ไหนๆก็ตอนสุดท้าย ในฐานะแฟนเรื่องนี้ ก็ขออนุญาตทำกระทู้สปอลย์นะครับ
หลังจากคำประกาศของ
องค์หญิงจักรพรรดินีคนใหม่ของ VERS ในตอนก่อน ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบรรดาอัศวินจริงๆ บ้างก็ตกใจ บ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็ทำตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือบรรดาอัศวินหยุดการบุกไว้ก่อน เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนของคำสั่ง แม้แต่บาโรครูซกับฮาร์คไลท์ที่อยู่ในแนวหน้าก็ถอนตัวกลับฐาน
อย่างไรก็ตาม กองทัพของ VERS ที่ประจันหน้ากับกองทัพโลกที่ดวงจันทร์กลับยังไม่หยุดยิงตามคำสั่งของอัสเซลัม ซึ่งกองทัพโลกเองก็ไม่มีคำสั่งหยุดยิงเช่นกัน
สเลนที่ทำเป็นไม่รับรู้คำสั่ง ยอมรับว่าคาดการณ์ไม่ถึง แต่ขณะที่เดินออกจากห้องบัญชาการ เจ้าหญิงเลมริน่าก็เสนอว่า ตราบใดที่ยังมี"สิทธิ"ในการใช้ aldnoah อยู่ ก็ยังสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ตัวเธอเองจะไม่ไปไหน เพราะที่นี่เป็นที่เดียวที่เธอเรียกว่าบ้านได้ (เลมริน่ากำลังเสนอให้สเลนไปตั้งหลักก่อน โดยเอาตนเองซึ่งมีสิทธิเหนือพลัง aldnoah ไปด้วยนั่นเอง)
สเลนขอบคุณเลมริน่า ขณะที่เดินไปพูดคุยด้วยกัน สเลนได้พูดว่า ระหว่างที่ตนได้ออกไปข้างนอก ได้เห็นอนาคตมากมาย ทั้งดีและร้าย เขาเคยคิดว่าตัวเองคาดการณ์ถึงอนาคตได้ หลายอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ แต่เขาล้มเหลวในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในที่สุด สเลนตัดสินใจจะทิ้งฐานทัพ โดยให้บาโรครูซและฮาร์คไลท์พร้อมทั้งกองทัพของตัวเองที่เหลืออยู่คุ้มกันยานของเจ้าหญิงเลมริน่าออกจากฐาน ส่วนตัวสเลนเองนั้นกลับเข้าไปในฐานพร้อมทั้งกดปุ่มระเบิดทำลายฐานทัพ ก่อนจะยังคงยืนอยู่ภายในไม่ไปกับคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ฮาร์คไลท์กับหน่วยstygis กลับวกกลับมาสู้กับกองทัพโลกอีกครั้งโดยไม่ฟังเสียงห้ามของสเลน สเลนที่กำลังจะวิ่งออกไปช่วยก็บังเอิญได้เห็นหุ่นสีส้มในแนวรบที่พุ่งเข้ามาใกล้ฐาน เจ้าตัวจึงตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้จบแค่นี้ ยังมีบางอย่างที่ตนสามารถทำได้อยู่ ก่อนจะขึ้นขับTharsis ออกไปปะทะกับอินาโฮะ
ทั้งคู่ปะทะกันอย่างดุเดือด อินาโฮะใช้ลูกเล่นใหม่ของหุ่นคือสลิงจำนวนที่ติดเข้ามาเพิ่ม+เพลต จนทำความเสียหายให้กับระบบจอภาพของTharsisและทำให้สเลนต้องปิดระบบจำลองภาพอนาคตลงได้ แต่อินาโฮะก็ไม่สามารถใช้ตาคอมพิวเตอร์ของตนได้ต่อเช่นกัน
