เคยสังเกตไหม เวลาไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะ ไปเที่ยว ไปทำงาน ไปเรียน ไปดูงาน ไปดูโลกกว้างๆ มีบางอย่างที่บ้านเรามันช่างล้าหลังต่างจากโลกข้างนอกเขาเหลือเกิน และเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้คนในบ้านเราถ่างกว้างแยกออกจากกันเรื่อยๆ ... นั่นก็คือ “ขนส่งมวลชน” Mass Transportation
บ้านเมืองเราให้ความสำคัญกับ "รถยนต์ส่วนตัว" ถนนสำหรับรถยนต์มากจนทำให้ทุกบ้านมีค่านิยมว่า เรียนจบปุ๊บ หรือเอ็นติดปุ๊บ ต้องมีรถขับ จะจีบสาว ต้องมีรถไปรับไปส่ง ฯลฯ ทั้งที่ในต่างประเทศ กว่าใครสักคนจะหาซื้อรถยนต์สักคันก็ปาไปตอนที่มีลูกแล้ว
ครอบครัวเริ่มใหญ่แล้ว ....
--------------------------------------------
เพราะอะไร? (ส่วนตัวเราคิดว่า - เพราะระบบขนส่งคมนาคมในบ้านเรามันล้าหลังมากถึงมากที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ใกล้ๆ กัน)
- คุณภาพชีวิตความปลอดภัย เวลาเราส่งลูกน้อยของเราขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือ ใจเราสั่นและหวิวๆ แค่ไหน เพราะไม่รู้ว่ารถเมล์จะซิ่งนรกแตก เรือจะไม่ดูผู้โดยสาร หรือรถตู้จะเหยียบ 140-150 กม./ชม. เพื่อทำเวลาทำเงินแค่ไหน
- การวางผังเมือง วางเครือข่ายคมนาคม ... จะครอบคลุมพารถไฟ รถเมล์ มาถึงหน้าบ้านเราในระยะเดินที่ไม่เกิน 10 นาทีได้ไหม (ทำไมเมืองนอกถึงไม่ต้องมีพี่แว้นวินมอไซค์คอยผิวบริการผู้โดยสาร)
- วินมอเตอร์ไซค์ รถตู้วิน รถสองแถวหวานเย็นนั่งหลับไปสามชาติยังไม่ถึงบ้าน
- จะจ่ายเงินค่าโดยสารทั้งที ชีวิตก็ลำบากซะเหลือเกิน ขึ้นรถไฟ กับรถเมล์ทีต้องพกเงินสามระบบ Rabbit / MRT / เงินสดขึ้นรถเมล ขึ้นเรือ
- ระบบการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์ คนในเมืองสะดวกสบาย แต่คนอยู่รอบๆ เมือง อยู่ชานเมือง ใช้เวลาเดินทางนานมาก จะเชื่อมรถไฟใต้ดินกับรถไฟลอยฟ้าทั้งทีก็จับแยกกันซะไกล ตั้งชื่อสถานีก็ต่างกัน ขึ้นจากสถานีมาแล้ว กว่าจะหาป้ายรถเมล์ก็ต้องเดินอีกไกลลิบ
- รถไฟ รถเมล์ไม่อำนวยให้คนพิการได้ใช้บริการ บันไดก็สูงลิบ แค่คนแก่ที่อายุเกิน 60 ปี กว่าจะก้าวไปถึงพื้นบนรถ รถเมล์ก็กระชากตัวออกด้วยความเร็วสูงแล้ว (ล้มคะมำข้าวของกระจุยกระจาย)
