สายงานVFXที่ใช้computerเป็นเครื่องมือช่วยทำงานเป็นสายงานที่เกิดมาใหม่ไม่ถึง40ปีเลยครับ ระบบการทำงานเลยยังไม่เป็นรูปแบบนัก ตอนแรกๆก็มีแค่ตัวArtistกับงานแต่มันยุ่งวุนวายเรื่องระยะเวลาของการทำงาน งานไม่เป็นระบบเลยต้องจ้างProductionเข้ามาเป็นคนช่วยดูแลเรื่องระยะเวลาของงานและทำให้งานเป็นระบบมากขึ้น เมือได้รับงานมาจากผู้ว่าจ้างฝ่ายProductionจะเป็นคุมและกระจายงานมาให้Artistแต่ไม่ใช้เป็นการสั่งงานแต่เป็นการมาถามArtistเองมากกว่าว่างานแบบนี้ใช้เวลาขนาดนี้ได้ไม่ถ้าไม่ได้ก็จะมีการต่อรองเรื่องเวลาในการผลิดผลงานกัน ในการระยะเวลาการผลิดก็จะส่งงานให้ผู้ว่าจ้างเช็คงานอยู่เรื่อยๆ และผู้ว่าจ้างอาจจะสามารถแก้งานได้กี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กันที่ข้อตกลง พองานเสร็จทุกคนHappyรอหนังฉาย ถ้ามันเป็นตามที่ผมเขี้ยนแล้วงานVFXนี้เป็นงานที่ดูสบายๆแค้มานั้งกดปุ่มแก้งานกลับบ้านได้เงิน กลับบ้านสบาย แต่มันไม่ได้สบายเหมือนหลายคนคิดไว้ เพราะอะไรผมจะเล้าให้ฟัง
ลูกค้าแต่ละคนมีคอนเซปงานรูปแบบงานที่อลังการในเรื่องที่แตกต่างกัน งานบางงานมันยากจนถึงขั้นต้องหาR&Dหรื่อคนเขียนSoftwareใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับงานโดยเฉพาะกันเลยที่เดียว ค่าจ้างของคนทำR&Dบางคนนี้แพงมากเพราะคนพวกนี้เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้computerเข้ามาช่วยในการทำงาน ที่ค่าตัวแพงเพราะเป็นสิ่งที่เค้าทำได้มันมีน้อยคนที่จะทำได้ บริษัททำVFXจึงต้องทุ่มเงินส่วงหนึงในการทำR&D ถัดมาก็จะเป็นArtistที่ทำงานก็จะเป็นคนใช้Softwareมาเป็นตัวสร้างผลงานซึงตรงนี้ค่าSoftwareมันก็เป็นค่าใช้จายในการสร้างผลงานส่วนหนึ่งด้วยไหนจะเครื่องมือที่ทำงานของArtistแต่ละคนComputerที่ใช้ก็จะเป็นComputerที่มีค่าการคำนวนที่สูงและเหมาะในการทำงานซึ่งบางที่อาจจะมีราคามากกว่าcomputerที่ใช้ทั่วไปในบ้านถึง2-3เท่าเลยที่เดียวและต้องใช้เป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในการช่วยการคำนวน เพื่อที่จะให้ผลงานทุกชิ้นหรื่อภาพทุกภาพที่สร้างออกไปจากบริษัทเป็นงานที่สร้างใหม่และไม่มีการนำภาพมาจากที่อื่นมาใช้เพราะกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากกับงานถ้ามีเรื่องฟ้องร้องกันขึ้นมาดีไม่ดีบริษัทอาจจะต้องปิดแล้วแถมยังเป็นหนี้ให้กับลิขสิทธิ์อีก
