โทรศัพท์รุ่นท็อปของซัมซุงในซีรี่ส์ Galaxy กลับมาอีกครั้งเพื่อแก้เกมกับโทรศัพท์คู่แข่งตลอดการอย่าง iPhone 6, 6 Plus รวมทั้งโทรศัพท์ flag ship แอนดรอยด์ยี่ห้ออื่นๆ
จุดขายของ S6 และ S6 Edge อยู่ที่วัสดุที่ดี และการออกแบบที่สวยงามกว่าเดิม ซอฟท์แวร์ก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขมาให้ลงตัวขึ้นกว่าเดิม ที่ซัมซุงชูเป็นจุดขายของโทรศัพท์ รุ่นนี้คือมีกล้องที่ดีขึ้นกว่ากล้องในโทรศัพท์คู่แข่ง มีระบบกันสั่น ช่องรับแสงกว้าง f/1.9 ความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล ซอฟท์แวร์โทรศัพท์ก็ปรับปรุง ตัดการเลือกค่าที่ยุ่งยากออกไป ให้ใช้ง่าย เข้าใจง่ายกว่าเดิม
ผมได้มีโอกาสทดลองใช้ ซัมซุง แกแล็กซี่ S6 และ S6 Edge เพื่อถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2558 โดยใช้งานมอเตอร์โชว์ 2015 เป็นที่ทดลองถ่ายภาพ
สภาพแสงในงานมอเตอร์โชว์เป็นแสงผสมหลายสี หลายค่าความสว่าง ไม่ค่อยง่ายนักหากจะถ่ายภาพให้ออกมาดี การถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือในงานก็จะเป็นการทดสอบเรื่องของการจัดการแสงสี และการถ่ายภาพในสถานที่แสงน้อยเป็นส่วนใหญ่
ผมใช้เวลาถ่ายภาพอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ภาพส่วนใหญ่ที่ผมถ่าย เป็นการใช้โหมด Auto แบบออโต้สมบูรณ์แบบ ยกแล้วกดเลย อย่างที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่น่าจะใช้ในชีวิตจริง และค่าสี ค่าอะไรอื่นจะเป็นค่า default จากโรงงาน
จะมีไม่กี่ภาพที่ใช้โหมดโปร มีการชดเชยแสง เพื่อดูว่าจะตอบสนองความต้องการได้ไหม หากต้องการควบคุมลักษณะภาพให้ต่างไปจากที่กล้องเลือกให้ HDR ก็เปิดมั่งปิดมั่ง ปนๆ กันไปจำไม่ได้อันไหนเปิดอันไหนปิด
และไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม นอกจากย่อ และชาร์พเพ่นบางๆ เพื่อแก้อาการภาพเสียความคมชัดจากโปรแกรมย่อภาพเท่านั้น
ภาพก็ปนๆ กัน 2 กล้อง ระหว่าง S6 ที่ถ่ายแบบ Full Resolution กับ S6 Edge ที่ตั้งสัดส่วนภาพเป็น 16:9
S6 เจอสภาพแสงโหดๆ อย่างมอเตอร์โชว์ จะรอดมั้ยไม่รู้ ดูกันเลย
ภาพแรกเลยก่อนเข้างาน ป้ายไฟออกมาดูดีทีเดียว ส่วนอื่นของภาพก็พอเห็นได้
ระบบการจัดการสีของกล้องฉลาดเอาการทีเดียว มันตัดสินใจยึดเอาป้ายไฟเป็นหลักในการปรับค่าเปิดรับแสง และค่าสี
สิ่งที่ผิดไปจากความคาดหมายของผมหน่อยนึงคือซัมซุงเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของภาพไปนิดหน่อย โทนภาพมาในสไตล์สว่างใส นุ่มนวล ค่อนข้าง flat กว่าเดิม ไม่สดจี๊ดจ๊าดบาดตา คอนทราสดุดันเหมือนเมื่อก่อน ดูสบายตาขึ้น สีสันดูเป็นธรรมชาติดี
