สวัสดีชาว BP หลังจากแอบซุ่มดูดข้อมูลมานาน วันนี้อยากคืนความสุขให้กับคนอื่นบ้าง เลยจะพาทุกคนไปเที่ยวภูกระดึง!!! นี่เป็นรีวิวแรกเลยนะเทอ ตื่นเต้นอ่ะ ต้องขอโทษด้วยหากผิดพลาดประการใด ยอมรับทุกคำติชมนะ แต่อย่าติแรง เดี๋ยวสติหลุดไม่กล้ารีวิวต่อ ^^
ชักช้าอยู่ใย มาเริ่มกันเลยดีกว่า
.......เราเดินทางจากกรุงเทพ วันที่ 8 พย.57 นอนภู 2 คืนจร้า
ไปภูกระดึงช่วงไหนดี??
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี กินเวลานาน 8 เดือน หลังจากนั้นจะปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เช่น เกิดการพังทะลายของภูเขาและมีน้ำป่า นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นตั้งแต่เวลา 7.30 – 14.00 น. ถ้ามาหลังเวลาบ่าย 2 ต้องรอขึ้นภูกระดึงวันรุ่งขึ้นค่ะ ในแต่ละเดือนก็มีเสน่ห์ต่างกัน ดังนี้
เดือนตุลาคม มนต์เสน่ห์ในม่านหมอก ฝนยังคงไม่ลาจากไป เสน่ห์ในสองอาทิตย์แรกของการเปิดภูกระดึงก็คือ สภาพบริสุทธิ์ของภูกระดึงที่ปลอดจาการรบกวนมานานหลายเดือนเต็ม ต้นไม้ ดอกไม้ข้างทางยังไม่ถูกเหยียบย่ำ มีพืชพวกขาวตอกฤาษี เห็ด เฟิน มอส ไลเคน รอยช้างป่าปรากฏไปทั่วบริเวณแม้แต่บริเวณริมผาก็ตาม อีทั้งน้องทากที่ชุกชุมไปทั่วทั้งผืนป่า
เดือนพฤศจิกายน ปลายฝนต้นหนาว เดือนแห่งทะเลหมอก ขาว...ราวในฝัน ใบเมเปิ้ลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง มีร่วงหล่นให้เห็นบ้างบริเวณน้ำตกแต่มีไม่มากนะ ตัวทากยังมีให้เห็นอยู่ตามน้ำตก หรือพื้นที่ชื้น ปลายเดือนทากจะเริ่มน้อยลงมาก เราไปช่วงนี้แหละ.....รู้สึกว่าครบรสดี ทั้งฝน (แล้วแต่ดวงว่าจะเจอมั้ย...ส่วนเราไม่เจอเลย) อากาศหนาว หมอกยามเช้า พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง กลางวันไม่ร้อนมาก ตัวทากพอเจอแต่ก็ไม่มากจนน่ากลัว น้ำตกสวยๆ กับใบเมเปิ้ลแดงอันน้อยนิดที่พอเห็นได้บ้าง)
เดือนธันวาคม อุณหภูมิที่ลดต่ำกับใบเมเปิ้ลสีแดง ยามเช้ากับแม่คะนิ้ง....ที่ยอดหญ้า และใบไม้กลายเป็นน้ำแข็ง ส่องแสงแวววาวยาม ต้องแสงอาทิตย์ ตัวทากแทบไม่มีให้เห็นใครไม่เจอเจอทาก แนะนำเดือนนี้เลยจร้า
เดือนมกราคม อากาศหนาวจับใจ ป่าเปลี่ยนสีกับฟ้าสีคราม ความงามของใบไม้เปลี่ยนสี เหลือง แดง ทั่วทั้งป่า ก่อนจะร่วงหล่นจนหมดต้น อากาษจะแห้งๆหน่อยนะ แล้วแต่คนชอบเนอะ
เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิสูงขึ้น เที่ยงๆ อาจจะเจออากาศประมาณ 25-30 องศา กุหลาบพันปีสีแดงในเดือนแห่งความรัก มาพร้อมกับการจากไปของสายน้ำตกบางสาย แต่ที่บริเวณน้ำตกสอเหนือ และน้ำตกสอใต้ ความงามของสายธารและกุหลาบพันปีสีแดง รออยู่
เดือนมีนาคม กุหลาบแดงจากไปกุหลาบป่าสีขาวเข้ามาแทนที่พร้อมกับปุยเมฆขาว
เดือนเมษายน หลังวันสงกรานต์สองสามวันชาวบ้านจะขึ้นมาสรงน้ำพระบนยอดภูที่ลานพระพุทธเมตตา เรียกว่า บุญวันเนาว์
เดือนพฤษภาคม เดือนสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลท่องเที่ยวภูกระดึง ดอกเอื้องและกล้วยไม้ป่าพากันอวดโฉมให้สัมผัสก่อนที่จะซ่อนตัวจากผู้คน
**ช่วงเดือนมีนาคม จนถึง ปลายเดือนพฤษภาคม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เปิดป่าปิด(ป่าดงดิบ) ใครที่ต้องการเข้าป่าปิดต้องติดต่อเจ้าหน้าที่บนยอดภูก่อนล่วงหน้า เพื่อเจ้าหน้าที่จะจัดบุคลากรคอยนำทาง และดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ต้องเตรียมอะไรบ้าง??
