สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมารีวิวรองพื้นในดวงใจค่ะ
เป็นสองตัวที่ราคาแตกต่างกันมาก แต่ผลหลังการใช้ค่อนข้างพอใจ ประสิทธิภาพถือว่าสูสีกันเลยค่ะ
L'oreal le teint true match และ YSL fusion ink foundation
มาดูกันที่ตัวแรก L'oreal le teint true match
ตัวนี้แพ็กเกจอาจจะไม่ได้หรูหราอะไร แต่จอสชอบที่เป็นหัวปั้ม ทำให้กดใช้งานง่ายค่ะ
เป็นขวดแก้ว ช่วงหัวปั้มเป็นสีทองดูหรูดี แต่ฝาไม่ผ่านค่ะสำหรับจอส มันดูก๊องแก๊งไป
แต่เอาจริงๆสำหรับรองพื้นราคาไม่ถึงห้าร้อยบาท ได้แพ็กเกจขนาดนี้ก็ถือว่าโอเคมากๆแล้วค่ะ
มาดูแพ็กเกจตัวนี้กันบ้าง YSL fusion ink foundation
สิ่งนี้คือดีงาม งานหรูหรา เลอค่า ร้องไห้หนักมาก จ่ายเงินหนักกว่า
บีเอเคลมว่า บางเบาเหมือนขนนก แต่ติดทนเหมือนหมึก จ่ายเงินสิคะ จะรออะไร!
ขวดละ 2400 บาท ซื้อตัวข้างบนได้เกือบห้าขวดแหนะ แรงมาก แต่นางหรู หนูยอม
แต่ก็อย่างว่าค่ะ ไม่มีใครเฟอร์เพคไปทุกอย่าง อีขวดนี้จอสก็ไม่รู้ว่าจะทำฝาสองชั้นทำไม
คือฝาครอบสีทองสวยมาก แต่พอดึงออกมาเป็นฝาพลาสติกสีดำอีกชั้นนึง เวลาใช้ต้องหมุนออกมาอีกรอบ
คำเตือน ตราบที่ยังไม่ได้หมุนปิดฝาดำห้ามเอาฝาทองไปครอบทับเด็ดขาด ไม่งั้นนางจะติดค่ะ วุ่นวายมาก
เวลาใช้ต้องจุ่มเนื้อรองพื้นขึ้นมาค่ะ ซึ่งจะทำให้เนื้อรองพื้นไม่สดใหม่ จอสชอบแบบหัวปั้มมากกว่า
แต่จะว่าไปแบบนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบค่ะ ใช้ไปใช้มาสักพักเริ่มชอบ ได้ฟิลเหมือนจุ่มน้ำหมึกตามคอนเซปท์รองพื้นเค้าล่ะ
โดยรวมแล้วแพ็กเกจ YSL สวยงามกินขาด แต่จอสไม่ชอบอย่างเดียวคือที่เป็นฝาสองชั้นนี่แหละ
มาพูดถึงเนื้อรองพื้นกันดีกว่า อันที่จริงสองตัวนี้เนื้อเหลวพอๆกันเลยค่ะ ของ L'oreal จะข้นกว่านิดนึง
ส่วนของ YSL เนื้อเหลวกว่า บางเบากว่า จะมีส่วนผสมของซีลีโคนด้วย ทำให้เกลี่ยง่าย และสมูธกว่า
พูดถึงความประทับใจคือครั้งแรกที่ได้ลองเนื้อรองพื้น YSL ตัวนี้บนหลังมือ มันเป็นความรู้สึกที่อเมซิ่งมากๆค่ะ
คือเนื้อมันเนียนนุ่ม ละเอียด บางเบา แบบอธิบายไม่ถูกจริงๆ เอาเป็นว่าเคลิ้มอ่ะ หลงมาก