HDR ของ S6/edge เป็น live HDR มองเห็นภาพจริงก่อนถ่ายเลย ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายว่าภาพไหนจะเปิด หรือปิด HDR ไม่ต้องถ่ายก่อน แล้วค่อยดูทีหลังว่าดีหรือเปล่า
ฉากนี้เป็นสีแดงไปหมดขนาดนี้ ยังรักษาสีไว้ได้ขนาดนี้ก็ดีละ แค่ติดสีส้มมากกว่าปกติไปหน่อย ไม่ถึงขนาดสีเพี้ยน หรือสีตก
ฉากที่เป็นสีอ่อนบ้าง ปกติแล้วฉากนี้กล้องทั่วไปจะออกมามืดกว่าปกติ S6 ก็พลาดแบบเดียวกับกล้องทั่วไป ติดอันเดอร์อยู่สักค่อนสต็อปได้
พลาดอยู่ในระดับเดียวกับกล้องชั้นดีอื่นๆ ทั่วไป
ลองฉากสีเข้ม ที่มักจะออกมาสว่างกว่าปกติ S6 ก็ทำได้อย่างที่คาด โอเวอร์ไปนิดหน่อยประมาณครึ่งสต็อป ไม่มากเท่าที่คิดไว้
ในโหมดออโต้ ล็อกค่าแสง และจุดโฟกัสได้ แต่ไม่สามารถชดเชยแสงได้
เอ๊ะ.. หรือมันชดเชยได้ แต่ผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้แฮะ
ภาพนี้ใช้โหมดโปร แล้วชดเชยแสงเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ออกมาสว่างใสดี แต่ถ้าจะให้ใสปิ๊ง บลิ๊งๆ ฟรุ้งฟริ้ง ต้องเพิ่มแฟลชเข้าไปอีกหน่อย
ดูการไล่แสงบ้าง ส่วนขาวก็ขาว clean สะอาดดี ส่วนดำก็ดำปี๋ deep ใช้ได้ การไล่แสงจากสว่างไปมืด ราบลื่นต่อเนื่องนุ่มนวลดี ไม่มีกระโดดเป็นแถบๆ บั้งๆ ให้รำคาญตา
คราวนี้ดูเรื่องที่ผมกังวลอีกเรื่องนึงคือ Flare กับ Ghost Image ผมเจอภาพฟุ้งๆ อยู่บ้างหากมีแสงแรงๆ เข้าหน้าเลนส์ตรงๆ แต่ถ้าหลบมุมสักหน่อย มันก็เอาอยู่ รายละเอียด สีสันส่วนใกล้ๆ แหล่งกำเนิดแสงยังดีอยู่
เรื่องนี้ขอทดสอบเต็มๆ ในระยะยาว หลายๆ สภาพแสงก่อน ยังบอกอะไรชัดเจนไม่ได้
การลดน้อยส์ในส่วนมืด กล้องจัดการมาหนักมากไปหน่อยสำหรับรสนิยมของผม
คนส่วนใหญ่น่าจะชอบที่ได้ภาพเนียนๆ ไม่มีเม็ดๆ บาดตา แต่ผมชอบที่มีดีเทลเยอะๆ มีน้อยส์สักหน่อยก็ได้ไม่เป็นไร
scene นี้โหดมาก แสงหลังสว่าง แสงหน้าน้อยสุดๆ กล้อง mirrorless หรือ DSLR ทั่วไปที่ไม่ใช่ฟูลเฟรมก็ไม่ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างสะดวกสบาย
รูปแรกที่ถ่ายออกมา ผมดูบนจอเห็นมืดตึ้บเลย
รูปสองเปลี่ยนเป็นโหมด Pro แล้วชดเชยแสง +2 EV ก็ยังมืดอยู่ จนถอดใจไม่ถ่ายต่อแล้ว หันไปบอกน้องจากซัมซุง
"พี่ว่าฉากนี้ไม่รอดครับ ไปหาอย่างอื่นถ่ายกันเหอะ"
ถ้าจะเอาฉากนี้จริงๆ ต้องเปลี่ยนระบบวัดแสงเป็นเฉพาะจุด ซึ่งกล้องก็มีมาให้ แต่ว่าผู้ใช้ทั่วไปคงไม่ใช้หรอกมั้ง ดังนั้นไม่ต้องเทส ผ่านไปเลย
แต่พอกลับบ้านเอามาดูในจอคอมพ์มันก็ยังมีรายละเอียดดีนี่นา เสียดายเลยทีนี้ ที่ไม่ได้ถ่ายมาเผื่อเลือกใช้
สภาพแสงแบบซีนนี้ได้ผลงานขนาดนี้ต้องจุดพลุฉลองแล้ว
ลอง HDR แบบเต็มๆ บ้าง ภาพมืดกว่าที่ต้องการไปนิดนึง ประมาณเกือบครึ่งสต็อป แต่มันเก็บครบทุกโซนตั้งแต่มืดยันสว่าง Histogram ออกมางดงามทีเดียว มี data ในไฟล์ภาพมากเหลือเฟือ เอาไปแต่งภาพต่อได้สบาย
