บ่นเรื่องของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเนื้อหากระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรกผมนั่งพิมพ์ไปกว่า เจ็ดพันตัวอักษร(มันส์พะยะค่ะ) ในขณะที่กำลังทำงานในคอมอยู่นั่น ผมต้องใช้คีย์บอร์ดถึง 2 ชุดด้วยกัน สลับเลื่อนมือขึ้นลงไป ดันไปโดนคลิกซ้ายของจอที่พิมพ์นี้ตอนไหนไม่รู้ สับกลับมาหน้าเดิมเห็นมีข้อความผิด ก็เลยไปกดลบตัวอักษร แต่เพราะเคอเซอร์มันไม่ได้อยู่ในกรอบพิมพ์ ปุ่มแบล็คสเปชเลยกลายเป็นปุ่มย้อนกลับไปหน้าที่แล้วแทน T-T (เสียใจ) แต่สู้ๆ เพื่อที่จะได้เห็นความคิดเห็นอื่นๆตอบกลับมา
เข้าเรื่อง
ผมเห็นผ่านๆในเพจของเฟสบุคที่แชร์กันมา เดิมทีแล้ว Stop Xam ผมเห็นจากหลายคลิปที่เปิดดู ว่าภาษาอังกฤษเข้าเขียนแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วผมเปิดดูครั้งแรกมันเป็นภาษายูเครน(กูเกิลช่วยผมไว้) ซึ่งใช้ข้อความ
Стопхам แปลเป็นไทยว่า
Stopham... อ่ะเระ ไม่มีแปลไทยเหรอฟะ ออกมาเป็นอังกฤษเฉยเลย
ผมให้ความสนใจเพราะนี่ไม่ใช้การลองใจที่เคยมีคลิปสร้างสถานการณ์ ทำของตก และดูว่าคนที่เห็นจะเก็บคืนหรือจะเก็บไป
อันนี้เกิดจากเรื่องจริงที่ไม่ต้องมาสร้างสถานการณ์ รถที่ตั้งใจวิ่งนอกถนน เจอคนเดินคนก็ต้องหลบ ไม่ก็บีบแตรไล่ แสดงถึงความทรามของคนขับ
ผมนั่งดูเยอะมาก ทั้งมีแบบแยกและรวมเป็นคลิปเดียว ซ้ำบ้าง อะไรบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ดูแบบจดจ่อ เพราะทำงานอยู่ด้วย เปิดผ่านๆไป ส่วนไหนที่มันซ้ำก็ไม่ได้กรอข้าม
ผมจับใจความได้ว่า
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังพยายามทวงคืนพื้นที่ทางเท้าที่ถูกรุกรานโดยรถต่างๆ ซึ่งการกระทำของเขาคือ ยืนอยู่บนทางเดินเท้า และเมื่อมีรถมอไซค์ หรือรถยนต์ผ่านมา เขาก็จะเดินไปขวางทันที หากเป็นคนทั่วไป ก็จะต้องหลบให้รถผ่าน แม้จะต้องลงไปเหยียบโคลนก็ตาม(ตอนฝนตก)
เขามักจะถ่ายป้าย ห้ามจอด ป้ายให้คนข้ามถนน เสมอๆกับการถ่ายรถที่วิ่งมาบนทางเดิน รวมถึงคนที่ต้องเดินบนทางเท้าอย่างยากลำบาก คือวีดีโอผมเปิดดูเยอะนะครับ ใครที่อ่านแล้วงงว่า ไม่เห็นมีอย่างที่บอกเลย เอ่อ ที่จริง ผมนั่งเปิดมันทิ้งไว้กว่า 4ชั่วโมงแล้วนะครับ ทั้งซ้ำทั้งใหม่ และบางทีผมก็เห็นแค่ครั้งเดียว ไม่เคยเห็นลงซ้ำก็เยอะ
ส่วนของคนเดินที่ผมเห็นว่าเดินลำบาก หรือต้องหลบรถคือ รถจอดบนทางเดินเท้า แบบว่า รถพาดทับทางเดินเท้าหมด แล้วหน้าที่หน้าจอดชิดนั้น ไม่มีทางเหลือให้เดิน แถมเป็นกำแพงที่ดูเหมือนติดสวนสาธรณะ กำแพงสูงประมาณ เมตรครึ่ง คนต้องไปเดินข้างบนพร้อมกับจับราวที่สูงกว่านั้นอีกหน่อย แล้วเดินไป
ไหนจะเป็นทางที่ให้คนข้ามถนน แต่รถมันติด เขาก็เลยวิ่งทับทางที่ให้คนเดิน เพื่อลัดข้ามไปอีกฝั่งแบบไม่ผ่านตรงกลางแยก
