กระทู้นี้เป็นของฝากเล็กน้อยสำหรับเพื่อนๆที่วางแผนไปเที่ยวเส้นทางนี้ค่ะ
เหตุเพราะหลายปีที่ผ่านมา หนอนฯ ไม่มีโอกาสได้ไปเยือนจีนเลย ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่ปี 2009นู่นนนนนน
เห็นตั๋วราคาถูก แถมเพื่อนฝูงบินกันคึกคัก เราก็ เอามั่งดิ้
ว่าแล้วสองป้าก็จัดการจอง ได้ตั๋วมาราคาน่าคบ กทม ไปWuhan และขากลับจากChangsha รวมจ่ายไปไม่ถึงห้าพันบาท เลือกที่นั่งให้ถูกใจ สั่งอาหาร แต่ไม่เอากระเป๋า เพราะพวกเราเป้ใบเดียวไปได้โลดดดดดด
เส้นทางทางนี้สมัยก่อนไม่มีบินตรงต้นทุนเดินทางจึงแพงกว่าปัจจุบันมาก
แต่เพราะเวลาไม่เอื้อ จึงหนีงานไปได้แค่ห้าวันสี่คืน ตัดสินใจตัดหุบเขาอวตารออก ตั้งใจเอาไว้ชวนหลานไปเที่ยวทีหลัง
รอบนี้ขอพักผ่อนสบายๆ ด้วยการไปดูดอกไม้บานที่Wuhan แล้วไปเดินเล่นเพ่นพ่านที่Fenghuang นอนสักสองคืน เอาให้เบื่อเพราะคงไม่ไปซ้ำ
Day1 : กทม – Wuhan
บินไปลงWuhan เข้าที่Terminal ไฟลท์ต่างประเทศ ผ่าน ตม. หนุ่มสาวหน้าตาอ่อนใส ยิ้มแย้มเป็นมิตร
ฝนตกหนัก เลือกเดินดึงฮู้ดคลุมผม ลุยฝนไปยื่นที่อยู่โรงแรมที่จองมาให้Taxi ดู
ชายหนุ่มหน้าตาแจ่มใสยิ้มรับปากกาก่อนจะเขียนตัวเลข 120+15 เอาเป็นว่าสองเราพอใจ ไม่ได้ต่อรองอะไร ขึ้นรถไปทันที
ส่งลงหน้าโรงแรมรับเงินและทอนถูกต้องไม่มีอิดออด
Dorsett Wuhan เป็นโรงแรมที่เราจองจากAgoda หน้าตาดูดี ห้องพักถูกใจ และยังสะดวกสบายหากคิดจะใช้รถใต้ดิน (Metro) เพราะอยู่ระหว่างสถานี Xunlimen ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่าง Line 1&2 และสถานี Jianghan Road (Line 2 Exit D) นอกจากนี้ ยังอยู่ย่านถนนสายนักช้อปพอดี
ที่เลือกบินลงWuhan ก็เพราะกิตติศัพท์ความงามของถนนสายดอกซากุระในมหาวิทยาลัยWuhan ที่จะเบ่งบานในราวปลายเดือนมีนาคม ข่าวว่าคนเข้าไปชมดอกไม้นับแสน จนนักศึกษาไม่เป็นอันเรียน ทางมหาวิทยาลัยจึงจัดเทศกาลชมดอกไม้เสียเลย โดยคิดค่าเข้าชม 20 RMB
จากโรงแรมฝนตกตลอดไม่หยุด เลยตัดสินใจขาไปนั่งTaxi ดีกว่า แต่ไม่ลืมขอแผนที่จากโรงแรมมาติดตัวไว้ จ่ายค่ารถไป 22 RMB ระหว่างทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ คุณ Taxi มีน้ำใจชี้ชวนชมวิว ข้ามาอีกฝั่งเมือง เห็นมีดอกซากุระสีชมพูบานอยู่ข้างถนนริมน้ำ แต่ดูต้นยังเล็ก คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่ดูออกนะว่าพี่แกใจดี และตอนทอนเงินก็ไม่มีอิดออด ตามมิเตอร์เป๊ะ
เราโชคดีไปทันได้เห็นดอกไม้บานอยู่บ้าง แต่ก็ร่วงไปเยอะแล้ว หากช้าไปอีกวันสองวัน คงร่วงหมดเพราะฝนตกหนัก
ในมหาวิทยาลัยมีอาคารเก่าแก่งดงาม อีกทั้งยังเขียวสดใสเพราะอยู่เชิงเขาและเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ที่น่าตื่นตาคือซากุระต้นใหญ่ที่ดอกดกบานสะพรั่ง
ใจอยากเข้าไปชมห้องสมุด เพราะเป็นคนรักการอ่านเอามากๆ ไปในก็มักหาโอกาสเข้าไปชื่นชมตามชั้นวางหนังสือ ยิ่งห้องสมุดเก่าแก่ในอาคารงดงามยิ่งปลื้มมาก แต่ก็เกรงใจ เพราะมีนักศึกษาเข้าไปอ่านหนังสือกันอยู่มาก แค่เราเข้ามาชมดอกไม้ก็รบกวนเด็กๆมากแล้ว ไม่เข้าไปดีกว่า เสียดายเหมือนกัน แต่เอาตามนี้ดีแล้ว