แต่ HDR นี่มันก็ไม่ดีอย่างนึงตอนถ่ายภาพสาวๆ ผิวจะสีเพี้ยนๆ เนียนแปลกๆ บางคนชอบ แต่ผมไม่ชอบแฮะ
เรื่องความยืดหยุ่นของไฟล์ภาพ ถ้าเอามาแต่งภาพกันหนักๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง
ภาพนี้เป็นภาพที่ลงมือแต่งภาพอย่างหนัก ไฟล์ภาพมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการแต่งภาพได้สบายๆ ความยืดหยุ่นมากกว่าไฟล์ iPhone 5 (6 เป็นไงไม่รู้ไม่เคยใช้), vivo Xshot และ Oppo Find 7 และมี head room ให้แต่งภาพได้หนักมือยิ่งกว่าภาพ jpg จากกล้อง Olympus ด้วยซ้ำ ดึงเคิร์ฟ บัง เผา ปรับแสงสี ได้แบบไม่ต้องกลัวว่าไฟล์จะเละ น้อยส์จะขึ้น
แต่บอกไว้ก่อนว่านี่คือไฟล์จากกล้อง demo ซึ่งไฟล์ค่อนข้างกลางๆ ไม่เตะตา เปิดโอกาสให้แต่งภาพเยอะ ในเวอร์ชั่นขายจริง ซัมซุงอาจจะตัดสินใจรีดกำลังไฟล์ภาพโดยแต่งภาพมาให้เสร็จตั้งแต่ในกล้องก็ได้ เพื่อเอาใจผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการภาพที่สวยสำเร็จรูป ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นข้อดีข้อนี้ก็จะหายไป
สรุปโดยรวมเรื่องภาพ
กล้องของ S6/Edge ถ่ายภาพออกมาได้ดีมาก ถ่ายในที่แสงน้อยได้คุณภาพดีจริง ระบบกล้องฉลาดมากพอที่จะจัดการค่าต่างๆ ในการถ่ายภาพได้โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปเลือก หรือตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย
รายละเอียดดี ความคมชัดสูง สีสันออกมากำลังดี ช่วงการรับแสง การไล่โทนดี
เนื่องจากเป็นการทดสอบระยะสั้น และไม่มีตัวเปรียบเทียบ ผมเลยไม่สามารถบอกได้ว่าเทียบกับคู่แข่งแล้วจะเป็นอย่างไร อันนี้ถ้ามีการทดสอบกันเต็มรูปแบบน่าจะบอกได้
เท่าที่ผมบอกได้ตอนนี้คือมันทำได้เหนือกว่าที่ผมคาดไว้ไปเยอะ
อีกเรื่องนึง Galaxy S6/S6 Edge มีระบบชาร์จไฟไร้สายในตัว ไม่ต้องใส่เคสพิเศษ สามารถชาร์จในรถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นได้ อย่าง Camry ใหม่ หรือ Lexus NX300 ผมไม่ได้ทดลองชาร์จนะฮะ เอาไปวางท่าทำเท่เจ๋ยๆ
ช่องรับแสง f/1.9 นี่มันช่วยได้เยอะจริงๆ เวลาถ่ายในสภาพแสงน้อยอย่างในรถเนี่ย
รูปร่างหน้าตา การใช้งาน จับถือในฐานะ "กล้องถ่ายภาพ"
ในตอนแรกผมคิดว่า S6 จะจับถนัดกว่า เพราะมันถือได้เต็มมือดี แต่หลังจากใช้อยู่สัก 2 ชั่วโมง ผมว่าผมจับ S6 Edge ได้ถนัดกว่ารุ่นธรรมดาแฮะ ตรงมุมแหลมของมันล็อกเข้ากับข้อนิ้วทำให้ไม่ค่อยลื่น ไม่เหมือน S6 ที่พยายามจะดิ้นหนีอยู่ตลอดเวลา ถือนานๆ แล้วเมื่อยนิ้ว
สีขาวดูงั้นๆ สีดำสวยกว่ามาก มีเหลือบสีน้ำเงินด้วยในบางมุมมอง ได้ข่าวว่าสีเขียว กับสีทองสวยกว่านี้อีกตะหาก