- สภาพรถเมล์ในกทม. มีตั้งแต่ไฮโซสวยงามแอร์เย็นเฉียบจนถึงร้อนตับแตกมีพัดลม ยิ่งเมืองเรามีแต่รถติดควันรถหนาแน่น ยิ่งควรต้องเห็นความสำคัญถึงคนที่ยืนบนรถ จัดแอร์ให้เขาสักหน่อย ปรับมาตรฐานให้รถทุกคันเหมือนกัน
- อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ สังเกตไหมว่า รถเมล์เมืองนอกบางที่ทำไม่มี คุณ "กระเป๋ารถเมล์" นั่นเพราะเขาพัฒนาให้มีคนขับรถคนเดียว คุมได้ทั้งคัน
ต้องขึ้นรถที่ประตูหน้า(เท่านั้น) ส่วนใหญ่ไม่จ่ายเงินสด แต่ใช้บัตรสมาร์ทการ์ด / บัตรตั๋วเดือน / บัตรคนพิการโชว์ให้คนขับดู / หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ลืมจ่ายเงินสด เขาก็มีกล่องทอนเงินออกตั๋วอัตโนมัติ ไม่ต้องแงบๆ ฉีกตั๋วสองแฉกสามแฉกแบบพวกเรา
- ถ้าเป็นคนพิการนั่งวีลแชร์ คนแก่ที่ต้องใช้ไม้เท้าเดิน หรือคุณแม่ที่เข็นรถเด็ก รถเมล์มีระบบไฮโดรลิคที่เอียงรถมาเสมอกับฟุตบาธ(ได้มาตรฐานสูงเท่ากันทั้งเมือง) มีแผ่นเหล็กใหญ่ๆ เปิดลงมาให้คนพิการเข็นรถเข็นขึ้นไปเองได้ (คนพิการเมืองนอกไม่ต้องมีคนช่วยเหลือ)
- กล้องวงจรปิด ต่างประเทศเขาใช้งานได้จริง ของเราก็ควรติดบนรถเมล์ รถไฟ เรือ ฯลฯ จำข่าวที่หนูน้อยสี่ขวบตื่นตีสามออกมานั่งรถเมล์ได้ไหม กล้องวงจรปิดก็ช่วยจับภาพให้ด้วยเช่นกัน
ตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้ทุกๆคนที่อยู่ไกลบ้าน แชร์ภาพ แชร์ประสบการณ์สิ่งที่ตัวเองได้ใช้บริการทุกวันแบบที่เป็น ระบบคมนาคม / ระบบรถเมล์ / รถไฟ / เรือ / สถานีรถไฟ / ป้ายรถเมล์ ที่นั่งรอป้ายรถเมล์ / รถไฟความเร็วสูง / Mobile Application iOS / Android / website)ที่บอกว่า อีกกี่นาทีรถเมล์มา อีกกี่นาทีรถไฟมา หรือต้องเดินทางทั้งหมดกี่นาทีจะถึงจุดหมายปลายทางที่จิ้มเลือกไว้ ฯลฯ มาให้เห็นกันเต็มๆ เพื่อที่ว่า ข้าราชการที่เขาได้ไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ แต่ไม่ได้พัฒนาอะไรให้พวกเราเลยจะได้รู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง (จากภาพของจริง)
----------
ด้วยการวิจัยแบบบ้านๆ จาก google เลยเสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ดง่ายๆ เช่น
Bus | Mobile | Application | subway | ชื่อเมือง | train | mrt แล้วแต่จะนึกออก ผลลัพธ์ก็ปรากฏตามที่แปะด้านล่างนี้