และเมื่อรถถูกขวางหรือไม่ให้ผ่าน โดยที่คนขับทำท่าทางไม่พอใจเหมือนว่าทำอยู่ประจำ แล้วทำไมวันนี้ถึงเจออะไรแบบนี้ ก็เกิดมีปากเสียง จนถึงขั้นใช้ความรุนแรง บางครั้งก็มีการชักปืนออกมา แน่นอนว่า กลุ่มคนพวกนี้ไม่เคยที่จะใช้ความรุนแรกก่อนเลยสักครั้ง
แต่ต้นเหตุของการทะเลาะกันไม่ได้เกิดจากคนขับรถแต่เกิดจากการที่ คนขับรถได้ทำผิดกฏจราจร แล้วกลุ่มคนเหล่านี้ได้แสดงออกโดยการ
1.เตือน ไล่ให้ถอยหลังกลับไป
2.หากยังไม่ยอมถอยและพยายามจะผ่านไปให้ได้ ก็จะยืนขวางรถไว้ หรือถ้ารถหักหลบเพื่อจะวิ่งไปข้างหน้าก็จะตามไปขวาง(ถึงแม้ว่าอีก 30 เมตรจะเป็นทางตัดเข้าถนน เขาก็ไม่ปล่อยให้ไป)
3.หากไม่ฟังจะติดสติ๊กเกอร์หน้ากระจก ขนาดใหญ่โดยถ้าติดต่อกัน 2 แผ่นก็บังกระจกหน้ารถไป70% เลย
4.แปะสติ๊กเกอร์กับรถที่จอดอยู่ในที่ห้ามจอด เช่นทับทางเท้า หรือมีป้ายห้ามจอด
หลังจากที่ไม่สามารถขับไปได้ คนขับรถไม่พอใจ เช่นว่า(แปลเป็นความหมายจากที่เห็นเลยนะครับ ผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่เข้าใจถึงอารมณ์ที่เขาคุยกัน)
คนขับ : ดู นั่นเห็นมั้ย รถ
อย่างติด จะให้ผมไปขับตรงนั้นเหรอ?
คนขับ : ดูนี่ เวลานัดของผม มันใกล้จะถึงเวลาแล้ว ผมรีบมาก หากผมไปไม่ทันนัด คุณจะรับผิดชอบไหม?
คนขับ : ดูตรงนั้น ผมจะไปตรงนั้น ใกล้แค่นี้เองคุณก็เห็น
คนขับ : ผิดแล้วไง กุจะขับตรงนี้
และอีกมากมายที่เป็นข้ออ้างของคนขับ เรียกว่าข้ออ้าง เพราะมัน ผิด!!
ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรคนเหล่านี้ก็ไม่ยอมให้ไปจนเกิดเรื่อง บางครั้งผมก็คิดว่า เออ ดักได้น่าโมโหดี เพราะต้นทางไกลๆโน้น มันไม่ขวาง มันมาขวางปลายทาง โดยส่วนตัวผมดูแล้วก็สะใจดี ถึงจะเป็นการจงใจก็ตาม เพราะถ้ามันไม่อยากให้ขึ้นมาบนทางเท้าจริงๆ ดักต้นทางเลยก็ได้
แต่ไม่ใช่ว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะทำถูกทุกครั้งไป เพราะมีบางครั้งที่ใช้ความรุนแรง แต่แน่นอน เป็นการสวนกลับ จะมากจะน้อย แล้วแต่คนขับมีฤิทธิ์เยอะแค่ไหน เรื่องชกต่อยจึงเป็นเรื่องปกติ ที่หนักขึ้นมาหน่อยก็คือ คนขับ เอาไม้ มีด ปืน และระเบิดมาขู่ ส่วนที่รุนแรงจริงๆ ผมเห็นอยู่คลิปนึงที่คนขับ มากับเพื่อน แล้วหยิบไม้เบสบอล ไปตีคนที่แปะสติ๊กเกอร์ แต่ทีมงานเยอะกว่า จึงแย่งไม้เบสบอลมาได้ ทีมงานที่เหลือก็นัวเนียไปล็อกตัวคนขับและเพื่อนคนขับ ทีมงานที่ได้ไม้เบสบอลมา คงเห็นว่ารถมันเก่า และคงอารมณ์ขึ้น ก็เลยฟาดกระจกรถรอบด้าน พร้อมตีกระจกข้างพัง แล้วก็ฟาดรถแถมไปด้วย
ในหลายๆครั้งก็มีตำรวจผ่านมา และทุกครั้ง คนขับก็โดนเรียกไป เพราะรถมันอยู่บนทางเดินเท้าไม่ก็ทีห้ามจอด!!