ในระหว่างการแลกเปลี่ยนบทสนทนาสั้นๆ สเลนได้พูดว่า อินาโฮะคงไม่ได้มาหาตนเพียงเพื่อขอให้ยอมแพ้หรอกมั้ง? ซึ่งอินาโฮะได้ตอบกลับว่าตนเองมีเป้าหมายอื่นอยู่ ในท้ายสุด สเลนได้พุ่งเข้าใส่อินาโฮะอีกครั้งพร้อมพูดว่า ตัวเขานั้นไม่ต้องการอนาคตอีกต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ฮาร์คไลท์และกองทัพstygisได้ปะทะกับหุ่นของโลกและดิวคาเลี่ยนอย่างดุเดือด บาโรครูซซึ่งกลับมาช่วยต้องดวลกับไรเอย์และอิงโกะ ส่วนฮาร์คไลท์ต้องสู้กับยูกิและมาริโตะที่ได้รับการสนับสนุนจากดิวคาเลี่ยนด้วย
ระหว่างนั้น อินาโฮะกับสเลนได้เปลี่ยนอาวุธหุ่นเป็นดาบ ดวลกันในระยะประชิด อินาโฮะเตือนสเลนว่าสู้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ และไม่ควรยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง แต่สเลนบอกปัดอินาโฮะว่า นี่คือสิ่งที่ตนต้องการที่สุด ทั้งคู่สู้กัน บินผ่านปราสาทของมาซูเร็คที่อัสเซลัมมองอยู่อย่างเป็นห่วง จนกระทั่งได้แลกหมัดเต็มๆกันในที่สุดและหุ่นเสียหายทั้งคู่
ทางด้านฮาร์คไลท์ บาโรครูซ และหน่วย stygis ที่เหลือได้รับความเสียหายพอสมควรได้หลบฉากออกมา บาโรครูซเอ่ยปากชมกองทัพโลกว่าไม่เลว ซึ่งฮาร์คไลท์ตอบว่า แน่นอน เพราะเป็นสถานที่ที่ท่านสเลนเกิดมานี่นา และทั้งหมดก็ตัดสินใจบินกลับเข้าสู่สนามรบเป็นครั้งสุดท้าย
Tharsis ที่เสียหายได้ตกลงสู่เขตแรงดึงดูดของโลก ทว่าอินาโฮะได้จับหุ่นของเสลนเอาไว้ และบอกว่าจะใช้หุ่นของตนทำหน้าที่เป็นร่มชูชีพให้เอง สเลนไม่เชื่อว่าจะทำได้และเตือนว่าหุ่นจะไหม้หมด อินาโฮะจึงพูดว่าให้รอดูละกัน
บนพื้นโลกที่ชายหาดแห่งหนึ่ง สเลนที่คลานขึ้นมาได้ ถูกอินาโฮะเล็งปืนใส่ แต่แม้ว่าสเลนจะยิ้มและชี้ให้อินาโฮะยิงตนเอง อินาโฮะก็ไม่ลั่นไก และในที่สุดหน่วยช่วยเหลือก็มาถึง
เวลาผ่านไป...(ส่วนตัวเดาว่าคงไม่กี่เดือนหลังเหตุการณ์นะครับ)
ทุกคนที่แยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง กำลังกลับมาเจอกันในพิธีเปิดเตาปฏิกรณ์ aldnoah อีกครั้ง
- โลกได้จัดพิธีเปิดการใช้งานเตาปฏิกรณ์ aldnoah เครื่องแรก ซึ่งอัสเซลัมจะมาเปิดใช้งานด้วยตัวเอง การที่อัสเซลัมมาโลกครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเจรจากับอัศวินบางคนทีไม่รับคำสั่ง และยังคงยึดครองดินแดนบนโลกบางส่วนอยู่ด้วย
- งานวิจัยเพื่อมอบสิทธิเหนือพลัง aldnoah ให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้งานได้ อยู่ในระหว่างการทดลอง และหากสำเร็จเมื่อไหร่ อุตสาหกรรมที่ใช้ aldnoah จะเริ่มขึ้นและจะช่วยซ่อมแซมโลกที่เสียหายจากสงคราม และในขณะเดียวกัน จะช่วยให้พลเมืองของ VERS สามารถสร้างเมืองหลวงใหม่บนโลกได้ง่ายขึ้นด้วย
- งานวิจัยเกี่ยวกับ aldnoah ของพ่อสเลนได้ถูกนำมาเผยแพร่ และเป็นที่คาดว่าจะสามารถใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้
- สเลนได้ถูกประกาศว่าตายไปแล้ว การตายของเขาได้จบสงครามสองดาว และทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาก้าวเดินในเส้นทางสันติภาพร่วมกันอีกครั้ง
ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่ง...