ลองเริ่มจากใกล้ๆ ประเทศเราก่อนก็ได้ นั่นคือ มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์)
พอลอง search Google Web หรือ Image ด้วยคีย์เวิร์ดว่า Malaysia | bus |application | KL (Kuala Lumpur) | Mobile ก็พบอะไรดีๆ นั่นคือ
มายแรพพิด (MyRapid)
http://www.myrapid.com.my/rapidkl-travel-guide-mobile-app-0#lrt
ขนส่งมวลชนของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตั้งแต่รถเมล์ รถราง รถไฟใต้ดิน รถไฟบนดิน นักท่องเที่ยวเพียงซื้อบัตรแค่ใบเดียวคือ “Myrapid” ก็แตะเที่ยวได้ทั่วเมืองไม่ต้องเหนื่อย
แถมมาด้วย application ทันสมัย ที่โหลดจาก iOs / Google Play ก็ได้
https://itunes.apple.com/us/app/rapidkl/id663166790?mt=8
แปะรูปภาพ ของบรรยากาศรอบๆ สถานีรถไฟ -- สถานีรถไฟมาตรฐานเมืองนอก จะมีพื้นที่รอบๆ กันไว้แบบเป็นระเบียบให้สำหรับคนที่มาจอดรถ / แวะรับส่งคน / แท็กซี่จอดรอผู้โดยสาร / ป้ายรถเมล์ที่จัดระเบียบดีๆ โดยที่ไม่ไปก่อกวนกับเส้นทางหลัก ที่รถยนต์ต้องวิ่ง) ที่บ้านเรา ไม่มีพื้นที่ตรงนี้เผื่อให้แท็กซี่จอด / รถยนต์ส่วนตัวรับส่งผู้คนเลย มันเลยกระทบเป็นโดมิโนให้รถติดทุกจุดที่เป็นสถานีรถไฟ
-----
รูปภาพจาก google search : Bus Stop Kuala Lumpur
https://www.google.co.th/search?q=bus+station+kuala+lumpur&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=_y0ZVaTJCM7nuQTZroDIDg&ved=0CAgQ_AUoAg&biw=1280&bih=738#imgdii=4kY-LkXjx6dfLM%3A%3Bf67pFxy7KwugCM%3B4kY-LkXjx6dfLM%3A&imgrc=4kY-LkXjx6dfLM%253A%3BlAl1jGoV3tVURM%3Bhttp%253A%252F%252Fa.bbkz.net%252Fforum%252Fattachment.php%253Fattachmentid%253D658482%2526stc%253D1%2526thumb%253D1%2526d%253D1346770492%3Bhttp%253A%252F%252Fwww.mypublictransport.com%252F2012%252F09%252Fgo-kl-city-kuala-lumpur-free-bus.html%3B640%3B480
พาไปดู "ระบบขนส่งมวลชน" ประเทศอื่นๆ ส่องโลก ด้วย google
บ้านเมืองเราให้ความสำคัญกับ "รถยนต์ส่วนตัว" ถนนสำหรับรถยนต์มากจนทำให้ทุกบ้านมีค่านิยมว่า เรียนจบปุ๊บ หรือเอ็นติดปุ๊บ ต้องมีรถขับ จะจีบสาว ต้องมีรถไปรับไปส่ง ฯลฯ ทั้งที่ในต่างประเทศ กว่าใครสักคนจะหาซื้อรถยนต์สักคันก็ปาไปตอนที่มีลูกแล้ว
ครอบครัวเริ่มใหญ่แล้ว ....
