ความคิดเห็นเกี่ยวกับ จา พนม หลังดู Fast 7 ผมคิดเห็นว่า จา น่าจะยังแจ้งเกิดเต็มตัวได้ยากในฮอลลีวู้ด บทของจาในหนัง Fast 7 ตัดออกไม่ได้ครับ เพราะถูกวางตัวให้เป็นคู่ปรับคู่แค้นของ พอล วอร์คเกอร์ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย แค่โผล่มาเตะๆ ต่อยๆ เหมือนเคย ทั้งเรื่องแกพูดอยู่สองคำ คือ Go! และ Too Slow แค่นี้จริงๆ แถมยังพูดในสำเนียงที่แข็งเป็นสากกะเบือ
สิ่งที่จาต้องทำหลังจากนี้หากคิดโกอินเตอร์แบบเป็นเรื่องเป็นราว คือ เรียนแอ็คติ้ง และเรียนภาษาอังกฤษ ให้หนักมาก แบบเอาเป็นจริงเป็นจัง…ถ้ายังได้แค่นี้ แป๊บๆ อนาคตในฮอลลีวู้ดก็จบครับ เพราะผมนึกไม่ออกว่าใครจะจ้าง จา ในเมื่อพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี ใครจะจ้างนักแสดงที่เล่นบทพูดไม่ได้
เคยมีกรณีของคริส ทักเกอร์ นักแสดงตลกผิวสี ที่ก่อนหน้านี้ดังมาจากการเล่นหนังของ ลุค เบซอง เรื่อง The Fifth Element และมาดังเอามากๆ จากการแสดงประกบเฉินหลงใน Rush Hour แต่สาเหตุที่ คริส ทักเกอร์ ไม่มีงานเลยหลังจากหมด Rush Hour มาจากการที่แกอ่านหนังสือไม่ออกครับ เวลาจะเข้าฉากที ต้องมีคนคอยอ่านบทให้ฟัง ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญในกองถ่าย จนไม่มีใครอยากจ้าง แม้ คริส ทักเกอร์จะเป็นดาราผิวสีที่ ฮา และเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ชมทุกผิวสี แต่สุดท้ายก็ไม่รอด หมดอนาคต ด้วยเหตุผลที่ว่าแกอ่านหนังสือไม่ออก
คนชอบ จา อาจจะด่าผมที่เขียนถึงในทางลบ แต่ประทานโทษนะครับ นี่ผมท้วงติงด้วยความบริสุทธ์ใจในสิ่งที่เห็นว่าไม่ดี และเขาต้องปรับปรุง ผมไม่อยากจะคิดว่าถ้าในอนาคต จา ต้องกลับมาหากินกับหนังไทยอีกครั้ง จา จะเล่นหนังของค่ายไหนได้บ้าง อาจจะต้องสร้างเองเล่นเอง
ส่วนใครเป็นแฟน พอล วอร์คเกอร์ งานนี้จัดไป ฟิน ซึ้ง กว่าที่คิด ฉากที่พอลขับรถแข่งกับวินครั้งสุดท้ายดูแล้วขนลุก นัยน์ตาของ พอล เปล่งปลั่งระริกๆ บทพูดช่วงท้ายเป็นไอเดียพี่วิน แกตั้งใจทำให้พอล วอร์คเกอร์ ซึ่งก็ออกมาแบบน่าประทับใจ และมีความหมายแฝงถึงการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ พอล
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ จา พนม หลังดู Fast 7 ผมคิดเห็นว่า…(ไม่สปอยด์หนัง)
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ จา พนม หลังดู Fast 7 ผมคิดเห็นว่า จา น่าจะยังแจ้งเกิดเต็มตัวได้ยากในฮอลลีวู้ด บทของจาในหนัง Fast 7 ตัดออกไม่ได้ครับ เพราะถูกวางตัวให้เป็นคู่ปรับคู่แค้นของ พอล วอร์คเกอร์ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย แค่โผล่มาเตะๆ ต่อยๆ เหมือนเคย ทั้งเรื่องแกพูดอยู่สองคำ คือ Go! และ Too Slow แค่นี้จริงๆ แถมยังพูดในสำเนียงที่แข็งเป็นสากกะเบือ
สิ่งที่จาต้องทำหลังจากนี้หากคิดโกอินเตอร์แบบเป็นเรื่องเป็นราว คือ เรียนแอ็คติ้ง และเรียนภาษาอังกฤษ ให้หนักมาก แบบเอาเป็นจริงเป็นจัง…ถ้ายังได้แค่นี้ แป๊บๆ อนาคตในฮอลลีวู้ดก็จบครับ เพราะผมนึกไม่ออกว่าใครจะจ้าง จา ในเมื่อพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี ใครจะจ้างนักแสดงที่เล่นบทพูดไม่ได้
เคยมีกรณีของคริส ทักเกอร์ นักแสดงตลกผิวสี ที่ก่อนหน้านี้ดังมาจากการเล่นหนังของ ลุค เบซอง เรื่อง The Fifth Element และมาดังเอามากๆ จากการแสดงประกบเฉินหลงใน Rush Hour แต่สาเหตุที่ คริส ทักเกอร์ ไม่มีงานเลยหลังจากหมด Rush Hour มาจากการที่แกอ่านหนังสือไม่ออกครับ เวลาจะเข้าฉากที ต้องมีคนคอยอ่านบทให้ฟัง ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญในกองถ่าย จนไม่มีใครอยากจ้าง แม้ คริส ทักเกอร์จะเป็นดาราผิวสีที่ ฮา และเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ชมทุกผิวสี แต่สุดท้ายก็ไม่รอด หมดอนาคต ด้วยเหตุผลที่ว่าแกอ่านหนังสือไม่ออก
คนชอบ จา อาจจะด่าผมที่เขียนถึงในทางลบ แต่ประทานโทษนะครับ นี่ผมท้วงติงด้วยความบริสุทธ์ใจในสิ่งที่เห็นว่าไม่ดี และเขาต้องปรับปรุง ผมไม่อยากจะคิดว่าถ้าในอนาคต จา ต้องกลับมาหากินกับหนังไทยอีกครั้ง จา จะเล่นหนังของค่ายไหนได้บ้าง อาจจะต้องสร้างเองเล่นเอง
ส่วนใครเป็นแฟน พอล วอร์คเกอร์ งานนี้จัดไป ฟิน ซึ้ง กว่าที่คิด ฉากที่พอลขับรถแข่งกับวินครั้งสุดท้ายดูแล้วขนลุก นัยน์ตาของ พอล เปล่งปลั่งระริกๆ บทพูดช่วงท้ายเป็นไอเดียพี่วิน แกตั้งใจทำให้พอล วอร์คเกอร์ ซึ่งก็ออกมาแบบน่าประทับใจ และมีความหมายแฝงถึงการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ พอล