วัสดุดี การประกอบแน่นหนาดี ดูเป็นโทรศัพท์ดีมีราคา และไม่ว่าจะเห็นรูปมันมาจากไหน คิดว่าสวยหรือไม่ ผมว่าตัวจริงของมันสวยกว่าในรูปมากๆ ผมเห็นในรูปแล้วเฉยๆ แต่พอเห็นตัวจริง เส้นสาย รูปทรงของมันสวยงามลงตัวมาก
จอชัด สีสันสดใส ละเอียดเนียนตา
การทำงานในฐานะกล้องถ่ายภาพ ทำได้รวดเร็วไม่แพ้ไอโฟน หยิบออกจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกดปุ่ม Home 2 ที โดยไม่ต้องดูจอ พอยกมาอยู่ในมือแล้วมันจะพร้อมถ่ายภาพทันที ทำให้มันเป็น "กล้องถ่ายภาพ" ที่ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว คล่องตัว เร็วกว่า iPhone 5 ที่ผมใช้อยู่จังหวะนึง ตรงที่ไอโฟนต้องกดปุ่มทีนึงแล้วขยับนิ้วปัดขึ้น แต่ S6 กดสองทีไม่ต้องขยับนิ้ว
ผมยังสงสัยอยู่ว่าเวลาใช้งานจริง การกดสองทีเปิดกล้องมันจะดีหรือเปล่า เพราะผมกลัวว่ามันจะเปิดกล้องค้างไว้โดยไม่ตั้งใจ เวลามีอะไรไปโดนปุ่ม Home เวลาใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง เอาไว้ถ้าได้มาทดสอบใช้งานจริงระยะยาวจะเล่าให้ฟังอีกที
ตอนนี้ในเรื่องกล้อง บอกได้ว่าดีจริง ซัมซุงทำได้อย่างที่คุยไว้
ภาพเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10206666409367549.1073741974.1492667919&type=1&l=62f0dbd259
[SR] แกะกล่องของเล่น: ไปเล่นกล้องโทรศัพท์ Samsung Galaxy S6, S6 edge ที่มอเตอร์โชว์
โทรศัพท์รุ่นท็อปของซัมซุงในซีรี่ส์ Galaxy กลับมาอีกครั้งเพื่อแก้เกมกับโทรศัพท์คู่แข่งตลอดการอย่าง iPhone 6, 6 Plus รวมทั้งโทรศัพท์ flag ship แอนดรอยด์ยี่ห้ออื่นๆ
จุดขายของ S6 และ S6 Edge อยู่ที่วัสดุที่ดี และการออกแบบที่สวยงามกว่าเดิม ซอฟท์แวร์ก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขมาให้ลงตัวขึ้นกว่าเดิม ที่ซัมซุงชูเป็นจุดขายของโทรศัพท์ รุ่นนี้คือมีกล้องที่ดีขึ้นกว่ากล้องในโทรศัพท์คู่แข่ง มีระบบกันสั่น ช่องรับแสงกว้าง f/1.9 ความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล ซอฟท์แวร์โทรศัพท์ก็ปรับปรุง ตัดการเลือกค่าที่ยุ่งยากออกไป ให้ใช้ง่าย เข้าใจง่ายกว่าเดิม
ผมได้มีโอกาสทดลองใช้ ซัมซุง แกแล็กซี่ S6 และ S6 Edge เพื่อถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2558 โดยใช้งานมอเตอร์โชว์ 2015 เป็นที่ทดลองถ่ายภาพ
สภาพแสงในงานมอเตอร์โชว์เป็นแสงผสมหลายสี หลายค่าความสว่าง ไม่ค่อยง่ายนักหากจะถ่ายภาพให้ออกมาดี การถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือในงานก็จะเป็นการทดสอบเรื่องของการจัดการแสงสี และการถ่ายภาพในสถานที่แสงน้อยเป็นส่วนใหญ่
