คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ชอบประโยคนี้ค่ะ ...การเมืองเป็นเรื่องการแข่งกันทำความดี เพื่อให้ ชนะใจประชาชน...
นายกทักษิณเข้าใจ จึงคิดหานโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน
นายกทักษิณ เคยบรรยายในหัวข้อ "การเมืองใหม่เพื่อการปฏิรูปประเทศ" ให้ นศ. ปริญญาโท จุฬาฯ ฟังเมื่อ ก.ย. 2545 ว่า
"การแข่งขันทางการเมืองคือว่าทำให้ผู้อื่นเลวกว่าตัวเองนั่นคืออดีตของการเมือง แต่การเมืองใหม่บอกอย่าพูดถึงใคร
พูดอย่างเดียวว่า เรามีอะไรจะเสนอประชาชนวาเราจะทำอะไรที่ดีกว่า"
"การเมืองใหม่ไม่ใช่การเมืองมวยวัด ต้องเป็นการเมืองที่มีวิชาการ การเมืองที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เข้าใจว่าประชาชนทุกข์อะไร
แล้วการเมืองต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนว่าจะบำบัดทุกข์เขาอย่างไร"
ในขณะที่ ปชป. เป็นตัวอย่างพรรคการเมืองโบราณที่ใช้แต่วาทกรรมทำลายคู่แข่ง ไม่เคยคิดพัฒนา
แพ้ซ้ำซากมา 20 ปีก็ไม่เคยดูตัวเอง
นับวันสาวกสลิ่มทั้งหลายก็ยิ่งแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นว่ายอมทิ้งจรรยาบรรณในวิชาชีพตน ทิ้งหลักการทั้งหลาย
เชียร์ฝ่ายตนแบบไม่สนใจการยกระดับตัวเอง คิดแค่ทำอย่างไรให้คู่แข่งแพ้
บอกเลย คิดแบบนั้นแหละจะทำให้คุณแพ้ไปตลอดกาลนานกว่าตลอดชีวิต
นายกทักษิณเข้าใจ จึงคิดหานโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน
นายกทักษิณ เคยบรรยายในหัวข้อ "การเมืองใหม่เพื่อการปฏิรูปประเทศ" ให้ นศ. ปริญญาโท จุฬาฯ ฟังเมื่อ ก.ย. 2545 ว่า
"การแข่งขันทางการเมืองคือว่าทำให้ผู้อื่นเลวกว่าตัวเองนั่นคืออดีตของการเมือง แต่การเมืองใหม่บอกอย่าพูดถึงใคร
พูดอย่างเดียวว่า เรามีอะไรจะเสนอประชาชนวาเราจะทำอะไรที่ดีกว่า"
"การเมืองใหม่ไม่ใช่การเมืองมวยวัด ต้องเป็นการเมืองที่มีวิชาการ การเมืองที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เข้าใจว่าประชาชนทุกข์อะไร
แล้วการเมืองต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนว่าจะบำบัดทุกข์เขาอย่างไร"
ในขณะที่ ปชป. เป็นตัวอย่างพรรคการเมืองโบราณที่ใช้แต่วาทกรรมทำลายคู่แข่ง ไม่เคยคิดพัฒนา
แพ้ซ้ำซากมา 20 ปีก็ไม่เคยดูตัวเอง
นับวันสาวกสลิ่มทั้งหลายก็ยิ่งแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นว่ายอมทิ้งจรรยาบรรณในวิชาชีพตน ทิ้งหลักการทั้งหลาย
เชียร์ฝ่ายตนแบบไม่สนใจการยกระดับตัวเอง คิดแค่ทำอย่างไรให้คู่แข่งแพ้
บอกเลย คิดแบบนั้นแหละจะทำให้คุณแพ้ไปตลอดกาลนานกว่าตลอดชีวิต