ทหารนายหนึ่งทำความเคารพอินาโฮะ และให้เขาได้เดินเข้ามาพบกับสเลนที่อยู่ในห้องขังกระจก อินาโฮะพยายามจะเล่นหมากรุกกับสเลนและขอให้สเลนช่วยกินอาหารด้วย สเลนได้ถามถึงตาของอินาโฮะซึ่งได้เอาคอมพิวเตอร์ออกไปแล้ว ก่อนจะพูดต่อว่า..
สเลน: พอได้แล้วมั้ง...ผมหลอกลวง ขโมย เข่นฆ่า เอาเพื่อนพ้องของตัวเองไปสังเวยมากมาย ขอร้องล่ะ..
อินาโฮะ: ไม่ได้ คุณต้องมีชีวิตต่อไปครับ
สเลน(ตะโกน): ...ทำไม ...ทำไมนายถึงช่วยฉันไว้!!
อินาโฮะ: ไม่ใช่ผมหรอก เจ้าหญิงอัสเซลัมต่างหาก
สเลน: !
ในช่วงที่เจอกันสั้นๆบนฐานดวงจันทร์ เจ้าหญิงได้ฝากข้อความไว้กับคอมพิวเตอร์แทนอินาโฮะที่หมดสติ เธอขอร้องให้อินาโฮะช่วยสเลนด้วย ช่วยเขาออกจากความขมขื่นเหล่านี้เสียที
อินาโฮะ: เป็นคำขอของเซลั่มซังให้ช่วยคุณไว้
ขณะที่สเลนกำสร้อยของตัวเองไว้และร้องไห้ อินาโฮะลุกขึ้นและออกจากห้องไปขึ้นรถที่มียูกิรออยู่อย่างเงียบๆ
สเลนที่กำลังเดินกลับห้องขัง มองเห็นนกนางนวลบินผ่านหน้าต่างไป
แคลนไคน์ประหลาดใจในความสวยงามของท้องฟ้าและทะเลที่แผ่กว้างออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด อัสเซลัมจึงพูดขึ้นว่า...
อัสเซลัม: ดูเหมือนว่าท้องฟ้าสีครามที่เห็นนี้จะเป็นผลของสิ่งที่เรียกว่าการกระเจิงแสงของเรย์ลีห์ล่ะค่ะ
แคลนไคน์: รู้ลึกจังเลยนะครับ
อัสเซลัม: ในการมาโลกครั้งที่แล้ว เพื่อนชาวโลกคนหนึ่งได้สอนฉันไว้น่ะ
อัสเซลัม: ...เป็นความทรงจำที่งดงามมากเลยค่ะ
อินาโฮะที่นั่งอยู่ในรถสังเกตเห็นอะไรบางอย่างนอกหน้าต่าง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
สเลนที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มีรอยยิ้มขึ้นมาได้ในที่สุด
- the end -
ความคิดเห็นส่วนตัวเบื้องต้น:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- คิดว่าเป็นตอนจบที่ค่อนข้างน่าพอใจสำหรับผมครับ ไม่ตัดน่าเกลียด มีบทสรุปปมคร่าวๆแต่ค่อนข้างครอบคลุมอยู่ แต่ถ้าได้บทสรุปของตัวละครทุกคนจะดีมาก นี่บางคนยังเป็นปริศนาให้เดากันเองอยู่เลย
- สเลนนนนนนนน เศร้าเกินไปแล้ววววว แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ตาย สุดท้ายคงต้องออกมาได้ล่ะน่า มีคนคิดถึงนายอยู่เยอะนะ
- นอกจากจูบที่ชัดเจนแจ่มแจ๋ว สเลนได้เลือดของราชวงศ์มาตอนไหน ถึงทำให้ใช้ aldnoah ได้?