ผมใช้เวลาถ่ายภาพอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ภาพส่วนใหญ่ที่ผมถ่าย เป็นการใช้โหมด Auto แบบออโต้สมบูรณ์แบบ ยกแล้วกดเลย อย่างที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่น่าจะใช้ในชีวิตจริง และค่าสี ค่าอะไรอื่นจะเป็นค่า default จากโรงงาน
จะมีไม่กี่ภาพที่ใช้โหมดโปร มีการชดเชยแสง เพื่อดูว่าจะตอบสนองความต้องการได้ไหม หากต้องการควบคุมลักษณะภาพให้ต่างไปจากที่กล้องเลือกให้ HDR ก็เปิดมั่งปิดมั่ง ปนๆ กันไปจำไม่ได้อันไหนเปิดอันไหนปิด
และไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม นอกจากย่อ และชาร์พเพ่นบางๆ เพื่อแก้อาการภาพเสียความคมชัดจากโปรแกรมย่อภาพเท่านั้น
ภาพก็ปนๆ กัน 2 กล้อง ระหว่าง S6 ที่ถ่ายแบบ Full Resolution กับ S6 Edge ที่ตั้งสัดส่วนภาพเป็น 16:9
S6 เจอสภาพแสงโหดๆ อย่างมอเตอร์โชว์ จะรอดมั้ยไม่รู้ ดูกันเลย
ภาพแรกเลยก่อนเข้างาน ป้ายไฟออกมาดูดีทีเดียว ส่วนอื่นของภาพก็พอเห็นได้
ระบบการจัดการสีของกล้องฉลาดเอาการทีเดียว มันตัดสินใจยึดเอาป้ายไฟเป็นหลักในการปรับค่าเปิดรับแสง และค่าสี
สิ่งที่ผิดไปจากความคาดหมายของผมหน่อยนึงคือซัมซุงเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของภาพไปนิดหน่อย โทนภาพมาในสไตล์สว่างใส นุ่มนวล ค่อนข้าง flat กว่าเดิม ไม่สดจี๊ดจ๊าดบาดตา คอนทราสดุดันเหมือนเมื่อก่อน ดูสบายตาขึ้น สีสันดูเป็นธรรมชาติดี
HDR ของ S6/edge เป็น live HDR มองเห็นภาพจริงก่อนถ่ายเลย ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายว่าภาพไหนจะเปิด หรือปิด HDR ไม่ต้องถ่ายก่อน แล้วค่อยดูทีหลังว่าดีหรือเปล่า
ฉากนี้เป็นสีแดงไปหมดขนาดนี้ ยังรักษาสีไว้ได้ขนาดนี้ก็ดีละ แค่ติดสีส้มมากกว่าปกติไปหน่อย ไม่ถึงขนาดสีเพี้ยน หรือสีตก
ฉากที่เป็นสีอ่อนบ้าง ปกติแล้วฉากนี้กล้องทั่วไปจะออกมามืดกว่าปกติ S6 ก็พลาดแบบเดียวกับกล้องทั่วไป ติดอันเดอร์อยู่สักค่อนสต็อปได้
พลาดอยู่ในระดับเดียวกับกล้องชั้นดีอื่นๆ ทั่วไป
ลองฉากสีเข้ม ที่มักจะออกมาสว่างกว่าปกติ S6 ก็ทำได้อย่างที่คาด โอเวอร์ไปนิดหน่อยประมาณครึ่งสต็อป ไม่มากเท่าที่คิดไว้
ในโหมดออโต้ ล็อกค่าแสง และจุดโฟกัสได้ แต่ไม่สามารถชดเชยแสงได้
เอ๊ะ.. หรือมันชดเชยได้ แต่ผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้แฮะ
ภาพนี้ใช้โหมดโปร แล้วชดเชยแสงเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ออกมาสว่างใสดี แต่ถ้าจะให้ใสปิ๊ง บลิ๊งๆ ฟรุ้งฟริ้ง ต้องเพิ่มแฟลชเข้าไปอีกหน่อย
ดูการไล่แสงบ้าง ส่วนขาวก็ขาว clean สะอาดดี ส่วนดำก็ดำปี๋ deep ใช้ได้ การไล่แสงจากสว่างไปมืด ราบลื่นต่อเนื่องนุ่มนวลดี ไม่มีกระโดดเป็นแถบๆ บั้งๆ ให้รำคาญตา