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ผมก็คนกรุงเทพฯ เกิดและโตที่กรุงเทพฯ และถูกสอนโดยพ่อที่โปร ปชป ให้ดูถูกคนต่างจังหวัด
มาตาสว่างหลังปี 40 ที่ ปชป ใช้วิธีต่ำๆย่ำยีคนอื่น หลังจากนั้นไม่เคยคิดจะเลือก ปชป อีกเลย
ผมไม่แปลกใจที่ คนกรุง หลงตน คิดว่าตัวเองฉลาดกว่า เพราะยึดติดกับความคิดว่าอยู่ในเมืองหลวง ย่อมเจริญกว่าต่างจังหวัด
ผมอยากบอกว่า ถ้าไม่มี ปชป กรุงเทพฯเจริญกว่านี้อีกเยอะ ระบบรถไฟฟ้า ตั้งแต่ผมสิบขวบก็ว่าจะทำ เพราะที่บ้านเคยมีกทม.มาวัดและแจ้งว่าจะโดนผ่าน แต่มาทำสำเร็จปาเอาผมสามสิบเข้าไปแล้ว(BTS) เห็นได้ว่า ปชป ครองเมืองกรุงแต่ไม่เคยคิดจะพัฒนาเมืองให้เจริญ เอางบมาละลายเสียเปล่า ตอน มิยาซาว่า ฟุตบาตหน้าบ้านภายใน 1 ปี ทุบเปลี่ยน 3 รอบ ผมก็งงว่า เอาเงินมาละลายทำบ้าอะไร
ญาติที่โปร ปชป บอกได้ว่าหาดีไม่ได้สักคน คตในข้อ งอในกระดูกทั้งนั้น เล่าเรื่องเลวๆของตัวเองได้อย่างไม่อาย แต่บทจะแสดงตนเป็นคนดี
ดัดจริตกันใหญ่ หยิบนกหวีด โบกธง กันหน้าบาน แถมยังมาพาลเอากับคนที่ไม่เห็นด้วย ปากบอกรักประเทศ แต่เห็นหา-แต่ของต่ำๆมาทั้งชีวิต หลบได้หลบ โกงได้โกง ผมไม่เคยเข้าใจพวกนี้ได้สักคน
มาตาสว่างหลังปี 40 ที่ ปชป ใช้วิธีต่ำๆย่ำยีคนอื่น หลังจากนั้นไม่เคยคิดจะเลือก ปชป อีกเลย
ผมไม่แปลกใจที่ คนกรุง หลงตน คิดว่าตัวเองฉลาดกว่า เพราะยึดติดกับความคิดว่าอยู่ในเมืองหลวง ย่อมเจริญกว่าต่างจังหวัด
ผมอยากบอกว่า ถ้าไม่มี ปชป กรุงเทพฯเจริญกว่านี้อีกเยอะ ระบบรถไฟฟ้า ตั้งแต่ผมสิบขวบก็ว่าจะทำ เพราะที่บ้านเคยมีกทม.มาวัดและแจ้งว่าจะโดนผ่าน แต่มาทำสำเร็จปาเอาผมสามสิบเข้าไปแล้ว(BTS) เห็นได้ว่า ปชป ครองเมืองกรุงแต่ไม่เคยคิดจะพัฒนาเมืองให้เจริญ เอางบมาละลายเสียเปล่า ตอน มิยาซาว่า ฟุตบาตหน้าบ้านภายใน 1 ปี ทุบเปลี่ยน 3 รอบ ผมก็งงว่า เอาเงินมาละลายทำบ้าอะไร
ญาติที่โปร ปชป บอกได้ว่าหาดีไม่ได้สักคน คตในข้อ งอในกระดูกทั้งนั้น เล่าเรื่องเลวๆของตัวเองได้อย่างไม่อาย แต่บทจะแสดงตนเป็นคนดี
ดัดจริตกันใหญ่ หยิบนกหวีด โบกธง กันหน้าบาน แถมยังมาพาลเอากับคนที่ไม่เห็นด้วย ปากบอกรักประเทศ แต่เห็นหา-แต่ของต่ำๆมาทั้งชีวิต หลบได้หลบ โกงได้โกง ผมไม่เคยเข้าใจพวกนี้ได้สักคน
ความคิดเห็นที่ 36
สมัยเป็นโสด ชอบสิงสถิตย์ อยู่ร้าน Brown Sugar หลังสวน เพื่อนฝูงมากมาย
วันหนึ่ง ผมได้นั่งกินเหล้ากับนักข่าวสายต่างประเทศหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขาเล่า
ให้ผมฟังว่าสำนักพิมพ์ส่งเขาไปทำข่าว นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่ฟิลิปปินส์ เขา