ส่วน L'oreal ตอนลองหลังมือก็ยังเฉยๆ มาประทับใจตอนที่ทาบนผิวหน้าค่ะ
สำหรับเบอร์รองพื้น L'oreal จอสใช้ เบอร์ N3 nude vanilla และ YSL ใช้เบอร์ B40
ทั้งสองเบอร์จะเข้มกว่าสีผิวจอสค่ะ ชอบทาให้แทนกว่าผิวนิดๆ เวลาลงแป้งหน้าจะได้ไม่วอก
บอกก่อนจอสเป็นคนผิวผสมนะคะ
เทียบให้ดูเมื่อทารองพื้นบนใบหน้า รูปนี้คือรองพื้นเดี่ยวๆเลย ยังไม่ได้ลงแป้งค่ะ
จอสใช้ในปริมาณที่เท่าๆกัน จะเห็นได้ว่าของ L'oreal จะฉ่ำกว่า ดูผิวโกลวๆ มีน้ำมีนวล ผิวสวย ชอบ
ในขณะที่ของ YSL จะออกไปทางแมทค่ะ เพราะเนื้อของเค้าหลังจากที่ทาไปแล้วจะออกเป็นแป้งๆ
เหมือนปัดแป้งฝุ่นทับไปแล้ว แต่ความปกปิดจะน้อยกว่าของ L'oreal นะคะ
สังเกตุว่า YSL จะดูเป็นผิวจริงมากกว่า กลืนกับผิวได้ดีกว่า แต่ก็ปกปิดได้น้อยกว่าค่ะ
สิ่งที่จอสชอบอีกอย่างนึงคือเวลาเกลี่ยค่ะ ของ L'oreal ก็ว่าเกลี่ยง่ายแล้วนะ คือมันเนียนอ่ะ
เมื่อก่อนจอสชอบมาก เพราะนางเป็นรองพื้นที่เนื้อดี เกลี่ยสนุก ทาแล้วผิวสวย
แต่พอมาเจอ YSL คือเหนือระดับ บอกเลย นางเป็นรองพื้นที่เนื้อดีสุดๆ ทาง่ายกว่า เนียนกว่า
เอาเป็นว่าคนที่ทารองพื้นไม่เป็นก็สามารถทาให้เนียนได้อ่ะค่ะ
ความปกปิด YSL จะอยู่ระดับ light - medium แต่ L'oreal จะอยู่ที่ Medium - full coverage
ซึ่งทั้งสองตัวสามารถทาเพื่อเพิ่มความปกปิดที่มากขึ้นได้ค่ะ
สำหรับความติดทนและคุมมัน จอสยกให้ YSL ค่ะ
ด้วยความที่เนื้อของเค้าจะออกแมท เลยทำให้ผิวดูไม่มันวาว แต่ดูเป็นธรรมชาติ กลืนกับผิวได้ดี
และที่สำคัญคือติดทนดีจริง จอสทาไปทำงานวันละ 8 ชั่วโมงผิวก็ยังสวยอยู่ แทบจะไม่มีคราบ ไม่ไหลเยิ้ม
ระหว่างวันผิวแทบไม่มัน ซับมันนิดหน่อย เติมแป้งอีกเล็กน้อยก็กลับมาเป๊ะเหมือนเดิม
แต่ข้อควรระวังคือคนผิวแห้งต้องบำรุงดีๆนะคะ ไม่งั้นจะรู้สึกตึงหน้า
ส่วนตัว L'oreal ก็ติดทนดีระดับนึงเหมือนกัน ไม่ค่อยเป็นคราบ แต่ด้วยความที่เนื้อออกฉ่ำๆหน่อย
นางจะอยู่ได้สัก 3-5 ชั่วโมงสักพักจะเริ่มมัน คนที่ผิวมันอยู่แล้วอาจจะรู้สึกเยิ้มได้เวลาเหงื่อออก
แต่คนผิวแห้งจะใช้ดีค่ะ คือมันจะทำให้รู้สึกว่าผิวสวยแบบฉ่ำๆอ่ะ
แต่จะไม่ติดทนยาวนานเหมือน YSL นะ เพราะตกเย็นก็จะมีหลุดบ้างบางส่วน ซึ่ง YSL จะหลุดน้อยกว่า