เดินชมดอกไม้ไปตามถนนที่สายฝนฉ่ำโปรย บรรยากาศดีมาก เพราะไปกับเพื่อนรัก ถือเป็นวันที่ดีเอามากๆ
นักศึกษาเอาของที่ระลึกมาขาย บางคนก็ใส่ชุดเห้งเจียให้ถ่ายรูป นอกจากนั้นก็มีพวกรับจ้างถ่ายรูปและอื่นๆ ดูคึกคักดี
ขากลับเลือกเดินไปหาทางลงรถใต้ดิน โดยออกจากมหาลัยแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปไกลพอประมาณจะถึงสถานีMetro สาย2 ที่จะกลับโรงแรมพอดี
Day 2: Wuhan - Fenghuang
วันรุ่งขึ้นเราเลือกเดินทางไป Fenghuang ด้วยรถไฟความเร็วสูงไป Changsha แบบ 2nd class แล้วไปต่อ 1st class ไป Huaihua เพราะอยากทดลองใช้รถไฟความเร็วสูงของเขา แม้จะแพงแต่จะได้ไปกลับด้วยวิธีที่ต่างกัน ส่วนขากลับจะใช้รถเมล์ตรงยาวจาก Fenghuang มา Changsha
สถานีรถไฟความเร็วสูงที่ Wuhan โอ่อ่ามาก ซื้อตั๋วก็ง่าย ด้วยการยื่นตารางรถที่เตรียมไป จิ้มตรงขบวนที่ต้องการแล้วชูสองนิ้ว
ได้ตั๋วแล้วก็ไปรอเข้าชานชาลา ไม่ยุ่งยากและปลอดภัยสูงเพราะตรวจเข้มกระเป๋าสัมภาระต้องผ่านเครื่องตรวจ
ดูตารางรถไฟทั่วจีนได้ที่นี่ค่ะ
http://seat61.com/China.htm
นั่งชมวิวเพลินๆ แป้ปเดียวก็ถึงChangsha เราตัดสินใจเลือกรถไฟความเร็วสูงอีกรอบ งวดนี้เอา1st class
ที่นั่งดูดี บริการดีมีเครื่องดื่มและของว่างให้นิดหน่อย นั่งเพลินๆก็ถึง Huaihua
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการนั่งรถบัสจากChangsha ดูได้ที่นี่ค่ะ
http://www.chinabusguide.com/changsha-intercity-bus/hunan-fenghuang.html
ที่Huaihuanan สถานีนี้ใหม่มาก ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ห้องน้ำงี้เละเชียว เดินออกมามีคนมาทาบทามทั้งรถเมล์รถTaxi เยอะแยะไปหมด เราเลือกเจรจากับ Taxi หนุ่มหน้าอ่อน คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่เราชูรูปเมืองFenghuang พร้อมภาษาจีนกำกับให้ดู ก็เป็นอันเข้าใจ ชายหนุ่มเขียน 100 แล้วชี้หนึ่งคน 200 ชี้สองคน ก็OK ค่ะ
พ่อหนุ่มพารถมานั่งรอที่รถแล้วพูดรัวๆ “ติ่งอี๋เซี่ย” ประมาณว่า”รอเดี่ยว” ทำมือแบบเพิ่มอีกสอง
อ้อ ก็เป็นแชร์Taxi นี่นะ
เออ แต่ว่าจะให้ป้ารอนานแค่ไหนหว่า
เรากับเพื่อนตัดสินใจว่า ถ้าฮีหาลูกค้าไม่ได้เราจะเสนอให้300 ขาดตัว เอาก็เอา ไม่งั้นป้าจะพากันไปหาทางขึ้นรถเมล์เอง เขาว่า (ใคร?) ใช้เวลาแค่ประมาณ สองชั่วโมงครึ่งโดยรถเมล์ หรืออาจไปตั้งหลักที่ Jishou ที่เขา (อีกล่ะ) ว่าแค่ชั่วโมงเดียว แถมมีหนุ่มมาชวนนั่งรถไป Jishou ตั้งหลายคนแน่ะ
ยืนคุยกัน ชายหนุ่มหน้าอ่อนก็เดินคอตกกลับมา พร้อมกับทำมือเรียกเราขึ้นรถ “เหมยโหย่ว” น่าจะแปลว่าไม่มีลูกค้าอ้ะเจ้
เราชอบเขานะ ที่แม้ไม่ได้ลูกค้ามาเพิ่มแต่ก็ไม่ลีลา ไม่ทำให้เราต้องคอยนานหรือไสหัวเราไปที่อื่น มองหน้ากับเพื่อนเห็นพยักหน้า เราเลยยื่นกระดาษให้ดู
OK !