เจอตัวเป็น ๆ ใกล้ ๆ เขาบอกว่า อยากจะกระโดดชกหน้าแต่เป็นเพราะความเป็นนักข่าว
เขาทำไม่ได้ เขาฟังเฟอร์ดินานด์โกหก แต่เพราะความเป็นนักข่าว ที่ทำหน้าที่สื่อ เขา
ต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นคำโกหก ผู้บริโภคข่าวเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจ
ไม่ใช่ นักข่าว
นักข่าว มีหน้าที่เป็น "สื่อ" ที่เชื่อมระหว่าง แหล่งข่าว และ ผู้บริโภคข่าว การจะไป
ใส่สีตีไข่ ถามนำ เพื่อให้ข่าวเปลี่ยนแปลงจากการที่มันควรจะเป็น หรือได้ข่าวที่ตัว
เองต้องการให้มี เช่นนั้นแล้ว คนผู้นั้นก็ไม่ใช่นักข่าว แต่ผมขอเรียกว่า "นักเต้าข่าว"
นี่คือตัวอย่างของสื่อที่เปลี่ยนข่าวจากหน้ามือเป็นหลังมือ ให้ข่าวว่า มอเตอร์ไซด์
มาชนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เรา ๆ ท่าน ๆ ดูเอาเองครับว่ามันใส่สีตีไข่
ไปกี่โหล แถมหัวเราะเยาะได้อีก
วันหนึ่ง ผมได้นั่งกินเหล้ากับนักข่าวสายต่างประเทศหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขาเล่า
ให้ผมฟังว่าสำนักพิมพ์ส่งเขาไปทำข่าว นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่ฟิลิปปินส์ เขา
เจอตัวเป็น ๆ ใกล้ ๆ เขาบอกว่า อยากจะกระโดดชกหน้าแต่เป็นเพราะความเป็นนักข่าว
เขาทำไม่ได้ เขาฟังเฟอร์ดินานด์โกหก แต่เพราะความเป็นนักข่าว ที่ทำหน้าที่สื่อ เขา
ต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นคำโกหก ผู้บริโภคข่าวเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจ
ไม่ใช่ นักข่าว
นักข่าว มีหน้าที่เป็น "สื่อ" ที่เชื่อมระหว่าง แหล่งข่าว และ ผู้บริโภคข่าว การจะไป
ใส่สีตีไข่ ถามนำ เพื่อให้ข่าวเปลี่ยนแปลงจากการที่มันควรจะเป็น หรือได้ข่าวที่ตัว
เองต้องการให้มี เช่นนั้นแล้ว คนผู้นั้นก็ไม่ใช่นักข่าว แต่ผมขอเรียกว่า "นักเต้าข่าว"
นี่คือตัวอย่างของสื่อที่เปลี่ยนข่าวจากหน้ามือเป็นหลังมือ ให้ข่าวว่า มอเตอร์ไซด์
มาชนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เรา ๆ ท่าน ๆ ดูเอาเองครับว่ามันใส่สีตีไข่
ไปกี่โหล แถมหัวเราะเยาะได้อีก
ความคิดเห็นที่ 18
ขรรมจอบที่สุดเลย พอโดนด่าจี้ใจดำ ผลสุดท้ายก็เปิดเผยธาตุแท้แบบเป็นรูปธรรมเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรให้คนเห็น ถามจริงๆเถอะคนที่เป็นนายหรือผู้บังคับบัญชาของจอบจะดีใจหรือเสียใจดี ที่จอบไปพิมพ์ไว้อย่างนั้น แล้วความเชื่อถือของสำนักข่าวที่ตัวเองสังกัดหละ ต่อไปจะเชื่อถือได้หรือ หรือว่าออกข่าวมาแต่ละทีชาวบ้านต้องบวกลบคูณหารเพื่อหาความจริงจากข่าวที่ออกกันเอาเอง
แสดงความคิดเห็น
(จอบ) สมจิตต์....คิดได้แค่นี้.......จริงหรือ ?