มีครั้งนึงที่ผมเห็นว่า ผู้หญิง 2 คน มีปัญหากับคนกลุ่มนี้ ทะเลาะกันอยู่นาน จนกระทั่ง ผู้หญิงที่มากับรถ คงจะเห็นตำรวจมาพอดี ก็เลย ลากทีมงานไปคนนึง แล้วก็ดึงทีมงานคนนั้นเข้าไปใกล้ จะให้ทับตัวเอง แล้วก็ร้องกรี๊ดให้ช่วย(สุดยอดเลย
คิดทันได้ไง) แล้วทีมงานก็โดนตำรวจลากไปโดยที่ยังไม่ได้ดูวีดีโอ(ฮา)
ทั้งยังมีเรื่องชกต่อยกัน แล้วคนขับมันก็ไปแจ้งตำรวจ คนแก๊งนี้มันก็อยู่ที่เดิม ประมาณว่าจุดนั้นมันมักจะมีคนมาจอดรถซ้อนคัน หรือจอดรอชั่วคราวจนทำให้รถติดบ่อย มันก็ไปลากตำรวจมาจับ ประมาณว่าถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้น มันก็เลยเอากล้องที่ถ่ายให้ดู แล้วคนขับก็โดนเรียกขึ้นรถตำรวจ ผมนี่ฮาเลย
ไม่ว่าจะรถตำรวจ ดารา รถพยาบาล มันขวางหมด ถ้าจอดที่ๆห้ามจอดก็ติดสติ๊กเกอร์ ยกเว้นรถตำรวจ และรถพยาบาลที่กำลังทำงาน ที่เปิดไซเรนวิ่งมา ก็มีถ่ายติดมาด้วย เขาก็หลบให้ทันที
บ่น ไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมมองย้อนมาที่ตัวเอง ผมอยู่ที่ต่างจังหวัด ภาพรถวิ่งบนฟุตบาทเลยไม่ค่อยได้เห็น แต่เมื่อผมไป กทม มันฮาร์ดคอในทันที
ผมไม่ค่อยได้ไปไหนไกลๆจากที่พัก ผมมักจะมีนิสัยเดินโซเซ ตอนที่เห็นว่าข้างหน้ามันโล่ง ไม่มีมอไซค์สวนมา แต่ไม่ใช่ข้างหลัง รถปัจจุบันมันก็เงียบเหลือเกิน ถ้าเป็นคนข้างหลังเดินมาเร็วกว่า ก็จะยังพอรู้สึกตัวแล้วหลบให้ได้ แต่มอไซค์มาเร็ว คงจะอยู่ในอารมณ์(ผมคิดแทน) ว่า "ไอนี่มันเดินตรงนี้ เดียวเอียงซ้ายหลบมันก็แล้วกัน" และผมก็เอียงไปซ้ายตามแรงเดิน และไม่คิดจะออกแรงเพื่อต้านน้ำหนักมาก ก็จะออกไปทางการเดินเซๆ จากนั้นก็มีเสียงล้อลาก ผมหันกลับไป แต่รถก็มาสัมผัสผมพอดี ไม่คิดว่าจะมีรถมอไซค์มาอยู่ข้างหลัง กะว่าจะหันไปดูเรื่องจริงผ่านถนน(เรื่องของชาวบ้าน)สักหน่อย
หลังจากที่รถหยุด ผมก็สบตากับคนขี่มอไซค์สักพัก ก็มีประโยคชวนงงขึ้นมาจากคนขี่ว่า "ทำไมไม่เดินให้มันดีๆ!" ทันใดนั้น สมองผมทำงานเพื่อหาข้อสรุปที่ผมกลายเป็นคนผิด ผมที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ระหว่างคิดหาข้อสรุป มอไซค์ก็ขี่ออกไป สมองผมเลยคิดอีกเรื่องขึ้นมาก่อนคือ "แล้วคำขอโทษของกุอ่ะ ยังไม่ได้เลยเฟ้ย กลับมาขอโทษกุก่อนสิฟะ"
จะด้วยเหตุผลอะไร ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเวลา แต่คนเราเริ่มไม่มีจิตสำนึกในการขับขี่ แม้แต่ผู้บังคับใช้กฏหมายยังทำผิดกฏ แถวๆที่ผมอยู่ ใกล้ๆสถานีตำรวจด้วย