1.ใจ และร่างกาย……หลายคนบอกว่า ภูกระดึงคือปฐมบทของการเดินป่า แต่เราว่า มันก็หนักหนาเอาการอยู่นะ สำหรับปฐมบทของเราเนี่ย T_T
2. ที่พัก เครื่องนอน รายละเอียดเขียนไว้ด้านล่างนะ
3. เสื้อกันหนาว สำหรับกลางคืนจะหนาวพอสมควร ตอนเราไปอุณหภูมิประมาน 15 องศา กลางวันแดดเปรี๊ยงปร๊าง โดยเฉพาะน้ำที่อาบเย็นเว่อร์ จนมิยากจะอาบเลยล่ะ
4. เครื่องอาบน้ำ สบู่นี่แนะนำนกแก้วเลย หลายคนบอกล้างออกง่ายสุด ถ้าใช้ครีมอาบน้ำนะ หนาวตายก่อน กว่าจะล้างออกหมด (น้ำบนภูเป็นน้ำกระด้างนะเทอ)
5. ยาคลายกล้ามเนื้อ ทั้งแบบกิน พ่นและทา (ยาแบบกิน มีขายที่ร้านค้าบนภูด้วย 50 บาท แพงจุง) ช่วยได้เยอะมากกกกกกก!!
6. ยากันยุง ตะไคร้หอม ไว้พ่นกันยุง และกันน้องทาก ใครไปหน้าฝน ก็เจอหน้าน้องทากจนชินเลยล่ะ พ่นยากันห้อมฟุ้งไปทั้งภู (เวอร์ไปๆๆ)
7. ถุงเท้ากันทาก ไว้ใส่เก๋ๆ....ไม่ใช่!! .ใส่กันน้องทากจร้า มีขายระหว่างทางขึ้นภู ซึ่งราคาก็อัพเว้ลเรื่อยๆ ตั้งแต่ 100-150 แถมไม่ทนด้วย ขาดง่ายมาก ทางที่ดีเตรียมมาเองดีกว่า ใครไปหน้าหนาวก็ไม่ต้องแคร์ ณ.จุดนี้ เพราะทากมันไม่ออกมาตอนอากาศหนาวๆๆ
8. รองเท้าแตะไว้ใส่ไปอาบน้ำ (ถ้าเพื่อนเอาไป ก็ยืมเพื่อนเอานะ
)
9. ถุงมือตอนปีนก่ายหิน มันเจ็บมืออ่า แล้วแต่คนนะ ส่วนเราไม่ได้ใช้
10. ไฟฉาย เพราะตอนกลางคืนมืดมากกกกก เอาไว้ส่องน้องทากตอนกลางคืนด้วย
11. ปูนขาว สำหรับโรยรอบเต้นท์ กันน้องทาก แอบเข้ามานอนด้วย (มีขายที่ร้านค้าบนภู ถุงละ 20 บาท)
12. ไม้ trekking ง่ายๆเลย ไม้ที่คนอื่นวางไว้ตามข้างๆ ทางหนะ เอามาด้วย มันช่วยได้มาก เวลาเราเดินไม่ไหว กะขนาดให้พอดีล่ะ ใหญ่ไปก็จะเป็นภาระในการถือ พอถึงบนยอดก็เก็บไว้ให้ดี ตอนลงนี่จำเป็นสุดๆๆๆ
13. ของใช้ส่วนตัว ตามใจปรารณนา กกน. เสื้อผ้า กางเกง หมวก ถุงเท้า และรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดินป่า จะได้ไม่กลายเป็นขยะบนภู เห็นมีเยอะเลย มาเที่ยวแล้วไม่ยอมเอารองเท้ากลับไปด้วยเนี่ย ไม่ดีนะจ๊ะ
14. เชือกฝาง เอาไว้ผูกตากผ้าเปียก จะได้ไม่เหม็นอับ ผูกกับเต้นท์นั่นแหละ ไหวอยู่ๆ ลองมาล่ะ
15. ถุงพลาสติก ถุงดำ ไว้ใส่เสื้อผ้าสกปรก เปียกชื้น และใส่ขยะไปทิ้ง (ช่วยกันรักษาความสะอาดหน่อยเนอะ ธรรมชาติสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานๆ)
.........คิดไม่ออกล่ะ ใครคิดออกก็ช่วยบอกๆ แล้วกัน
555++..........