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427781941
ตอนแรกก็ไม่สนใจ เพราะนึกว่าโต้ตอบกันธรรมดา แต่พออ่านจบ ก็อยากเขียนให้ (จอบ) สมจิตต์ อ่านบ้าง
ในข้อเขียนของ จอบ (เรียกง่ายๆจะได้ไม่ต้องเขียนชื่อเต็ม เดี๋ยวเขียนผิดจะโดนแย้งแบบชูวิทย์)
มีประโยคเด็ดอยู่ประโยคหนึ่งคือ
ต้องทำให้พรรคของทักษิณแพ้การเลือกตั้งเท่านั้น จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด
อ่านประโยคนี้จบ จขกท เพิ่งรู้ตัวว่า เข้าใจผิดมาตลอด คิดว่ามีแต่นักการเมืองพรรคแมงสาบ
ที่มีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์เท่านั้นที่ต่ำ นี่พวกกองเชียร์ที่สวมหมวกสื่อสารมวลชนก็ร่วมกันต่ำด้วย
การที่บอกว่า ต้องทำให้พรรคทักษิณแพ้เท่านั้น ประโยคนี้มีแต่พวกเซลเดียว ไร้สมอง ไร้ความสามารถเท่านั้น
ที่พูดออกมาได้อย่างไม่กระดากปาก การเมืองเป็นเรื่องการแข่งกันทำความดี เพื่อให้ ชนะใจประชาชน
ไม่ใช่เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีแบบที่แมงสาบชอบใช้ ถ้าพรรคการเมืองทุกพรรคใช้นโยบายแบบนี้แล้วประเทศ
จะเจริญได้อย่างไร
เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยจมอยู่กับวังวนน้ำเน่า พรรคแมงสาบเล่นการเมืองแบบย้อนยุค
ทุกอย่างหนีไม่พ้นคนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ทั้งๆที่พิสูจน์แล้วว่า คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่พรรค แมงสาบ
และกองเชียร์ก็ดึงดันใช้วิธีนี้ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามหลังมา
มองอีกมุมหนึ่ง การที่พลพรรคแมงสาบจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ เพราะที่ผ่านมาพรรคนี้ ไม่เคยมีผลงานที่สามารถ
เอาชนะใจคนส่วนใหญ่ได้ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่พรรคนี้ชนะการเลือกตั้ง ก็ด้วยการขู่ให้กลัว หรือ ใช้วาทกรรม
เช่น กรณี ชายเอ๋อ ชนะเลือกตั้ง กทม ก็ได้มาจากข่าวลือที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะส่ง จตุพร มาเป็นรองผู้ว่า
ไม่ใช่เพราะคน กทม เลือกเพราะความสามารถ ชายเอ๋อ หรือ ตอนเลือกตั้ง 2535/2 ปชป ก็ชนะการเลือกตั้ง
เพราะวาทกรรม "จำลองพาคนไปตาย"
นักมวยสองคนขึ้นเวที กติกาทุกอย่างต้องยุติธรรม ตัวนักมวย กองเชียร์ และหัวหน้าคณะ ต้องพยายามทุกอย่าง
ที่ทำให้ฝ่ายของตนมีชัยอย่างขาวสะอาด เพื่อจะได้ชื่อว่า เป็นยอดมวยขวัญใจมหาชน ไม่ใช่ใช้วิธีสกปรก
เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามแพ้ เช่นไปบอกนายสนามให้มัดมือ มัดเท้า คู่ต่อสู้ หรือให้กรรมการโกงคะแนน หรือ
จับแพ้ฟาลว์ ทำแม้กระทั่งให้กองเชียร์ขึ้นเวทีไปยำนักมวย เหล่านี้ชนะแล้วมีอะไรน่าภูมิใจ มีแต่คนที่มีจิตใจต่ำช้า
เต็มไปด้วยอคติเท่านั้นที่ยินดีกับชัยชนะแบบนี้
จอบ ครับ อย่ามาอ้างเรื่อง คุณธรรม หรือความดีงามอะไรให้มันดูดีเลยครับ ยุคนี้เป็นยุคข่าวสารนะครับ
กำพืดของคนทุกคน ไม่ต้องมาอวดทุกคนตัดสินเองได้ เรื่องคุณธรรมของ จอบ จึงไม่วิจารณ์
แต่เรื่อง มารยาท จอบ ต้องปรับปรุงอีกมาก สังเกตุดูทุกครั้งที่ จอบ ถามจะถามแบบนันสต็อบ
ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมอาชีพได้มีโอกาสตั้งคำถามบ้าง ซึ่งมารยาทในที่สาธารณะแบบนี้ คนที่ผ่านการอบรม
มาย่อมไม่ทำเด็ดขาด น่าจะปรับปรุงส่วนนี้ให้มากเป็นพิเศษ
จอบ ครับ การที่จะรักชอบใครเป็นการส่วนตัวไม่ผิดนะครับ แต่การที่ไปใส่ร้ายหรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย
โดยใช้ อคติ ส่วนตัว โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายที่ตัวเอง ต้องทำให้แพ้ นั้นเป็นคนที่คนส่วนใหญ่นิยม
นิสัยเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่ถูก ไม่เรียกว่า "นิสัยไม่ดี" แต่ควรเรียกว่า "นิสัยเ.ว"จึงจะถูก
เชื่อเถอะครับ เมื่อไหร่คนส่วนใหญ่คิดอย่าง จอบ ประเทศนี้ก็ไม่มีอนาคตอะไรเหลือให้ลูก หลาน แล้วครับ
เห็นด้วยกับ จอบ ประโยคเดียวคือ "สันดอนขุดได้ แต่ ......ของ จอบ แม้เห็นชัดๆแต่ก็แก้ไขไม่ได้"
ฝากประโยคสุดท้ายถึง จอบ นะครับ "คนเราเกิดมาถึงแม้หน้าตาอัปลักษณ์ แต่จิตใจดีงาม ก็นับว่า
เป็นคนสวยได้ แต่ถ้ามีหน้าตาเป็นอาวุธแล้วยังมีจิตใจเต็มไปด้วยความอคติ ริษยาอาฆาต เขาว่ายิ่งกว่าขี้ริ้ว
อีกนะครับ "
ป.ล ตอนแรกจะเขียนถึง "ศรีบูรพา"กุหลาบ สายประดิษฐ์ เพราะวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด ของท่าน นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่
นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ จนถูกจับเป็นกบฎ แต่หาข้อมูลไม่ทัน เลยขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้
ป.ล 2 เบื่อที่ต้องหลบคำ และต้องตั้งกระทู้เป็นคำถาม
ป.ล 3 ด้วยน้ำใจและความปรารถนาดีของเพื่อนทั้งในห้องนี้ และในเฟส ทำให้แม่ยาย พ้นขีดอันตราย กลับบ้านได้
จึงขอขอบคุณเพื่อนๆอีกครั้ง