- เรื่องคู่อวย/คู่จิ้น ผมเป็นกองอวยคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ แต่ผมไม่ได้คาดหวัง"ความโรแมนติกที่จับต้องได้"กับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นอนิเมแนวนี้ เลยไม่ค่อยผิดหวังครับ เอาเป็นว่ายังมีเวลาอีกนาน อนาคตก็ยังไม่แน่นอนละกันครับ LOL
[spoil]Aldnoah.Zero 24(end) ดาวตกที่เคยเห็นในวันนั้น -inherit the stars-
หลังจากคำประกาศของ
องค์หญิงจักรพรรดินีคนใหม่ของ VERS ในตอนก่อน ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบรรดาอัศวินจริงๆ บ้างก็ตกใจ บ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็ทำตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือบรรดาอัศวินหยุดการบุกไว้ก่อน เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนของคำสั่ง แม้แต่บาโรครูซกับฮาร์คไลท์ที่อยู่ในแนวหน้าก็ถอนตัวกลับฐานอย่างไรก็ตาม กองทัพของ VERS ที่ประจันหน้ากับกองทัพโลกที่ดวงจันทร์กลับยังไม่หยุดยิงตามคำสั่งของอัสเซลัม ซึ่งกองทัพโลกเองก็ไม่มีคำสั่งหยุดยิงเช่นกัน
สเลนที่ทำเป็นไม่รับรู้คำสั่ง ยอมรับว่าคาดการณ์ไม่ถึง แต่ขณะที่เดินออกจากห้องบัญชาการ เจ้าหญิงเลมริน่าก็เสนอว่า ตราบใดที่ยังมี"สิทธิ"ในการใช้ aldnoah อยู่ ก็ยังสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ตัวเธอเองจะไม่ไปไหน เพราะที่นี่เป็นที่เดียวที่เธอเรียกว่าบ้านได้ (เลมริน่ากำลังเสนอให้สเลนไปตั้งหลักก่อน โดยเอาตนเองซึ่งมีสิทธิเหนือพลัง aldnoah ไปด้วยนั่นเอง)
สเลนขอบคุณเลมริน่า ขณะที่เดินไปพูดคุยด้วยกัน สเลนได้พูดว่า ระหว่างที่ตนได้ออกไปข้างนอก ได้เห็นอนาคตมากมาย ทั้งดีและร้าย เขาเคยคิดว่าตัวเองคาดการณ์ถึงอนาคตได้ หลายอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ แต่เขาล้มเหลวในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในที่สุด สเลนตัดสินใจจะทิ้งฐานทัพ โดยให้บาโรครูซและฮาร์คไลท์พร้อมทั้งกองทัพของตัวเองที่เหลืออยู่คุ้มกันยานของเจ้าหญิงเลมริน่าออกจากฐาน ส่วนตัวสเลนเองนั้นกลับเข้าไปในฐานพร้อมทั้งกดปุ่มระเบิดทำลายฐานทัพ ก่อนจะยังคงยืนอยู่ภายในไม่ไปกับคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ฮาร์คไลท์กับหน่วยstygis กลับวกกลับมาสู้กับกองทัพโลกอีกครั้งโดยไม่ฟังเสียงห้ามของสเลน สเลนที่กำลังจะวิ่งออกไปช่วยก็บังเอิญได้เห็นหุ่นสีส้มในแนวรบที่พุ่งเข้ามาใกล้ฐาน เจ้าตัวจึงตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้จบแค่นี้ ยังมีบางอย่างที่ตนสามารถทำได้อยู่ ก่อนจะขึ้นขับTharsis ออกไปปะทะกับอินาโฮะ
ทั้งคู่ปะทะกันอย่างดุเดือด อินาโฮะใช้ลูกเล่นใหม่ของหุ่นคือสลิงจำนวนที่ติดเข้ามาเพิ่ม+เพลต จนทำความเสียหายให้กับระบบจอภาพของTharsisและทำให้สเลนต้องปิดระบบจำลองภาพอนาคตลงได้ แต่อินาโฮะก็ไม่สามารถใช้ตาคอมพิวเตอร์ของตนได้ต่อเช่นกัน