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันก็คือศาลเตี้ยดีๆนี่เอง แต่จะสรุปว่าคนขับผิด หรือมีกลุ่มคนติดสติ๊กเกอร์ทำแบบนี้แล้วถูกต้องไหม เพราะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ก็แค่สติ๊กเกอร์แปะกระจกรถแกะยากหน่อยเองนะ แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายการทำแบบนี้ก็ยังคงเป็นความเห็นแก่ตัวของคนขับรถ ไม่ใช่ว่าใกล้คลอดลูก หรือโดนแทงเลือดสาดต้องรีบไปโรงบาล
ทุกข้ออ้างที่เป็นเรื่องของตัวเอง แล้วมาวิ่งผ่านคนพวกนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด แม้ว่าทางแยกตัดถนน จะต้องวิ่งไปอีกแค่ 30 เมตร
ถึงคนขับเอง ก็อาจจะคิดว่า "อะไรวะ เรื่องผิดๆถูกๆ กุเข้าใจแล้ว แต่อีกแค่ 30 เมตร กุก็ออกไปถนนได้แล้ว จะให้กุถอยกลับไปต่อแถวทำไมตั้งเป็นร้อยเมตร กุเข้าใจแล้ว ปล่อยกุไปสักที" (แล้วก็ซัดกันเลย) แต่พวกนี้ก็ไม่ปล่อย เพราะผิดก็คือผิด ซึ่งผมก็ชอบแนวทางนี้เช่นกัน ถ้ามีคนทำแบบนี้ในไทยผมก็อยากจะได้ยืนดูด้วยตาของผมเอง อยากเห็น ว่าจะมีเหตุการณ์แบบไหนเกิดขึ้นบ้าง พวกชอบอ้างจะใช้ความรุนแรงแล้วหนี หรือจะยอมคุยดีๆแล้วไปเรียกพวกมาทีหลัง
Stop Xam ความถูกต้องที่เรียกร้องโดยคนกลุ่มหนึ่ง หรือเป็นแค่ความสนุก(อยากได้ความคิดเห็นจากคนเล่นห้องวิทยาศาสตร์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าเรื่อง
ผมเห็นผ่านๆในเพจของเฟสบุคที่แชร์กันมา เดิมทีแล้ว Stop Xam ผมเห็นจากหลายคลิปที่เปิดดู ว่าภาษาอังกฤษเข้าเขียนแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วผมเปิดดูครั้งแรกมันเป็นภาษายูเครน(กูเกิลช่วยผมไว้) ซึ่งใช้ข้อความ Стопхам แปลเป็นไทยว่า Stopham... อ่ะเระ ไม่มีแปลไทยเหรอฟะ ออกมาเป็นอังกฤษเฉยเลย
ผมให้ความสนใจเพราะนี่ไม่ใช้การลองใจที่เคยมีคลิปสร้างสถานการณ์ ทำของตก และดูว่าคนที่เห็นจะเก็บคืนหรือจะเก็บไป
อันนี้เกิดจากเรื่องจริงที่ไม่ต้องมาสร้างสถานการณ์ รถที่ตั้งใจวิ่งนอกถนน เจอคนเดินคนก็ต้องหลบ ไม่ก็บีบแตรไล่ แสดงถึงความทรามของคนขับ
ผมนั่งดูเยอะมาก ทั้งมีแบบแยกและรวมเป็นคลิปเดียว ซ้ำบ้าง อะไรบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ดูแบบจดจ่อ เพราะทำงานอยู่ด้วย เปิดผ่านๆไป ส่วนไหนที่มันซ้ำก็ไม่ได้กรอข้าม