คราวนี้ดูเรื่องที่ผมกังวลอีกเรื่องนึงคือ Flare กับ Ghost Image ผมเจอภาพฟุ้งๆ อยู่บ้างหากมีแสงแรงๆ เข้าหน้าเลนส์ตรงๆ แต่ถ้าหลบมุมสักหน่อย มันก็เอาอยู่ รายละเอียด สีสันส่วนใกล้ๆ แหล่งกำเนิดแสงยังดีอยู่
เรื่องนี้ขอทดสอบเต็มๆ ในระยะยาว หลายๆ สภาพแสงก่อน ยังบอกอะไรชัดเจนไม่ได้
การลดน้อยส์ในส่วนมืด กล้องจัดการมาหนักมากไปหน่อยสำหรับรสนิยมของผม
คนส่วนใหญ่น่าจะชอบที่ได้ภาพเนียนๆ ไม่มีเม็ดๆ บาดตา แต่ผมชอบที่มีดีเทลเยอะๆ มีน้อยส์สักหน่อยก็ได้ไม่เป็นไร
scene นี้โหดมาก แสงหลังสว่าง แสงหน้าน้อยสุดๆ กล้อง mirrorless หรือ DSLR ทั่วไปที่ไม่ใช่ฟูลเฟรมก็ไม่ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างสะดวกสบาย
รูปแรกที่ถ่ายออกมา ผมดูบนจอเห็นมืดตึ้บเลย
รูปสองเปลี่ยนเป็นโหมด Pro แล้วชดเชยแสง +2 EV ก็ยังมืดอยู่ จนถอดใจไม่ถ่ายต่อแล้ว หันไปบอกน้องจากซัมซุง
"พี่ว่าฉากนี้ไม่รอดครับ ไปหาอย่างอื่นถ่ายกันเหอะ"
ถ้าจะเอาฉากนี้จริงๆ ต้องเปลี่ยนระบบวัดแสงเป็นเฉพาะจุด ซึ่งกล้องก็มีมาให้ แต่ว่าผู้ใช้ทั่วไปคงไม่ใช้หรอกมั้ง ดังนั้นไม่ต้องเทส ผ่านไปเลย
แต่พอกลับบ้านเอามาดูในจอคอมพ์มันก็ยังมีรายละเอียดดีนี่นา เสียดายเลยทีนี้ ที่ไม่ได้ถ่ายมาเผื่อเลือกใช้
สภาพแสงแบบซีนนี้ได้ผลงานขนาดนี้ต้องจุดพลุฉลองแล้ว
ลอง HDR แบบเต็มๆ บ้าง ภาพมืดกว่าที่ต้องการไปนิดนึง ประมาณเกือบครึ่งสต็อป แต่มันเก็บครบทุกโซนตั้งแต่มืดยันสว่าง Histogram ออกมางดงามทีเดียว มี data ในไฟล์ภาพมากเหลือเฟือ เอาไปแต่งภาพต่อได้สบาย
แต่ HDR นี่มันก็ไม่ดีอย่างนึงตอนถ่ายภาพสาวๆ ผิวจะสีเพี้ยนๆ เนียนแปลกๆ บางคนชอบ แต่ผมไม่ชอบแฮะ
เรื่องความยืดหยุ่นของไฟล์ภาพ ถ้าเอามาแต่งภาพกันหนักๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง
ภาพนี้เป็นภาพที่ลงมือแต่งภาพอย่างหนัก ไฟล์ภาพมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการแต่งภาพได้สบายๆ ความยืดหยุ่นมากกว่าไฟล์ iPhone 5 (6 เป็นไงไม่รู้ไม่เคยใช้), vivo Xshot และ Oppo Find 7 และมี head room ให้แต่งภาพได้หนักมือยิ่งกว่าภาพ jpg จากกล้อง Olympus ด้วยซ้ำ ดึงเคิร์ฟ บัง เผา ปรับแสงสี ได้แบบไม่ต้องกลัวว่าไฟล์จะเละ น้อยส์จะขึ้น
แต่บอกไว้ก่อนว่านี่คือไฟล์จากกล้อง demo ซึ่งไฟล์ค่อนข้างกลางๆ ไม่เตะตา เปิดโอกาสให้แต่งภาพเยอะ ในเวอร์ชั่นขายจริง ซัมซุงอาจจะตัดสินใจรีดกำลังไฟล์ภาพโดยแต่งภาพมาให้เสร็จตั้งแต่ในกล้องก็ได้ เพื่อเอาใจผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการภาพที่สวยสำเร็จรูป ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นข้อดีข้อนี้ก็จะหายไป
สรุปโดยรวมเรื่องภาพ