ในระหว่างการแลกเปลี่ยนบทสนทนาสั้นๆ สเลนได้พูดว่า อินาโฮะคงไม่ได้มาหาตนเพียงเพื่อขอให้ยอมแพ้หรอกมั้ง? ซึ่งอินาโฮะได้ตอบกลับว่าตนเองมีเป้าหมายอื่นอยู่ ในท้ายสุด สเลนได้พุ่งเข้าใส่อินาโฮะอีกครั้งพร้อมพูดว่า ตัวเขานั้นไม่ต้องการอนาคตอีกต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ฮาร์คไลท์และกองทัพstygisได้ปะทะกับหุ่นของโลกและดิวคาเลี่ยนอย่างดุเดือด บาโรครูซซึ่งกลับมาช่วยต้องดวลกับไรเอย์และอิงโกะ ส่วนฮาร์คไลท์ต้องสู้กับยูกิและมาริโตะที่ได้รับการสนับสนุนจากดิวคาเลี่ยนด้วย
ระหว่างนั้น อินาโฮะกับสเลนได้เปลี่ยนอาวุธหุ่นเป็นดาบ ดวลกันในระยะประชิด อินาโฮะเตือนสเลนว่าสู้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ และไม่ควรยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง แต่สเลนบอกปัดอินาโฮะว่า นี่คือสิ่งที่ตนต้องการที่สุด ทั้งคู่สู้กัน บินผ่านปราสาทของมาซูเร็คที่อัสเซลัมมองอยู่อย่างเป็นห่วง จนกระทั่งได้แลกหมัดเต็มๆกันในที่สุดและหุ่นเสียหายทั้งคู่
ทางด้านฮาร์คไลท์ บาโรครูซ และหน่วย stygis ที่เหลือได้รับความเสียหายพอสมควรได้หลบฉากออกมา บาโรครูซเอ่ยปากชมกองทัพโลกว่าไม่เลว ซึ่งฮาร์คไลท์ตอบว่า แน่นอน เพราะเป็นสถานที่ที่ท่านสเลนเกิดมานี่นา และทั้งหมดก็ตัดสินใจบินกลับเข้าสู่สนามรบเป็นครั้งสุดท้าย
Tharsis ที่เสียหายได้ตกลงสู่เขตแรงดึงดูดของโลก ทว่าอินาโฮะได้จับหุ่นของเสลนเอาไว้ และบอกว่าจะใช้หุ่นของตนทำหน้าที่เป็นร่มชูชีพให้เอง สเลนไม่เชื่อว่าจะทำได้และเตือนว่าหุ่นจะไหม้หมด อินาโฮะจึงพูดว่าให้รอดูละกัน
บนพื้นโลกที่ชายหาดแห่งหนึ่ง สเลนที่คลานขึ้นมาได้ ถูกอินาโฮะเล็งปืนใส่ แต่แม้ว่าสเลนจะยิ้มและชี้ให้อินาโฮะยิงตนเอง อินาโฮะก็ไม่ลั่นไก และในที่สุดหน่วยช่วยเหลือก็มาถึง
เวลาผ่านไป...(ส่วนตัวเดาว่าคงไม่กี่เดือนหลังเหตุการณ์นะครับ)
ทุกคนที่แยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง กำลังกลับมาเจอกันในพิธีเปิดเตาปฏิกรณ์ aldnoah อีกครั้ง
- โลกได้จัดพิธีเปิดการใช้งานเตาปฏิกรณ์ aldnoah เครื่องแรก ซึ่งอัสเซลัมจะมาเปิดใช้งานด้วยตัวเอง การที่อัสเซลัมมาโลกครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเจรจากับอัศวินบางคนทีไม่รับคำสั่ง และยังคงยึดครองดินแดนบนโลกบางส่วนอยู่ด้วย
- งานวิจัยเพื่อมอบสิทธิเหนือพลัง aldnoah ให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้งานได้ อยู่ในระหว่างการทดลอง และหากสำเร็จเมื่อไหร่ อุตสาหกรรมที่ใช้ aldnoah จะเริ่มขึ้นและจะช่วยซ่อมแซมโลกที่เสียหายจากสงคราม และในขณะเดียวกัน จะช่วยให้พลเมืองของ VERS สามารถสร้างเมืองหลวงใหม่บนโลกได้ง่ายขึ้นด้วย
- งานวิจัยเกี่ยวกับ aldnoah ของพ่อสเลนได้ถูกนำมาเผยแพร่ และเป็นที่คาดว่าจะสามารถใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้
- สเลนได้ถูกประกาศว่าตายไปแล้ว การตายของเขาได้จบสงครามสองดาว และทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาก้าวเดินในเส้นทางสันติภาพร่วมกันอีกครั้ง
ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่ง...