ชายหนุ่มยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นสดใสเอาเรื่อง ขอบคุณเราทั้งคู่แล้วออกรถ
ก็สบายใจนะ คนขับเมื่ออารมณ์ดีก็ขับรถดี เปิดเพลงเพราะให้ฟัง หน้าตาแจ่มใสชวนคุยแม้จะพูดกันไม่รู้เรื่องก็ตาม จะพาแวะห้องน้ำ แต่เราไม่ต้องการ ก็ตรงไปเมืองเก่าทันที มีน้ำใจพยายามถามทางจนได้ไปส่งส่งจุดที่ลงไม่ไกลจากที่พักของเรานัก
ที่พัก เราเลือกมาจากAgoda ชื่อ Melody Inn ที่นี่เงียบดี เพราะห่างจากแถวผับบาร์
มีจุดสังเกตคือ นั่งTaxi ยาวผ่านจุดเข้าเมืองเก่าจุดหลักๆ มาจนถึงออกนอกเขตชุมชน สังเกตว่า ขวามือมีปั้มน้ำมัน Sinopec เล็กจิ๋ว ลงรถแล้วมองลงมาข้างล่าง จะตรงกับสะพาน(เล็ก) ข้ามแม่น้ำไปฝั่งเมืองเก่า เป็นอันถูกต้อง สุดปลายสะพาน ด้านขวาคือโรงแรมของเรา
ปล ดูหน้าตาภายนอกคล้ายกันไปหมดล่ะค่ะ โรงแรมน่ะ อิอิ
แบกเป้ไปในวันฝนพรำ Wuhan – Fenghuang – Changsha
เหตุเพราะหลายปีที่ผ่านมา หนอนฯ ไม่มีโอกาสได้ไปเยือนจีนเลย ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่ปี 2009นู่นนนนนน
เห็นตั๋วราคาถูก แถมเพื่อนฝูงบินกันคึกคัก เราก็ เอามั่งดิ้
ว่าแล้วสองป้าก็จัดการจอง ได้ตั๋วมาราคาน่าคบ กทม ไปWuhan และขากลับจากChangsha รวมจ่ายไปไม่ถึงห้าพันบาท เลือกที่นั่งให้ถูกใจ สั่งอาหาร แต่ไม่เอากระเป๋า เพราะพวกเราเป้ใบเดียวไปได้โลดดดดดด
เส้นทางทางนี้สมัยก่อนไม่มีบินตรงต้นทุนเดินทางจึงแพงกว่าปัจจุบันมาก
แต่เพราะเวลาไม่เอื้อ จึงหนีงานไปได้แค่ห้าวันสี่คืน ตัดสินใจตัดหุบเขาอวตารออก ตั้งใจเอาไว้ชวนหลานไปเที่ยวทีหลัง
รอบนี้ขอพักผ่อนสบายๆ ด้วยการไปดูดอกไม้บานที่Wuhan แล้วไปเดินเล่นเพ่นพ่านที่Fenghuang นอนสักสองคืน เอาให้เบื่อเพราะคงไม่ไปซ้ำ
Day1 : กทม – Wuhan
บินไปลงWuhan เข้าที่Terminal ไฟลท์ต่างประเทศ ผ่าน ตม. หนุ่มสาวหน้าตาอ่อนใส ยิ้มแย้มเป็นมิตร
ฝนตกหนัก เลือกเดินดึงฮู้ดคลุมผม ลุยฝนไปยื่นที่อยู่โรงแรมที่จองมาให้Taxi ดู
ชายหนุ่มหน้าตาแจ่มใสยิ้มรับปากกาก่อนจะเขียนตัวเลข 120+15 เอาเป็นว่าสองเราพอใจ ไม่ได้ต่อรองอะไร ขึ้นรถไปทันที
ส่งลงหน้าโรงแรมรับเงินและทอนถูกต้องไม่มีอิดออด
Dorsett Wuhan เป็นโรงแรมที่เราจองจากAgoda หน้าตาดูดี ห้องพักถูกใจ และยังสะดวกสบายหากคิดจะใช้รถใต้ดิน (Metro) เพราะอยู่ระหว่างสถานี Xunlimen ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่าง Line 1&2 และสถานี Jianghan Road (Line 2 Exit D) นอกจากนี้ ยังอยู่ย่านถนนสายนักช้อปพอดี