ผมจับใจความได้ว่า
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังพยายามทวงคืนพื้นที่ทางเท้าที่ถูกรุกรานโดยรถต่างๆ ซึ่งการกระทำของเขาคือ ยืนอยู่บนทางเดินเท้า และเมื่อมีรถมอไซค์ หรือรถยนต์ผ่านมา เขาก็จะเดินไปขวางทันที หากเป็นคนทั่วไป ก็จะต้องหลบให้รถผ่าน แม้จะต้องลงไปเหยียบโคลนก็ตาม(ตอนฝนตก)
เขามักจะถ่ายป้าย ห้ามจอด ป้ายให้คนข้ามถนน เสมอๆกับการถ่ายรถที่วิ่งมาบนทางเดิน รวมถึงคนที่ต้องเดินบนทางเท้าอย่างยากลำบาก คือวีดีโอผมเปิดดูเยอะนะครับ ใครที่อ่านแล้วงงว่า ไม่เห็นมีอย่างที่บอกเลย เอ่อ ที่จริง ผมนั่งเปิดมันทิ้งไว้กว่า 4ชั่วโมงแล้วนะครับ ทั้งซ้ำทั้งใหม่ และบางทีผมก็เห็นแค่ครั้งเดียว ไม่เคยเห็นลงซ้ำก็เยอะ
ส่วนของคนเดินที่ผมเห็นว่าเดินลำบาก หรือต้องหลบรถคือ รถจอดบนทางเดินเท้า แบบว่า รถพาดทับทางเดินเท้าหมด แล้วหน้าที่หน้าจอดชิดนั้น ไม่มีทางเหลือให้เดิน แถมเป็นกำแพงที่ดูเหมือนติดสวนสาธรณะ กำแพงสูงประมาณ เมตรครึ่ง คนต้องไปเดินข้างบนพร้อมกับจับราวที่สูงกว่านั้นอีกหน่อย แล้วเดินไป
ไหนจะเป็นทางที่ให้คนข้ามถนน แต่รถมันติด เขาก็เลยวิ่งทับทางที่ให้คนเดิน เพื่อลัดข้ามไปอีกฝั่งแบบไม่ผ่านตรงกลางแยก
และเมื่อรถถูกขวางหรือไม่ให้ผ่าน โดยที่คนขับทำท่าทางไม่พอใจเหมือนว่าทำอยู่ประจำ แล้วทำไมวันนี้ถึงเจออะไรแบบนี้ ก็เกิดมีปากเสียง จนถึงขั้นใช้ความรุนแรง บางครั้งก็มีการชักปืนออกมา แน่นอนว่า กลุ่มคนพวกนี้ไม่เคยที่จะใช้ความรุนแรกก่อนเลยสักครั้ง
แต่ต้นเหตุของการทะเลาะกันไม่ได้เกิดจากคนขับรถแต่เกิดจากการที่ คนขับรถได้ทำผิดกฏจราจร แล้วกลุ่มคนเหล่านี้ได้แสดงออกโดยการ
1.เตือน ไล่ให้ถอยหลังกลับไป
2.หากยังไม่ยอมถอยและพยายามจะผ่านไปให้ได้ ก็จะยืนขวางรถไว้ หรือถ้ารถหักหลบเพื่อจะวิ่งไปข้างหน้าก็จะตามไปขวาง(ถึงแม้ว่าอีก 30 เมตรจะเป็นทางตัดเข้าถนน เขาก็ไม่ปล่อยให้ไป)
3.หากไม่ฟังจะติดสติ๊กเกอร์หน้ากระจก ขนาดใหญ่โดยถ้าติดต่อกัน 2 แผ่นก็บังกระจกหน้ารถไป70% เลย
4.แปะสติ๊กเกอร์กับรถที่จอดอยู่ในที่ห้ามจอด เช่นทับทางเท้า หรือมีป้ายห้ามจอด
หลังจากที่ไม่สามารถขับไปได้ คนขับรถไม่พอใจ เช่นว่า(แปลเป็นความหมายจากที่เห็นเลยนะครับ ผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่เข้าใจถึงอารมณ์ที่เขาคุยกัน)
คนขับ : ดู นั่นเห็นมั้ย รถอย่างติด จะให้ผมไปขับตรงนั้นเหรอ?