ทหารนายหนึ่งทำความเคารพอินาโฮะ และให้เขาได้เดินเข้ามาพบกับสเลนที่อยู่ในห้องขังกระจก อินาโฮะพยายามจะเล่นหมากรุกกับสเลนและขอให้สเลนช่วยกินอาหารด้วย สเลนได้ถามถึงตาของอินาโฮะซึ่งได้เอาคอมพิวเตอร์ออกไปแล้ว ก่อนจะพูดต่อว่า..
สเลน: พอได้แล้วมั้ง...ผมหลอกลวง ขโมย เข่นฆ่า เอาเพื่อนพ้องของตัวเองไปสังเวยมากมาย ขอร้องล่ะ..
อินาโฮะ: ไม่ได้ คุณต้องมีชีวิตต่อไปครับ
สเลน(ตะโกน): ...ทำไม ...ทำไมนายถึงช่วยฉันไว้!!
อินาโฮะ: ไม่ใช่ผมหรอก เจ้าหญิงอัสเซลัมต่างหาก
สเลน: !
ในช่วงที่เจอกันสั้นๆบนฐานดวงจันทร์ เจ้าหญิงได้ฝากข้อความไว้กับคอมพิวเตอร์แทนอินาโฮะที่หมดสติ เธอขอร้องให้อินาโฮะช่วยสเลนด้วย ช่วยเขาออกจากความขมขื่นเหล่านี้เสียที
อินาโฮะ: เป็นคำขอของเซลั่มซังให้ช่วยคุณไว้
ขณะที่สเลนกำสร้อยของตัวเองไว้และร้องไห้ อินาโฮะลุกขึ้นและออกจากห้องไปขึ้นรถที่มียูกิรออยู่อย่างเงียบๆ
สเลนที่กำลังเดินกลับห้องขัง มองเห็นนกนางนวลบินผ่านหน้าต่างไป
แคลนไคน์ประหลาดใจในความสวยงามของท้องฟ้าและทะเลที่แผ่กว้างออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด อัสเซลัมจึงพูดขึ้นว่า...
อัสเซลัม: ดูเหมือนว่าท้องฟ้าสีครามที่เห็นนี้จะเป็นผลของสิ่งที่เรียกว่าการกระเจิงแสงของเรย์ลีห์ล่ะค่ะ
แคลนไคน์: รู้ลึกจังเลยนะครับ
อัสเซลัม: ในการมาโลกครั้งที่แล้ว เพื่อนชาวโลกคนหนึ่งได้สอนฉันไว้น่ะ
อัสเซลัม: ...เป็นความทรงจำที่งดงามมากเลยค่ะ
อินาโฮะที่นั่งอยู่ในรถสังเกตเห็นอะไรบางอย่างนอกหน้าต่าง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
สเลนที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มีรอยยิ้มขึ้นมาได้ในที่สุด
- the end -
ความคิดเห็นส่วนตัวเบื้องต้น:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้