แต่ภาพรวมแล้วถือว่าสูสีอยู่นะ นางเสียคะแนนที่ความเยิ้ม แต่ถ้าไปอยู่ในที่อากาศเย็นก็ไม่แน่ นางอาจจะใช้ดีกว่า
อันนี้เอาให้ดูตอนที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว รูปนี้ใช้รองพื้น L'oreal le teint true match
ส่วนรูปข้างล่างนี้ใช้ YSL fusion ink foundation ซึ่งเอาจริงๆแล้วพอลงแป้งลงอะไรแล้วก็เนียนพอๆกัน
สุดท้ายนี้ขอให้คะแนนค่ะ
L'oreal le teint true match - 9.2/10 ค่ะ ชอบเนื้อ ชอบความฉ่ำ ทาแล้วผิวสวยดูสุขภาพดี ราคาก็ดี
แต่ติดอยู่ตรงที่ระหว่างวันผิวจะเยิ้มและทำให้หน้ามันเร็วกว่า จึงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราโดยเฉพาะหน้าร้อน
YSL fusion ink foundation - 9.5/10 ดีงาม เลอค่า แอบหักคะแนนแพ็กเกจฝาสองชั้นนิดนึง
ข้อเสียอีกอย่างคือคนผิวแห้งต้องบำรุงดีๆ เพราะจอสเคยใช้ช่วงที่ผิวแห้งแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึง
แต่ดีที่ไม่เป็นขุยเพราะเนื้อดีมากถึงมากที่สุด
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหารองพื้นดีๆสักตัวนึงนะคะ
ยังไงก็ลองเลือกตัวที่เหมาะกับผิวและความต้องการของเราดูค่ะ
Facebook -
https://www.facebook.com/JossyBerryMakeUpArtist
Instagram - @jossyberryblog
[CR] Review : รองพื้นในดวงใจ My favorite foundations (drugstore vs. counter brand)
เป็นสองตัวที่ราคาแตกต่างกันมาก แต่ผลหลังการใช้ค่อนข้างพอใจ ประสิทธิภาพถือว่าสูสีกันเลยค่ะ
L'oreal le teint true match และ YSL fusion ink foundation
มาดูกันที่ตัวแรก L'oreal le teint true match
ตัวนี้แพ็กเกจอาจจะไม่ได้หรูหราอะไร แต่จอสชอบที่เป็นหัวปั้ม ทำให้กดใช้งานง่ายค่ะ
เป็นขวดแก้ว ช่วงหัวปั้มเป็นสีทองดูหรูดี แต่ฝาไม่ผ่านค่ะสำหรับจอส มันดูก๊องแก๊งไป
แต่เอาจริงๆสำหรับรองพื้นราคาไม่ถึงห้าร้อยบาท ได้แพ็กเกจขนาดนี้ก็ถือว่าโอเคมากๆแล้วค่ะ
มาดูแพ็กเกจตัวนี้กันบ้าง YSL fusion ink foundation
สิ่งนี้คือดีงาม งานหรูหรา เลอค่า ร้องไห้หนักมาก จ่ายเงินหนักกว่า
บีเอเคลมว่า บางเบาเหมือนขนนก แต่ติดทนเหมือนหมึก จ่ายเงินสิคะ จะรออะไร!