[CR] พิสูจน์ใจ พิชิต "ภูกระดึง".....ปฐมบท แห่งการเดินป่า ปลายฝนต้นหนาว
ชักช้าอยู่ใย มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ไปภูกระดึงช่วงไหนดี??
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี กินเวลานาน 8 เดือน หลังจากนั้นจะปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เช่น เกิดการพังทะลายของภูเขาและมีน้ำป่า นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นตั้งแต่เวลา 7.30 – 14.00 น. ถ้ามาหลังเวลาบ่าย 2 ต้องรอขึ้นภูกระดึงวันรุ่งขึ้นค่ะ ในแต่ละเดือนก็มีเสน่ห์ต่างกัน ดังนี้
เดือนตุลาคม มนต์เสน่ห์ในม่านหมอก ฝนยังคงไม่ลาจากไป เสน่ห์ในสองอาทิตย์แรกของการเปิดภูกระดึงก็คือ สภาพบริสุทธิ์ของภูกระดึงที่ปลอดจาการรบกวนมานานหลายเดือนเต็ม ต้นไม้ ดอกไม้ข้างทางยังไม่ถูกเหยียบย่ำ มีพืชพวกขาวตอกฤาษี เห็ด เฟิน มอส ไลเคน รอยช้างป่าปรากฏไปทั่วบริเวณแม้แต่บริเวณริมผาก็ตาม อีทั้งน้องทากที่ชุกชุมไปทั่วทั้งผืนป่า
เดือนพฤศจิกายน ปลายฝนต้นหนาว เดือนแห่งทะเลหมอก ขาว...ราวในฝัน ใบเมเปิ้ลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง มีร่วงหล่นให้เห็นบ้างบริเวณน้ำตกแต่มีไม่มากนะ ตัวทากยังมีให้เห็นอยู่ตามน้ำตก หรือพื้นที่ชื้น ปลายเดือนทากจะเริ่มน้อยลงมาก เราไปช่วงนี้แหละ.....รู้สึกว่าครบรสดี ทั้งฝน (แล้วแต่ดวงว่าจะเจอมั้ย...ส่วนเราไม่เจอเลย) อากาศหนาว หมอกยามเช้า พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง กลางวันไม่ร้อนมาก ตัวทากพอเจอแต่ก็ไม่มากจนน่ากลัว น้ำตกสวยๆ กับใบเมเปิ้ลแดงอันน้อยนิดที่พอเห็นได้บ้าง)
เดือนธันวาคม อุณหภูมิที่ลดต่ำกับใบเมเปิ้ลสีแดง ยามเช้ากับแม่คะนิ้ง....ที่ยอดหญ้า และใบไม้กลายเป็นน้ำแข็ง ส่องแสงแวววาวยาม ต้องแสงอาทิตย์ ตัวทากแทบไม่มีให้เห็นใครไม่เจอเจอทาก แนะนำเดือนนี้เลยจร้า
เดือนมกราคม อากาศหนาวจับใจ ป่าเปลี่ยนสีกับฟ้าสีคราม ความงามของใบไม้เปลี่ยนสี เหลือง แดง ทั่วทั้งป่า ก่อนจะร่วงหล่นจนหมดต้น อากาษจะแห้งๆหน่อยนะ แล้วแต่คนชอบเนอะ
เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิสูงขึ้น เที่ยงๆ อาจจะเจออากาศประมาณ 25-30 องศา กุหลาบพันปีสีแดงในเดือนแห่งความรัก มาพร้อมกับการจากไปของสายน้ำตกบางสาย แต่ที่บริเวณน้ำตกสอเหนือ และน้ำตกสอใต้ ความงามของสายธารและกุหลาบพันปีสีแดง รออยู่
เดือนมีนาคม กุหลาบแดงจากไปกุหลาบป่าสีขาวเข้ามาแทนที่พร้อมกับปุยเมฆขาว
เดือนเมษายน หลังวันสงกรานต์สองสามวันชาวบ้านจะขึ้นมาสรงน้ำพระบนยอดภูที่ลานพระพุทธเมตตา เรียกว่า บุญวันเนาว์
เดือนพฤษภาคม เดือนสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลท่องเที่ยวภูกระดึง ดอกเอื้องและกล้วยไม้ป่าพากันอวดโฉมให้สัมผัสก่อนที่จะซ่อนตัวจากผู้คน
**ช่วงเดือนมีนาคม จนถึง ปลายเดือนพฤษภาคม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เปิดป่าปิด(ป่าดงดิบ) ใครที่ต้องการเข้าป่าปิดต้องติดต่อเจ้าหน้าที่บนยอดภูก่อนล่วงหน้า เพื่อเจ้าหน้าที่จะจัดบุคลากรคอยนำทาง และดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ต้องเตรียมอะไรบ้าง??