ลูกค้าแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกว่างานที่ออกมาจะเป็นยังไง บางที่ตัวArtistนั้งทำงานจนมึดค่ำญาติพี่น้องก็ไม่ได้เจอดีไม่ดีลื่มไปว่าตัวเองมีแฟนที่ต้องโทรหากว่าจะได้งานเพื่อไปส่งให้ลูกค้าดูตามกำหนดเวลา พอส่งไปลูกค้าบ้างคนก็อาจจะให้แก้นิดหน่อยแต่บ้างคนอาจจะให้รื้อทำใหม่เลยก็มี จนถึงกับนอนกันท่บริษัทก็มี Artistจะทิ้งงานกลับบ้านตามเวลาก็ได้แต่พวกเค้ามีจิตวิญญานในงานของเค้าเพื่อที่จะอยู่ทำให้มันเสร็จสิ้นหรื่อสร้างงานให้มันสมบูรณ์นั้นเอง เงินเดือนArtistเองก็ไม่ได้มากมายที่เห็นค่าตัวเลขว่าโปรเจคหนึ่งๆได้กันเป็นแสนเป็นล้านแต่ลองมาคิดคำนวนดูว่างานๆหนึงใช้จำนวนArtistไม่น้อยในการสร้างผลงานเพื่อแบ่งเบาภาระของกันและกัน งานๆหนึงมีกำไรแค่5-10%เองมั้งหรื่อดีไม่ดีก็ขาดทุนถ้าทำส่งงานไม่ตรงเวลา(ขายข้าวแกงดีไม่ดีกำไรเยอะกว่าอีกนะครับ) คนส่วนใหญ่มองว่าการสร้างภาพแค่นี้มันจะแพงอะไรแค่นั้งอยู่ในห้องแอร์กดๆปุ่มเดียวมันก็ได้แล้ว ถ้าเป็นยังงั้นจริงๆก็ฝึกลิงขึ้นมาให้นั้งกดปุ่มก็ได้ คนทำงานเกียวกับด้านนี้ต้องเก่งทั้งArtเก่งทั้งเขียนโปรแกรมเพื่อมาแก้ปัญหางานต่างๆที่จะเข้ามา
VFX Artistทุกคนรักในงานของเค้าและพร้อมจะออกมาดูแลสิทธ์ของสายงานที่ทำอยู่ถ้ามันเห็นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและพวกเค้าพร้อมจะอธิบายให้เห็นว่ามันเป็นอะไรและเกิดอะไรขึ้น ทั้งนั้นทั้งนี้สิ่งที่ผมอยากบอกคื่อคนเราทุกคนไม่เฉพาะVFX Artistรักในงานที่เราทำกันทั้งนั้นและเคารพในงานของคนอื่นแต่ถ้ามันเกิดเรื่องแย่ๆและทำให้ถาพลักษณ์ของงานเสียหายคนเหล่านั้นก็พร้อมจะเข้ามาแก้ไข้ให้เป็นสิงที่ถูก
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ
มานั้งพักฟังจิบกาแฟผมเล่าเรื่องคนทำVFXกันสักนิดไหมครับ
ลูกค้าแต่ละคนมีคอนเซปงานรูปแบบงานที่อลังการในเรื่องที่แตกต่างกัน งานบางงานมันยากจนถึงขั้นต้องหาR&Dหรื่อคนเขียนSoftwareใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับงานโดยเฉพาะกันเลยที่เดียว ค่าจ้างของคนทำR&Dบางคนนี้แพงมากเพราะคนพวกนี้เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้computerเข้ามาช่วยในการทำงาน ที่ค่าตัวแพงเพราะเป็นสิ่งที่เค้าทำได้มันมีน้อยคนที่จะทำได้ บริษัททำVFXจึงต้องทุ่มเงินส่วงหนึงในการทำR&D