ขวดละ 2400 บาท ซื้อตัวข้างบนได้เกือบห้าขวดแหนะ แรงมาก แต่นางหรู หนูยอม
แต่ก็อย่างว่าค่ะ ไม่มีใครเฟอร์เพคไปทุกอย่าง อีขวดนี้จอสก็ไม่รู้ว่าจะทำฝาสองชั้นทำไม
คือฝาครอบสีทองสวยมาก แต่พอดึงออกมาเป็นฝาพลาสติกสีดำอีกชั้นนึง เวลาใช้ต้องหมุนออกมาอีกรอบ
คำเตือน ตราบที่ยังไม่ได้หมุนปิดฝาดำห้ามเอาฝาทองไปครอบทับเด็ดขาด ไม่งั้นนางจะติดค่ะ วุ่นวายมาก
เวลาใช้ต้องจุ่มเนื้อรองพื้นขึ้นมาค่ะ ซึ่งจะทำให้เนื้อรองพื้นไม่สดใหม่ จอสชอบแบบหัวปั้มมากกว่า
แต่จะว่าไปแบบนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบค่ะ ใช้ไปใช้มาสักพักเริ่มชอบ ได้ฟิลเหมือนจุ่มน้ำหมึกตามคอนเซปท์รองพื้นเค้าล่ะ
โดยรวมแล้วแพ็กเกจ YSL สวยงามกินขาด แต่จอสไม่ชอบอย่างเดียวคือที่เป็นฝาสองชั้นนี่แหละ
มาพูดถึงเนื้อรองพื้นกันดีกว่า อันที่จริงสองตัวนี้เนื้อเหลวพอๆกันเลยค่ะ ของ L'oreal จะข้นกว่านิดนึง
ส่วนของ YSL เนื้อเหลวกว่า บางเบากว่า จะมีส่วนผสมของซีลีโคนด้วย ทำให้เกลี่ยง่าย และสมูธกว่า
พูดถึงความประทับใจคือครั้งแรกที่ได้ลองเนื้อรองพื้น YSL ตัวนี้บนหลังมือ มันเป็นความรู้สึกที่อเมซิ่งมากๆค่ะ
คือเนื้อมันเนียนนุ่ม ละเอียด บางเบา แบบอธิบายไม่ถูกจริงๆ เอาเป็นว่าเคลิ้มอ่ะ หลงมาก
ส่วน L'oreal ตอนลองหลังมือก็ยังเฉยๆ มาประทับใจตอนที่ทาบนผิวหน้าค่ะ
สำหรับเบอร์รองพื้น L'oreal จอสใช้ เบอร์ N3 nude vanilla และ YSL ใช้เบอร์ B40
ทั้งสองเบอร์จะเข้มกว่าสีผิวจอสค่ะ ชอบทาให้แทนกว่าผิวนิดๆ เวลาลงแป้งหน้าจะได้ไม่วอก
บอกก่อนจอสเป็นคนผิวผสมนะคะ
เทียบให้ดูเมื่อทารองพื้นบนใบหน้า รูปนี้คือรองพื้นเดี่ยวๆเลย ยังไม่ได้ลงแป้งค่ะ
จอสใช้ในปริมาณที่เท่าๆกัน จะเห็นได้ว่าของ L'oreal จะฉ่ำกว่า ดูผิวโกลวๆ มีน้ำมีนวล ผิวสวย ชอบ
ในขณะที่ของ YSL จะออกไปทางแมทค่ะ เพราะเนื้อของเค้าหลังจากที่ทาไปแล้วจะออกเป็นแป้งๆ
เหมือนปัดแป้งฝุ่นทับไปแล้ว แต่ความปกปิดจะน้อยกว่าของ L'oreal นะคะ
สังเกตุว่า YSL จะดูเป็นผิวจริงมากกว่า กลืนกับผิวได้ดีกว่า แต่ก็ปกปิดได้น้อยกว่าค่ะ
สิ่งที่จอสชอบอีกอย่างนึงคือเวลาเกลี่ยค่ะ ของ L'oreal ก็ว่าเกลี่ยง่ายแล้วนะ คือมันเนียนอ่ะ
เมื่อก่อนจอสชอบมาก เพราะนางเป็นรองพื้นที่เนื้อดี เกลี่ยสนุก ทาแล้วผิวสวย
แต่พอมาเจอ YSL คือเหนือระดับ บอกเลย นางเป็นรองพื้นที่เนื้อดีสุดๆ ทาง่ายกว่า เนียนกว่า