กล้องของ S6/Edge ถ่ายภาพออกมาได้ดีมาก ถ่ายในที่แสงน้อยได้คุณภาพดีจริง ระบบกล้องฉลาดมากพอที่จะจัดการค่าต่างๆ ในการถ่ายภาพได้โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปเลือก หรือตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย
รายละเอียดดี ความคมชัดสูง สีสันออกมากำลังดี ช่วงการรับแสง การไล่โทนดี
เนื่องจากเป็นการทดสอบระยะสั้น และไม่มีตัวเปรียบเทียบ ผมเลยไม่สามารถบอกได้ว่าเทียบกับคู่แข่งแล้วจะเป็นอย่างไร อันนี้ถ้ามีการทดสอบกันเต็มรูปแบบน่าจะบอกได้
เท่าที่ผมบอกได้ตอนนี้คือมันทำได้เหนือกว่าที่ผมคาดไว้ไปเยอะ
อีกเรื่องนึง Galaxy S6/S6 Edge มีระบบชาร์จไฟไร้สายในตัว ไม่ต้องใส่เคสพิเศษ สามารถชาร์จในรถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นได้ อย่าง Camry ใหม่ หรือ Lexus NX300 ผมไม่ได้ทดลองชาร์จนะฮะ เอาไปวางท่าทำเท่เจ๋ยๆ
ช่องรับแสง f/1.9 นี่มันช่วยได้เยอะจริงๆ เวลาถ่ายในสภาพแสงน้อยอย่างในรถเนี่ย
รูปร่างหน้าตา การใช้งาน จับถือในฐานะ "กล้องถ่ายภาพ"
ในตอนแรกผมคิดว่า S6 จะจับถนัดกว่า เพราะมันถือได้เต็มมือดี แต่หลังจากใช้อยู่สัก 2 ชั่วโมง ผมว่าผมจับ S6 Edge ได้ถนัดกว่ารุ่นธรรมดาแฮะ ตรงมุมแหลมของมันล็อกเข้ากับข้อนิ้วทำให้ไม่ค่อยลื่น ไม่เหมือน S6 ที่พยายามจะดิ้นหนีอยู่ตลอดเวลา ถือนานๆ แล้วเมื่อยนิ้ว
สีขาวดูงั้นๆ สีดำสวยกว่ามาก มีเหลือบสีน้ำเงินด้วยในบางมุมมอง ได้ข่าวว่าสีเขียว กับสีทองสวยกว่านี้อีกตะหาก
วัสดุดี การประกอบแน่นหนาดี ดูเป็นโทรศัพท์ดีมีราคา และไม่ว่าจะเห็นรูปมันมาจากไหน คิดว่าสวยหรือไม่ ผมว่าตัวจริงของมันสวยกว่าในรูปมากๆ ผมเห็นในรูปแล้วเฉยๆ แต่พอเห็นตัวจริง เส้นสาย รูปทรงของมันสวยงามลงตัวมาก
จอชัด สีสันสดใส ละเอียดเนียนตา
การทำงานในฐานะกล้องถ่ายภาพ ทำได้รวดเร็วไม่แพ้ไอโฟน หยิบออกจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกดปุ่ม Home 2 ที โดยไม่ต้องดูจอ พอยกมาอยู่ในมือแล้วมันจะพร้อมถ่ายภาพทันที ทำให้มันเป็น "กล้องถ่ายภาพ" ที่ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว คล่องตัว เร็วกว่า iPhone 5 ที่ผมใช้อยู่จังหวะนึง ตรงที่ไอโฟนต้องกดปุ่มทีนึงแล้วขยับนิ้วปัดขึ้น แต่ S6 กดสองทีไม่ต้องขยับนิ้ว
ผมยังสงสัยอยู่ว่าเวลาใช้งานจริง การกดสองทีเปิดกล้องมันจะดีหรือเปล่า เพราะผมกลัวว่ามันจะเปิดกล้องค้างไว้โดยไม่ตั้งใจ เวลามีอะไรไปโดนปุ่ม Home เวลาใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง เอาไว้ถ้าได้มาทดสอบใช้งานจริงระยะยาวจะเล่าให้ฟังอีกที
ตอนนี้ในเรื่องกล้อง บอกได้ว่าดีจริง ซัมซุงทำได้อย่างที่คุยไว้
ภาพเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10206666409367549.1073741974.1492667919&type=1&l=62f0dbd259