ้นสุด
ต่างกับเซเลอร์มูนที่มีแค่5ภาค ภาคสุดท้ายก็ไม่เห็นค่อยจะดีมีแต่ตัวเซเลอร์มูนตอนเป็นเซเลอร์มูนสวยขึ้นเท่านั้นน่ะ
พอดิฉันพูดแค่นั้นกับแม่ว่าการ์ตูนพริตตี้เคียวยังมีภาคใหม่ต่ออีก แม่ก็พูดสวนออกมาว่ายังไงรู้ไหมค่ะ
แม่ก็พูดว่าดึกดื่นไม่หลับไม่นอน
2. พอมีคนไม่ทำตามใจตัวเอง ก็คอยแต่ว่าเค้า
เช่น วันศุกร์พอนัดกับดิฉันว่าวันเสาร์จะพาไปดูหนังที่เดอะมอลล์
พอถึงวันเสาร์เกิดมีเหตุฉุกเฉินขึ้น เค้าไปรับศพญาติมาทำพิธี
พ่อกับแม่จะไปงานศพของเค้าตอนเย็น พ่อจึงตัดสินใจยกเลิกการนัดของดิฉันไปหาร้านตัดผมแทน
พอแม่ถามว่างานสำคัญตรงนี้ไม่ไปเหรอ พ่อไม่ตอบ พ่อตัดสินใจขับรถออกไปหาร้านตัดผมทันที
จึงทำให้รู้ว่าพ่อไม่ไปงานนี้ แม่พูดว่าอ้าวมาบอกอ.แล้วก็ไปเลย งานสำคัญนี้ก็ไม่ไป
แม่ก็ว่าพ่อว่าไม่รู้จักเรียงลำดับสำคัญก่อนหลัง
3. เวลาที่ดิฉันจะพูดอะไรมันพูดยากมันคิดไม่ออกว่าจะพูดยังไง
ก็เลยพูดได้ทีละนิด ขณะที่ดิฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไง แม่ก็มาสวนขึ้นมา
ดิฉันต้องมาตอบคำถามแม่ก่อน แล้วเราพยายามคิดต่อ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว
เพราะแม่เดินหนีไปกินน้ำ ดิฉันจึงต้องเร่งคิดให้ออกพูดทีเดียวก่อนที่แม่จะขึ้นไปข้างบน
4. ดิฉันดูทีวีผ่านทางกระจกข้างนอก แม่เห็นดิฉันเดินแบบคอเอียง เพราะดิฉันเดินไปด้วยดูไปด้วย
แม่เข้ามาหาดิฉันไม่ถามดิฉันก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือทำไมถึงเดินแบบนั้น
พอมาถึงก็มาจับคอดิฉันหันพร้อมกับพูดว่าให้มันตรง ๆ เดี๋ยวกระดูกเบี้ยว
กลางห้างเดอะมอลล์โคราชชั้น3 ก่อนที่จะให้ของขวัญปีใหม่แม่ทำดีมากเลยล่ะ
แค่จะให้ลูกมานั่งก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ว่าจะให้ไปนั่ง ส่วนลูกจะนั่งหรือไม่นั่งก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเค้าเอง
ไม่เห็นจะต้องลากลูกมาแล้วจับลูกนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่เด็กไม่ยินยอม คนนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวนั้นตั้งเยอะแม่ไม่รู้จักอายเค้าบ้างหรือไง
ขนาดดิฉันเองยังอายเลยไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ความจริงอยากจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ ไหน ๆ ก็มาแล้ว
ซื้อมันไปซะเลย กลัวว่าถ้ามาครั้งที่2อาจจะแย่กว่าเก่า ก็เลยตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือไปเลย
ตั้งแต่นี้ต่อไปดิฉันจะไม่ขอเข้าไปในห้างเดอะมอลล์ในโคราชอีกเลย
ยกเว้นเกมส์ที่จะต้องซื้อเท่านั้นที่จะเข้าไปในห้างเดอะมอลล์ในโคราชเท่านั้น