เอาเป็นว่าคนที่ทารองพื้นไม่เป็นก็สามารถทาให้เนียนได้อ่ะค่ะ
ความปกปิด YSL จะอยู่ระดับ light - medium แต่ L'oreal จะอยู่ที่ Medium - full coverage
ซึ่งทั้งสองตัวสามารถทาเพื่อเพิ่มความปกปิดที่มากขึ้นได้ค่ะ
สำหรับความติดทนและคุมมัน จอสยกให้ YSL ค่ะ
ด้วยความที่เนื้อของเค้าจะออกแมท เลยทำให้ผิวดูไม่มันวาว แต่ดูเป็นธรรมชาติ กลืนกับผิวได้ดี
และที่สำคัญคือติดทนดีจริง จอสทาไปทำงานวันละ 8 ชั่วโมงผิวก็ยังสวยอยู่ แทบจะไม่มีคราบ ไม่ไหลเยิ้ม
ระหว่างวันผิวแทบไม่มัน ซับมันนิดหน่อย เติมแป้งอีกเล็กน้อยก็กลับมาเป๊ะเหมือนเดิม
แต่ข้อควรระวังคือคนผิวแห้งต้องบำรุงดีๆนะคะ ไม่งั้นจะรู้สึกตึงหน้า
ส่วนตัว L'oreal ก็ติดทนดีระดับนึงเหมือนกัน ไม่ค่อยเป็นคราบ แต่ด้วยความที่เนื้อออกฉ่ำๆหน่อย
นางจะอยู่ได้สัก 3-5 ชั่วโมงสักพักจะเริ่มมัน คนที่ผิวมันอยู่แล้วอาจจะรู้สึกเยิ้มได้เวลาเหงื่อออก
แต่คนผิวแห้งจะใช้ดีค่ะ คือมันจะทำให้รู้สึกว่าผิวสวยแบบฉ่ำๆอ่ะ
แต่จะไม่ติดทนยาวนานเหมือน YSL นะ เพราะตกเย็นก็จะมีหลุดบ้างบางส่วน ซึ่ง YSL จะหลุดน้อยกว่า
แต่ภาพรวมแล้วถือว่าสูสีอยู่นะ นางเสียคะแนนที่ความเยิ้ม แต่ถ้าไปอยู่ในที่อากาศเย็นก็ไม่แน่ นางอาจจะใช้ดีกว่า
อันนี้เอาให้ดูตอนที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว รูปนี้ใช้รองพื้น L'oreal le teint true match
ส่วนรูปข้างล่างนี้ใช้ YSL fusion ink foundation ซึ่งเอาจริงๆแล้วพอลงแป้งลงอะไรแล้วก็เนียนพอๆกัน
สุดท้ายนี้ขอให้คะแนนค่ะ
L'oreal le teint true match - 9.2/10 ค่ะ ชอบเนื้อ ชอบความฉ่ำ ทาแล้วผิวสวยดูสุขภาพดี ราคาก็ดี
แต่ติดอยู่ตรงที่ระหว่างวันผิวจะเยิ้มและทำให้หน้ามันเร็วกว่า จึงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราโดยเฉพาะหน้าร้อน
YSL fusion ink foundation - 9.5/10 ดีงาม เลอค่า แอบหักคะแนนแพ็กเกจฝาสองชั้นนิดนึง
ข้อเสียอีกอย่างคือคนผิวแห้งต้องบำรุงดีๆ เพราะจอสเคยใช้ช่วงที่ผิวแห้งแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึง
แต่ดีที่ไม่เป็นขุยเพราะเนื้อดีมากถึงมากที่สุด
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหารองพื้นดีๆสักตัวนึงนะคะ
ยังไงก็ลองเลือกตัวที่เหมาะกับผิวและความต้องการของเราดูค่ะ
Facebook - https://www.facebook.com/JossyBerryMakeUpArtist
Instagram - @jossyberryblog