เราเพิ่งได้ดู Ep.6 ในยูทูป เห็นพี่ปุ๊ตีกลองระบายอารมณ์แล้วมีความสุข เพราะได้เห็นส่วนผสมใหม่ๆ
ละครตลาด ใช้ plot (ที่เรียกกันว่า) น้ำเน่าอย่าง sincere ไม่กระมิดกระเมี้ยน แต่ผู้กำกับและทีมงานทำฉากนี้ได้มี life style มาก
ไม่รู้สิพูดยาก เราก็บอกไม่ถูกแต่จะพยายาม
อย่างละครเกาหลี เรามองว่าต่างจากของบ้านเราตรงนี้เป็นสำคัญ คือโดยทั่วไปเขาก็เล่นกับ basic plot ไม่ต่างจากบ้านเรานัก
(พระเอกรวยนางเอกจน เงื่อนไขพินัยกรรม คู่รักจับพลัดจับผลู สัญญาแต่งงานหลอกๆ ทายาทที่หายไป พระเอกล้างแค้นนางเอกเพราะเข้าใจผิด
แฝดสลับตัว ฯลฯ) แต่เขาตกแต่งรายละเอียดให้ตัวละครมี life style ใกล้เคียงคนในชีวิตจริง เช่น
นางเอกเป็นกองบรรณาธิการในสำนักพิมพ์กระจอกๆ เราก็ได้เห็นเธอเจาะกล่องนมเดินดูดริมฟุตบาทข้างตึกที่ทำงาน
กลางวันก็ลงมาซื้อของในร้านสะดวกซื้อใต้ตึกออฟฟิศ คนเคยทำงานออฟฟิศในตึกอย่างเราเห็นแล้วก็...เออใช่
รายละเอียดที่ดูง่ายๆ แบบนี้แหละที่ละครบ้านเราไม่ค่อยทำ ของเราส่วนใหญ่จะดูละครๆ คือคนในละครเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ
เราเคยเห็นบางเรื่องทำนะ แต่มันยังไม่เนียนยังดูกลวงอยู่
โอเค มันอาจจะไม่มากมายเพราะเล่ห์รตีไม่ได้เล่นกับอาชีพของตัวละคร
แต่อย่างน้อยทุกอย่างในฉากนี้ก็ดูเข้ากับตัวละครที่เป็นสถาปนิกหนุ่ม มี life style แบบคนเมืองมีอาชีพทางศิลปะ
ตัวเองเป็นนักออกแบบมีเพื่อนเป็นนักดนตรีในผับที่เล่นดนตรีสด นึกภาพได้เลยว่าสมัยวัยรุ่นใส่ชุดนักเรียนขาสั้นพี่ปุ๊อาจเคยตั้งวงกับเพื่อนกลุ่มนี้
นักแสดงประกอบที่เป็นเพื่อนในวงก็หามาดูเป็นนักดนตรี ลีลาการร้องการเล่นและเพลงก็เข้ากับทุกสิ่งที่กล่าวมา
คนมาเที่ยวยังดูเข้ากันเลย ไม่เหมือนจับใครก็ได้มาเข้าฉากให้ผ่านๆ ไป
ถ้าทีมงานบังเอิญได้มาเห็น comment นี้ เราอยากจะบอกว่าในฐานะคนดูคนหนึ่ง
เท่าที่เคยเห็น...ค่ายละครยักษ์ใหญ่ของช่องที่ครองความเป็นเจ้าละครตลาดมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยทำส่วนผสมนี้ได้
(เพราะเขาอาจไม่คิดจะทำ หรืออยากทำแต่ทำไม่ได้ หรือเคยมีแต่เราไม่เห็นเอง ก็ไม่รู้นะ)
อ้อ! ที่ยกตัวอย่างละครเกาหลี ไม่ได้จะบอกว่าเขากับเราใครเก่งกว่ากันนะ แค่อยากชี้ในประเด็นที่เราเห็นว่าบ้านเขาทำได้ดี
และพอเห็นส่วนดีนี้ในละครบ้านเราบ้าง แม้พอหอมปากหอมคอก็ดีใจตามประสาคนชอบละครเท่านั้นเอง
เพิ่งดูฉากพี่ปุ๊ตีกลองในเล่ห์รตี อยากจะบอกว่าละครตลาดก็...