คนขับ : ดูนี่ เวลานัดของผม มันใกล้จะถึงเวลาแล้ว ผมรีบมาก หากผมไปไม่ทันนัด คุณจะรับผิดชอบไหม?
คนขับ : ดูตรงนั้น ผมจะไปตรงนั้น ใกล้แค่นี้เองคุณก็เห็น
คนขับ : ผิดแล้วไง กุจะขับตรงนี้
และอีกมากมายที่เป็นข้ออ้างของคนขับ เรียกว่าข้ออ้าง เพราะมัน ผิด!!
ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรคนเหล่านี้ก็ไม่ยอมให้ไปจนเกิดเรื่อง บางครั้งผมก็คิดว่า เออ ดักได้น่าโมโหดี เพราะต้นทางไกลๆโน้น มันไม่ขวาง มันมาขวางปลายทาง โดยส่วนตัวผมดูแล้วก็สะใจดี ถึงจะเป็นการจงใจก็ตาม เพราะถ้ามันไม่อยากให้ขึ้นมาบนทางเท้าจริงๆ ดักต้นทางเลยก็ได้
แต่ไม่ใช่ว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะทำถูกทุกครั้งไป เพราะมีบางครั้งที่ใช้ความรุนแรง แต่แน่นอน เป็นการสวนกลับ จะมากจะน้อย แล้วแต่คนขับมีฤิทธิ์เยอะแค่ไหน เรื่องชกต่อยจึงเป็นเรื่องปกติ ที่หนักขึ้นมาหน่อยก็คือ คนขับ เอาไม้ มีด ปืน และระเบิดมาขู่ ส่วนที่รุนแรงจริงๆ ผมเห็นอยู่คลิปนึงที่คนขับ มากับเพื่อน แล้วหยิบไม้เบสบอล ไปตีคนที่แปะสติ๊กเกอร์ แต่ทีมงานเยอะกว่า จึงแย่งไม้เบสบอลมาได้ ทีมงานที่เหลือก็นัวเนียไปล็อกตัวคนขับและเพื่อนคนขับ ทีมงานที่ได้ไม้เบสบอลมา คงเห็นว่ารถมันเก่า และคงอารมณ์ขึ้น ก็เลยฟาดกระจกรถรอบด้าน พร้อมตีกระจกข้างพัง แล้วก็ฟาดรถแถมไปด้วย
ในหลายๆครั้งก็มีตำรวจผ่านมา และทุกครั้ง คนขับก็โดนเรียกไป เพราะรถมันอยู่บนทางเดินเท้าไม่ก็ทีห้ามจอด!!
มีครั้งนึงที่ผมเห็นว่า ผู้หญิง 2 คน มีปัญหากับคนกลุ่มนี้ ทะเลาะกันอยู่นาน จนกระทั่ง ผู้หญิงที่มากับรถ คงจะเห็นตำรวจมาพอดี ก็เลย ลากทีมงานไปคนนึง แล้วก็ดึงทีมงานคนนั้นเข้าไปใกล้ จะให้ทับตัวเอง แล้วก็ร้องกรี๊ดให้ช่วย(สุดยอดเลย คิดทันได้ไง) แล้วทีมงานก็โดนตำรวจลากไปโดยที่ยังไม่ได้ดูวีดีโอ(ฮา)
ทั้งยังมีเรื่องชกต่อยกัน แล้วคนขับมันก็ไปแจ้งตำรวจ คนแก๊งนี้มันก็อยู่ที่เดิม ประมาณว่าจุดนั้นมันมักจะมีคนมาจอดรถซ้อนคัน หรือจอดรอชั่วคราวจนทำให้รถติดบ่อย มันก็ไปลากตำรวจมาจับ ประมาณว่าถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้น มันก็เลยเอากล้องที่ถ่ายให้ดู แล้วคนขับก็โดนเรียกขึ้นรถตำรวจ ผมนี่ฮาเลย
ไม่ว่าจะรถตำรวจ ดารา รถพยาบาล มันขวางหมด ถ้าจอดที่ๆห้ามจอดก็ติดสติ๊กเกอร์ ยกเว้นรถตำรวจ และรถพยาบาลที่กำลังทำงาน ที่เปิดไซเรนวิ่งมา ก็มีถ่ายติดมาด้วย เขาก็หลบให้ทันที
บ่น ไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้