ตอบ

A. คำตอบมี 3 กรณีครับ

     A-1. ถ้าไดโอดทนกระแสได้ [แบตจ่ายกระแสน้อยกว่าที่ไดโอดทนได้] จะอ่านค่าแรงดันได้ประมาณ 0.7V ครับ
           แบตจะมีความต้านทานภายในอยู่ ค่ากระแสจึงไม่เท่ากับอนันต์ครับ ใช้สมการ V=IR ตามปกติได้เลยครับ

     A-2 ถ้าไดโอดทนกระแสไม่ได้ แล้วไดโอดเสียแบบขาด [open circuit] จะอ่านค่าแรงดันได้ประมาณ 1.5V เท่ากับแบตในตอนนั้นครับ
           เพราะว่าไดโอดขาดไปแล้วครับ

     A-3 ถ้าไดโอดทนกระแสไม่ได้ แล้วไดโอดเสียแบบชอร์ต [short circuit] จะอ่านค่าแรงดันได้ประมาณ 0V
           เพราะว่า Junction ในไดโอดหลอมรวมกันไปแล้วครับ


B. การต่อแบบนี้ เสมือนเป็นการชาร์จแบตด้าน 1.5V ครับ พลังงานทางด้าน 3V จะถ่ายเทไปเก็บทางด้าน 1.5V ครับ
    
     แรงดันที่วัดได้ จะมากกว่า 1.5V แต่น้อยกว่า 3V ครับ เนื่องจากมีแรงดันตกคร่อมความต้านทานแฝงภายในแบตครับ

     ส่วนจะชาร์จเข้าได้แค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของแบตด้าน 1.5V ครับ ถ้าเป็นแบบชาร์จไม่ได้

     กำลังก็จะสุญเสียออกไปในรูปความร้อนเป็นส่วนใหญ่ครับ


C. ถ้าต่อแบบนี้แล้ววัดแรงดัน ก็จะได้เท่ากับ 3V - 1.5V ครับ ลองเอาโวลต์มิเตอร์วัดดูได้เลยครับ

     ในความเป็นจริง กระแสสามารถวิ่งเข้า หรือออกจากแบตได้ทั้ง 2 ทางครับ

     ถ้ากระแสวิ่งออกจากขั้วบวก คือแบตก้อนนั้นกำลังจ่ายกำลังอยู่ครับ

     แต่ถ้ากระแสวิ่งเข้าขั้วบวก เป็นการชาร์จแบตครับ ซึ่งแน่นอนครับ ว่าต้องมีแหล่งจ่ายอื่นที่มีแรงดันสูงกว่าเป็นตัวจ่ายกำลังให้ครับ

     ในการวัดแรงดันดังรูป C ก็จะมีกระแสวิ่งอยู่เล็กน้อยครับ เพื่อวัดแรงดัน หน่วยจะประมาณไมโครแอมป์ครับ ขึ้นอยู่กับโวลต์มิเตอร์ครับ


สงสัยตรงไหนเพิ่มเติมถามได้ครับ ถ้าทราบก็จะอธิบายเพิ่มเตอมให้ครับ