1.ใจ และร่างกาย……หลายคนบอกว่า ภูกระดึงคือปฐมบทของการเดินป่า แต่เราว่า มันก็หนักหนาเอาการอยู่นะ สำหรับปฐมบทของเราเนี่ย T_T
2. ที่พัก เครื่องนอน รายละเอียดเขียนไว้ด้านล่างนะ
3. เสื้อกันหนาว สำหรับกลางคืนจะหนาวพอสมควร ตอนเราไปอุณหภูมิประมาน 15 องศา กลางวันแดดเปรี๊ยงปร๊าง โดยเฉพาะน้ำที่อาบเย็นเว่อร์ จนมิยากจะอาบเลยล่ะ
4. เครื่องอาบน้ำ สบู่นี่แนะนำนกแก้วเลย หลายคนบอกล้างออกง่ายสุด ถ้าใช้ครีมอาบน้ำนะ หนาวตายก่อน กว่าจะล้างออกหมด (น้ำบนภูเป็นน้ำกระด้างนะเทอ)
5. ยาคลายกล้ามเนื้อ ทั้งแบบกิน พ่นและทา (ยาแบบกิน มีขายที่ร้านค้าบนภูด้วย 50 บาท แพงจุง) ช่วยได้เยอะมากกกกกกก!!
6. ยากันยุง ตะไคร้หอม ไว้พ่นกันยุง และกันน้องทาก ใครไปหน้าฝน ก็เจอหน้าน้องทากจนชินเลยล่ะ พ่นยากันห้อมฟุ้งไปทั้งภู (เวอร์ไปๆๆ)
7. ถุงเท้ากันทาก ไว้ใส่เก๋ๆ....ไม่ใช่!! .ใส่กันน้องทากจร้า มีขายระหว่างทางขึ้นภู ซึ่งราคาก็อัพเว้ลเรื่อยๆ ตั้งแต่ 100-150 แถมไม่ทนด้วย ขาดง่ายมาก ทางที่ดีเตรียมมาเองดีกว่า ใครไปหน้าหนาวก็ไม่ต้องแคร์ ณ.จุดนี้ เพราะทากมันไม่ออกมาตอนอากาศหนาวๆๆ
8. รองเท้าแตะไว้ใส่ไปอาบน้ำ (ถ้าเพื่อนเอาไป ก็ยืมเพื่อนเอานะ
9. ถุงมือตอนปีนก่ายหิน มันเจ็บมืออ่า แล้วแต่คนนะ ส่วนเราไม่ได้ใช้
10. ไฟฉาย เพราะตอนกลางคืนมืดมากกกกก เอาไว้ส่องน้องทากตอนกลางคืนด้วย
11. ปูนขาว สำหรับโรยรอบเต้นท์ กันน้องทาก แอบเข้ามานอนด้วย (มีขายที่ร้านค้าบนภู ถุงละ 20 บาท)
12. ไม้ trekking ง่ายๆเลย ไม้ที่คนอื่นวางไว้ตามข้างๆ ทางหนะ เอามาด้วย มันช่วยได้มาก เวลาเราเดินไม่ไหว กะขนาดให้พอดีล่ะ ใหญ่ไปก็จะเป็นภาระในการถือ พอถึงบนยอดก็เก็บไว้ให้ดี ตอนลงนี่จำเป็นสุดๆๆๆ
13. ของใช้ส่วนตัว ตามใจปรารณนา กกน. เสื้อผ้า กางเกง หมวก ถุงเท้า และรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดินป่า จะได้ไม่กลายเป็นขยะบนภู เห็นมีเยอะเลย มาเที่ยวแล้วไม่ยอมเอารองเท้ากลับไปด้วยเนี่ย ไม่ดีนะจ๊ะ
14. เชือกฝาง เอาไว้ผูกตากผ้าเปียก จะได้ไม่เหม็นอับ ผูกกับเต้นท์นั่นแหละ ไหวอยู่ๆ ลองมาล่ะ
15. ถุงพลาสติก ถุงดำ ไว้ใส่เสื้อผ้าสกปรก เปียกชื้น และใส่ขยะไปทิ้ง (ช่วยกันรักษาความสะอาดหน่อยเนอะ ธรรมชาติสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานๆ)
.........คิดไม่ออกล่ะ ใครคิดออกก็ช่วยบอกๆ แล้วกัน