ละครตลาด ใช้ plot (ที่เรียกกันว่า) น้ำเน่าอย่าง sincere ไม่กระมิดกระเมี้ยน แต่ผู้กำกับและทีมงานทำฉากนี้ได้มี life style มาก
ไม่รู้สิพูดยาก เราก็บอกไม่ถูกแต่จะพยายาม
อย่างละครเกาหลี เรามองว่าต่างจากของบ้านเราตรงนี้เป็นสำคัญ คือโดยทั่วไปเขาก็เล่นกับ basic plot ไม่ต่างจากบ้านเรานัก
(พระเอกรวยนางเอกจน เงื่อนไขพินัยกรรม คู่รักจับพลัดจับผลู สัญญาแต่งงานหลอกๆ ทายาทที่หายไป พระเอกล้างแค้นนางเอกเพราะเข้าใจผิด
แฝดสลับตัว ฯลฯ) แต่เขาตกแต่งรายละเอียดให้ตัวละครมี life style ใกล้เคียงคนในชีวิตจริง เช่น
นางเอกเป็นกองบรรณาธิการในสำนักพิมพ์กระจอกๆ เราก็ได้เห็นเธอเจาะกล่องนมเดินดูดริมฟุตบาทข้างตึกที่ทำงาน
กลางวันก็ลงมาซื้อของในร้านสะดวกซื้อใต้ตึกออฟฟิศ คนเคยทำงานออฟฟิศในตึกอย่างเราเห็นแล้วก็...เออใช่
รายละเอียดที่ดูง่ายๆ แบบนี้แหละที่ละครบ้านเราไม่ค่อยทำ ของเราส่วนใหญ่จะดูละครๆ คือคนในละครเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ
เราเคยเห็นบางเรื่องทำนะ แต่มันยังไม่เนียนยังดูกลวงอยู่
โอเค มันอาจจะไม่มากมายเพราะเล่ห์รตีไม่ได้เล่นกับอาชีพของตัวละคร
แต่อย่างน้อยทุกอย่างในฉากนี้ก็ดูเข้ากับตัวละครที่เป็นสถาปนิกหนุ่ม มี life style แบบคนเมืองมีอาชีพทางศิลปะ
ตัวเองเป็นนักออกแบบมีเพื่อนเป็นนักดนตรีในผับที่เล่นดนตรีสด นึกภาพได้เลยว่าสมัยวัยรุ่นใส่ชุดนักเรียนขาสั้นพี่ปุ๊อาจเคยตั้งวงกับเพื่อนกลุ่มนี้
นักแสดงประกอบที่เป็นเพื่อนในวงก็หามาดูเป็นนักดนตรี ลีลาการร้องการเล่นและเพลงก็เข้ากับทุกสิ่งที่กล่าวมา
คนมาเที่ยวยังดูเข้ากันเลย ไม่เหมือนจับใครก็ได้มาเข้าฉากให้ผ่านๆ ไป
ถ้าทีมงานบังเอิญได้มาเห็น comment นี้ เราอยากจะบอกว่าในฐานะคนดูคนหนึ่ง
เท่าที่เคยเห็น...ค่ายละครยักษ์ใหญ่ของช่องที่ครองความเป็นเจ้าละครตลาดมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยทำส่วนผสมนี้ได้
(เพราะเขาอาจไม่คิดจะทำ หรืออยากทำแต่ทำไม่ได้ หรือเคยมีแต่เราไม่เห็นเอง ก็ไม่รู้นะ)
อ้อ! ที่ยกตัวอย่างละครเกาหลี ไม่ได้จะบอกว่าเขากับเราใครเก่งกว่ากันนะ แค่อยากชี้ในประเด็นที่เราเห็นว่าบ้านเขาทำได้ดี
และพอเห็นส่วนดีนี้ในละครบ้านเราบ้าง แม้พอหอมปากหอมคอก็ดีใจตามประสาคนชอบละครเท่านั้นเอง