--------------------------------------------
เพราะอะไร? (ส่วนตัวเราคิดว่า - เพราะระบบขนส่งคมนาคมในบ้านเรามันล้าหลังมากถึงมากที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ใกล้ๆ กัน)
- คุณภาพชีวิตความปลอดภัย เวลาเราส่งลูกน้อยของเราขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือ ใจเราสั่นและหวิวๆ แค่ไหน เพราะไม่รู้ว่ารถเมล์จะซิ่งนรกแตก เรือจะไม่ดูผู้โดยสาร หรือรถตู้จะเหยียบ 140-150 กม./ชม. เพื่อทำเวลาทำเงินแค่ไหน
- การวางผังเมือง วางเครือข่ายคมนาคม ... จะครอบคลุมพารถไฟ รถเมล์ มาถึงหน้าบ้านเราในระยะเดินที่ไม่เกิน 10 นาทีได้ไหม (ทำไมเมืองนอกถึงไม่ต้องมีพี่แว้นวินมอไซค์คอยผิวบริการผู้โดยสาร)
- วินมอเตอร์ไซค์ รถตู้วิน รถสองแถวหวานเย็นนั่งหลับไปสามชาติยังไม่ถึงบ้าน
- จะจ่ายเงินค่าโดยสารทั้งที ชีวิตก็ลำบากซะเหลือเกิน ขึ้นรถไฟ กับรถเมล์ทีต้องพกเงินสามระบบ Rabbit / MRT / เงินสดขึ้นรถเมล ขึ้นเรือ
- ระบบการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์ คนในเมืองสะดวกสบาย แต่คนอยู่รอบๆ เมือง อยู่ชานเมือง ใช้เวลาเดินทางนานมาก จะเชื่อมรถไฟใต้ดินกับรถไฟลอยฟ้าทั้งทีก็จับแยกกันซะไกล ตั้งชื่อสถานีก็ต่างกัน ขึ้นจากสถานีมาแล้ว กว่าจะหาป้ายรถเมล์ก็ต้องเดินอีกไกลลิบ
- รถไฟ รถเมล์ไม่อำนวยให้คนพิการได้ใช้บริการ บันไดก็สูงลิบ แค่คนแก่ที่อายุเกิน 60 ปี กว่าจะก้าวไปถึงพื้นบนรถ รถเมล์ก็กระชากตัวออกด้วยความเร็วสูงแล้ว (ล้มคะมำข้าวของกระจุยกระจาย)
- สภาพรถเมล์ในกทม. มีตั้งแต่ไฮโซสวยงามแอร์เย็นเฉียบจนถึงร้อนตับแตกมีพัดลม ยิ่งเมืองเรามีแต่รถติดควันรถหนาแน่น ยิ่งควรต้องเห็นความสำคัญถึงคนที่ยืนบนรถ จัดแอร์ให้เขาสักหน่อย ปรับมาตรฐานให้รถทุกคันเหมือนกัน
- อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ สังเกตไหมว่า รถเมล์เมืองนอกบางที่ทำไม่มี คุณ "กระเป๋ารถเมล์" นั่นเพราะเขาพัฒนาให้มีคนขับรถคนเดียว คุมได้ทั้งคัน
ต้องขึ้นรถที่ประตูหน้า(เท่านั้น) ส่วนใหญ่ไม่จ่ายเงินสด แต่ใช้บัตรสมาร์ทการ์ด / บัตรตั๋วเดือน / บัตรคนพิการโชว์ให้คนขับดู / หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ลืมจ่ายเงินสด เขาก็มีกล่องทอนเงินออกตั๋วอัตโนมัติ ไม่ต้องแงบๆ ฉีกตั๋วสองแฉกสามแฉกแบบพวกเรา
- ถ้าเป็นคนพิการนั่งวีลแชร์ คนแก่ที่ต้องใช้ไม้เท้าเดิน หรือคุณแม่ที่เข็นรถเด็ก รถเมล์มีระบบไฮโดรลิคที่เอียงรถมาเสมอกับฟุตบาธ(ได้มาตรฐานสูงเท่ากันทั้งเมือง) มีแผ่นเหล็กใหญ่ๆ เปิดลงมาให้คนพิการเข็นรถเข็นขึ้นไปเองได้ (คนพิการเมืองนอกไม่ต้องมีคนช่วยเหลือ)
- กล้องวงจรปิด ต่างประเทศเขาใช้งานได้จริง ของเราก็ควรติดบนรถเมล์ รถไฟ เรือ ฯลฯ จำข่าวที่หนูน้อยสี่ขวบตื่นตีสามออกมานั่งรถเมล์ได้ไหม กล้องวงจรปิดก็ช่วยจับภาพให้ด้วยเช่นกัน
ตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้ทุกๆคนที่อยู่ไกลบ้าน แชร์ภาพ แชร์ประสบการณ์สิ่งที่ตัวเองได้ใช้บริการทุกวันแบบที่เป็น ระบบคมนาคม / ระบบรถเมล์ / รถไฟ / เรือ / สถานีรถไฟ / ป้ายรถเมล์ ที่นั่งรอป้ายรถเมล์ / รถไฟความเร็วสูง / Mobile Application iOS / Android / website)ที่บอกว่า อีกกี่นาทีรถเมล์มา อีกกี่นาทีรถไฟมา หรือต้องเดินทางทั้งหมดกี่นาทีจะถึงจุดหมายปลายทางที่จิ้มเลือกไว้ ฯลฯ มาให้เห็นกันเต็มๆ เพื่อที่ว่า ข้าราชการที่เขาได้ไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ แต่ไม่ได้พัฒนาอะไรให้พวกเราเลยจะได้รู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง (จากภาพของจริง)
----------
ด้วยการวิจัยแบบบ้านๆ จาก google เลยเสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ดง่ายๆ เช่น
Bus | Mobile | Application | subway | ชื่อเมือง | train | mrt แล้วแต่จะนึกออก ผลลัพธ์ก็ปรากฏตามที่แปะด้านล่างนี้
ลองเริ่มจากใกล้ๆ ประเทศเราก่อนก็ได้ นั่นคือ มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์)
พอลอง search Google Web หรือ Image ด้วยคีย์เวิร์ดว่า Malaysia | bus |application | KL (Kuala Lumpur) | Mobile ก็พบอะไรดีๆ นั่นคือ
มายแรพพิด (MyRapid)
http://www.myrapid.com.my/rapidkl-travel-guide-mobile-app-0#lrt
ขนส่งมวลชนของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตั้งแต่รถเมล์ รถราง รถไฟใต้ดิน รถไฟบนดิน นักท่องเที่ยวเพียงซื้อบัตรแค่ใบเดียวคือ “Myrapid” ก็แตะเที่ยวได้ทั่วเมืองไม่ต้องเหนื่อย
แถมมาด้วย application ทันสมัย ที่โหลดจาก iOs / Google Play ก็ได้
https://itunes.apple.com/us/app/rapidkl/id663166790?mt=8
แปะรูปภาพ ของบรรยากาศรอบๆ สถานีรถไฟ -- สถานีรถไฟมาตรฐานเมืองนอก จะมีพื้นที่รอบๆ กันไว้แบบเป็นระเบียบให้สำหรับคนที่มาจอดรถ / แวะรับส่งคน / แท็กซี่จอดรอผู้โดยสาร / ป้ายรถเมล์ที่จัดระเบียบดีๆ โดยที่ไม่ไปก่อกวนกับเส้นทางหลัก ที่รถยนต์ต้องวิ่ง) ที่บ้านเรา ไม่มีพื้นที่ตรงนี้เผื่อให้แท็กซี่จอด / รถยนต์ส่วนตัวรับส่งผู้คนเลย มันเลยกระทบเป็นโดมิโนให้รถติดทุกจุดที่เป็นสถานีรถไฟ
-----
รูปภาพจาก google search : Bus Stop Kuala Lumpur
https://www.google.co.th/search?q=bus+station+kuala+lumpur&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=_y0ZVaTJCM7nuQTZroDIDg&ved=0CAgQ_AUoAg&biw=1280&bih=738#imgdii=4kY-LkXjx6dfLM%3A%3Bf67pFxy7KwugCM%3B4kY-LkXjx6dfLM%3A&imgrc=4kY-LkXjx6dfLM%253A%3BlAl1jGoV3tVURM%3Bhttp%253A%252F%252Fa.bbkz.net%252Fforum%252Fattachment.php%253Fattachmentid%253D658482%2526stc%253D1%2526thumb%253D1%2526d%253D1346770492%3Bhttp%253A%252F%252Fwww.mypublictransport.com%252F2012%252F09%252Fgo-kl-city-kuala-lumpur-free-bus.html%3B640%3B480