ถัดมาก็จะเป็นArtistที่ทำงานก็จะเป็นคนใช้Softwareมาเป็นตัวสร้างผลงานซึงตรงนี้ค่าSoftwareมันก็เป็นค่าใช้จายในการสร้างผลงานส่วนหนึ่งด้วยไหนจะเครื่องมือที่ทำงานของArtistแต่ละคนComputerที่ใช้ก็จะเป็นComputerที่มีค่าการคำนวนที่สูงและเหมาะในการทำงานซึ่งบางที่อาจจะมีราคามากกว่าcomputerที่ใช้ทั่วไปในบ้านถึง2-3เท่าเลยที่เดียวและต้องใช้เป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในการช่วยการคำนวน เพื่อที่จะให้ผลงานทุกชิ้นหรื่อภาพทุกภาพที่สร้างออกไปจากบริษัทเป็นงานที่สร้างใหม่และไม่มีการนำภาพมาจากที่อื่นมาใช้เพราะกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากกับงานถ้ามีเรื่องฟ้องร้องกันขึ้นมาดีไม่ดีบริษัทอาจจะต้องปิดแล้วแถมยังเป็นหนี้ให้กับลิขสิทธิ์อีก
ลูกค้าแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกว่างานที่ออกมาจะเป็นยังไง บางที่ตัวArtistนั้งทำงานจนมึดค่ำญาติพี่น้องก็ไม่ได้เจอดีไม่ดีลื่มไปว่าตัวเองมีแฟนที่ต้องโทรหากว่าจะได้งานเพื่อไปส่งให้ลูกค้าดูตามกำหนดเวลา พอส่งไปลูกค้าบ้างคนก็อาจจะให้แก้นิดหน่อยแต่บ้างคนอาจจะให้รื้อทำใหม่เลยก็มี จนถึงกับนอนกันท่บริษัทก็มี Artistจะทิ้งงานกลับบ้านตามเวลาก็ได้แต่พวกเค้ามีจิตวิญญานในงานของเค้าเพื่อที่จะอยู่ทำให้มันเสร็จสิ้นหรื่อสร้างงานให้มันสมบูรณ์นั้นเอง เงินเดือนArtistเองก็ไม่ได้มากมายที่เห็นค่าตัวเลขว่าโปรเจคหนึ่งๆได้กันเป็นแสนเป็นล้านแต่ลองมาคิดคำนวนดูว่างานๆหนึงใช้จำนวนArtistไม่น้อยในการสร้างผลงานเพื่อแบ่งเบาภาระของกันและกัน งานๆหนึงมีกำไรแค่5-10%เองมั้งหรื่อดีไม่ดีก็ขาดทุนถ้าทำส่งงานไม่ตรงเวลา(ขายข้าวแกงดีไม่ดีกำไรเยอะกว่าอีกนะครับ) คนส่วนใหญ่มองว่าการสร้างภาพแค่นี้มันจะแพงอะไรแค่นั้งอยู่ในห้องแอร์กดๆปุ่มเดียวมันก็ได้แล้ว ถ้าเป็นยังงั้นจริงๆก็ฝึกลิงขึ้นมาให้นั้งกดปุ่มก็ได้ คนทำงานเกียวกับด้านนี้ต้องเก่งทั้งArtเก่งทั้งเขียนโปรแกรมเพื่อมาแก้ปัญหางานต่างๆที่จะเข้ามา
VFX Artistทุกคนรักในงานของเค้าและพร้อมจะออกมาดูแลสิทธ์ของสายงานที่ทำอยู่ถ้ามันเห็นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและพวกเค้าพร้อมจะอธิบายให้เห็นว่ามันเป็นอะไรและเกิดอะไรขึ้น ทั้งนั้นทั้งนี้สิ่งที่ผมอยากบอกคื่อคนเราทุกคนไม่เฉพาะVFX Artistรักในงานที่เราทำกันทั้งนั้นและเคารพในงานของคนอื่นแต่ถ้ามันเกิดเรื่องแย่ๆและทำให้ถาพลักษณ์ของงานเสียหายคนเหล่านั้นก็พร้อมจะเข้ามาแก้ไข้ให้เป็นสิงที่ถูก
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