ที่เลือกบินลงWuhan ก็เพราะกิตติศัพท์ความงามของถนนสายดอกซากุระในมหาวิทยาลัยWuhan ที่จะเบ่งบานในราวปลายเดือนมีนาคม ข่าวว่าคนเข้าไปชมดอกไม้นับแสน จนนักศึกษาไม่เป็นอันเรียน ทางมหาวิทยาลัยจึงจัดเทศกาลชมดอกไม้เสียเลย โดยคิดค่าเข้าชม 20 RMB
จากโรงแรมฝนตกตลอดไม่หยุด เลยตัดสินใจขาไปนั่งTaxi ดีกว่า แต่ไม่ลืมขอแผนที่จากโรงแรมมาติดตัวไว้ จ่ายค่ารถไป 22 RMB ระหว่างทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ คุณ Taxi มีน้ำใจชี้ชวนชมวิว ข้ามาอีกฝั่งเมือง เห็นมีดอกซากุระสีชมพูบานอยู่ข้างถนนริมน้ำ แต่ดูต้นยังเล็ก คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่ดูออกนะว่าพี่แกใจดี และตอนทอนเงินก็ไม่มีอิดออด ตามมิเตอร์เป๊ะ
เราโชคดีไปทันได้เห็นดอกไม้บานอยู่บ้าง แต่ก็ร่วงไปเยอะแล้ว หากช้าไปอีกวันสองวัน คงร่วงหมดเพราะฝนตกหนัก
ในมหาวิทยาลัยมีอาคารเก่าแก่งดงาม อีกทั้งยังเขียวสดใสเพราะอยู่เชิงเขาและเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ที่น่าตื่นตาคือซากุระต้นใหญ่ที่ดอกดกบานสะพรั่ง
ใจอยากเข้าไปชมห้องสมุด เพราะเป็นคนรักการอ่านเอามากๆ ไปในก็มักหาโอกาสเข้าไปชื่นชมตามชั้นวางหนังสือ ยิ่งห้องสมุดเก่าแก่ในอาคารงดงามยิ่งปลื้มมาก แต่ก็เกรงใจ เพราะมีนักศึกษาเข้าไปอ่านหนังสือกันอยู่มาก แค่เราเข้ามาชมดอกไม้ก็รบกวนเด็กๆมากแล้ว ไม่เข้าไปดีกว่า เสียดายเหมือนกัน แต่เอาตามนี้ดีแล้ว
เดินชมดอกไม้ไปตามถนนที่สายฝนฉ่ำโปรย บรรยากาศดีมาก เพราะไปกับเพื่อนรัก ถือเป็นวันที่ดีเอามากๆ
นักศึกษาเอาของที่ระลึกมาขาย บางคนก็ใส่ชุดเห้งเจียให้ถ่ายรูป นอกจากนั้นก็มีพวกรับจ้างถ่ายรูปและอื่นๆ ดูคึกคักดี
ขากลับเลือกเดินไปหาทางลงรถใต้ดิน โดยออกจากมหาลัยแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปไกลพอประมาณจะถึงสถานีMetro สาย2 ที่จะกลับโรงแรมพอดี
Day 2: Wuhan - Fenghuang
วันรุ่งขึ้นเราเลือกเดินทางไป Fenghuang ด้วยรถไฟความเร็วสูงไป Changsha แบบ 2nd class แล้วไปต่อ 1st class ไป Huaihua เพราะอยากทดลองใช้รถไฟความเร็วสูงของเขา แม้จะแพงแต่จะได้ไปกลับด้วยวิธีที่ต่างกัน ส่วนขากลับจะใช้รถเมล์ตรงยาวจาก Fenghuang มา Changsha
สถานีรถไฟความเร็วสูงที่ Wuhan โอ่อ่ามาก ซื้อตั๋วก็ง่าย ด้วยการยื่นตารางรถที่เตรียมไป จิ้มตรงขบวนที่ต้องการแล้วชูสองนิ้ว
ได้ตั๋วแล้วก็ไปรอเข้าชานชาลา ไม่ยุ่งยากและปลอดภัยสูงเพราะตรวจเข้มกระเป๋าสัมภาระต้องผ่านเครื่องตรวจ
ดูตารางรถไฟทั่วจีนได้ที่นี่ค่ะ
http://seat61.com/China.htm
นั่งชมวิวเพลินๆ แป้ปเดียวก็ถึงChangsha เราตัดสินใจเลือกรถไฟความเร็วสูงอีกรอบ งวดนี้เอา1st class
ที่นั่งดูดี บริการดีมีเครื่องดื่มและของว่างให้นิดหน่อย นั่งเพลินๆก็ถึง Huaihua
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการนั่งรถบัสจากChangsha ดูได้ที่นี่ค่ะ
http://www.chinabusguide.com/changsha-intercity-bus/hunan-fenghuang.html
ที่Huaihuanan สถานีนี้ใหม่มาก ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ห้องน้ำงี้เละเชียว เดินออกมามีคนมาทาบทามทั้งรถเมล์รถTaxi เยอะแยะไปหมด เราเลือกเจรจากับ Taxi หนุ่มหน้าอ่อน คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่เราชูรูปเมืองFenghuang พร้อมภาษาจีนกำกับให้ดู ก็เป็นอันเข้าใจ ชายหนุ่มเขียน 100 แล้วชี้หนึ่งคน 200 ชี้สองคน ก็OK ค่ะ
พ่อหนุ่มพารถมานั่งรอที่รถแล้วพูดรัวๆ “ติ่งอี๋เซี่ย” ประมาณว่า”รอเดี่ยว” ทำมือแบบเพิ่มอีกสอง
อ้อ ก็เป็นแชร์Taxi นี่นะ
เออ แต่ว่าจะให้ป้ารอนานแค่ไหนหว่า
เรากับเพื่อนตัดสินใจว่า ถ้าฮีหาลูกค้าไม่ได้เราจะเสนอให้300 ขาดตัว เอาก็เอา ไม่งั้นป้าจะพากันไปหาทางขึ้นรถเมล์เอง เขาว่า (ใคร?) ใช้เวลาแค่ประมาณ สองชั่วโมงครึ่งโดยรถเมล์ หรืออาจไปตั้งหลักที่ Jishou ที่เขา (อีกล่ะ) ว่าแค่ชั่วโมงเดียว แถมมีหนุ่มมาชวนนั่งรถไป Jishou ตั้งหลายคนแน่ะ
ยืนคุยกัน ชายหนุ่มหน้าอ่อนก็เดินคอตกกลับมา พร้อมกับทำมือเรียกเราขึ้นรถ “เหมยโหย่ว” น่าจะแปลว่าไม่มีลูกค้าอ้ะเจ้
เราชอบเขานะ ที่แม้ไม่ได้ลูกค้ามาเพิ่มแต่ก็ไม่ลีลา ไม่ทำให้เราต้องคอยนานหรือไสหัวเราไปที่อื่น มองหน้ากับเพื่อนเห็นพยักหน้า เราเลยยื่นกระดาษให้ดู
OK !
ชายหนุ่มยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นสดใสเอาเรื่อง ขอบคุณเราทั้งคู่แล้วออกรถ
ก็สบายใจนะ คนขับเมื่ออารมณ์ดีก็ขับรถดี เปิดเพลงเพราะให้ฟัง หน้าตาแจ่มใสชวนคุยแม้จะพูดกันไม่รู้เรื่องก็ตาม จะพาแวะห้องน้ำ แต่เราไม่ต้องการ ก็ตรงไปเมืองเก่าทันที มีน้ำใจพยายามถามทางจนได้ไปส่งส่งจุดที่ลงไม่ไกลจากที่พักของเรานัก
ที่พัก เราเลือกมาจากAgoda ชื่อ Melody Inn ที่นี่เงียบดี เพราะห่างจากแถวผับบาร์
มีจุดสังเกตคือ นั่งTaxi ยาวผ่านจุดเข้าเมืองเก่าจุดหลักๆ มาจนถึงออกนอกเขตชุมชน สังเกตว่า ขวามือมีปั้มน้ำมัน Sinopec เล็กจิ๋ว ลงรถแล้วมองลงมาข้างล่าง จะตรงกับสะพาน(เล็ก) ข้ามแม่น้ำไปฝั่งเมืองเก่า เป็นอันถูกต้อง สุดปลายสะพาน ด้านขวาคือโรงแรมของเรา
ปล ดูหน้าตาภายนอกคล้ายกันไปหมดล่ะค่ะ โรงแรมน่ะ อิอิ