[CR] มหกรรมรีวิวเจาะลึกถึงส่วนผสม ประชันโฉม Moisturizer เพื่อผิวบอบบางในร้านยา ตัวไหนเด็ด ตัวไหนปัง รู้กัน

สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆห้องแป้งที่น่ารักทุกท่าน

ไม่ได้จัดรีวิวจัดเต็มแบบนี้มาพักใหญ่ๆแล้ว ตั้งแต่ Essence ตอนนั้น

โปรเจคนี้มี่คิดไว้ว่าอยากจัดมานานแล้วค่ะ แต่ไม่มีเวลาซักที จนกระทั่งได้ข้อมูลส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆมาครบหมด ก็เลยเอามาจัดให้ทุกๆท่านได้อ่านกันค่ะ

สำหรับรีวิวของมี่ จะเน้นไปในแนววิชาการ และก็ผลิตภัณฑ์บางตัวมี่ยังไม่ได้ลองใช้ วิเคราะห์จากส่วนผสมเท่านั้น โดยอิงจากหลักการทางวิทยาศาสตร์นะคะ

กระทู้เก่าๆที่เป็นรีวิวจัดเต็มก็จะมี รีวิวผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น Eye cream ภาค 1 ภาค 2, Sleeping pack, Primer และก็ Essence ค่ะ

ตรงท้ายของทู้เดี๋ยวทิ้งลิงค์ไว้ให้นะคะ

สำหรับผู้เข้าประกวดคราวนี้มี 8 ชิ้น จาก 7 แบรนด์ค่ะ ดังรูป



ถ้าวิเคราะห์จากส่วนผสม โดยไม่คำนึงถึงเทคโนโลยีที่ใช้ เพราะส่วนผสมไม่สามารถบอกระดับขั้นของเทคโนโลยีได้ค่ะ

ตัวไหนจะเป็นอย่างไรเรามาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ

ก่อนพูดเรื่องผิวแห้ง/ผิวบอบบาง ขอพูดถึง Barrier ผิวก่อนค่ะ สมัยนี้ใครๆก็พูดถึงแต่ Barrier ผิว มันคืออะไรกันนะ ลองมาดูไปพร้อมๆกันดีกว่าค่ะ

ผิวหนังของเรา ในส่วนของหนังกำพร้า หรือ Epidermis ที่ชั้นนอกสุด เราเรียกว่าชั้น สตราตัมคอร์เนียม (Stratum corneum ขอย่อว่า SC นะคะ) ซึ่งเป็นชั้นสำคัญมาก ในการปกป้องสารต่างไม่ให้ซึมเข้ามาทำอันตรายในผิว และปกป้องไม่ให้น้ำ และสารดีๆในผิวละลายออกไปข้างนอก เราเรียกบทบาทในการป้องกันสารข้างนอกไม่ให้เข้ามาข้างใน และป้องกันไม่ให้สารข้างในออกไปข้างนอกว่า “Barrier function” หรือที่เค้าเรียกติดๆปากกันว่า “Barrier ผิว” นั่นเองค่ะ

Barrier ผิว เกิดขึ้นจากองค์ประกอบหลักๆ 3 อย่างภายในผิว คือ
1. สารไขมัน
2. สารดึงน้ำที่เรียกว่า Natural moisturizing factor หรือ NMF
3. การเรียงตัวแบบสลับซับซ้อนของเซลล์ผิวชั้น SC

จาก 3 ข้อนี้ ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้อ 1

พูดไขมันในผิว จะเป็นคนละส่วนกับไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันนะคะ ดังนั้นคนที่มีผิวมัน แปลว่า ต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมาเยอะ ไม่ได้แปลว่า จะมีไขมันในผิวเยอะ หรือไขมันในผิวจะสมบูรณ์แบบนะคะ

ไขมันในผิวประกอบด้วยสารอยู่ 3 กลุ่มหลักๆ คือ Ceramide (เซราไมด์) กรดไขมัน และ Cholesterol (คอเลสเตอรอล) 3 อย่างนี้จะมาเรียงกันเป็นชั้นสวยๆ ศัพท์ทางผิวหนังเรียกว่าเป็น Lipid Lamella เจ้า Lipid lamella นี่แหล่ะ ที่เป็นตัวการสำคัญในการสร้าง Barrier ให้ผิว

มีการศึกษาหลายๆการศึกษาเลย พบว่า ครีมที่มีส่วนผสมของไขมันทั้ง 3 ประเภท คือ Ceramide/Cholesterol/Fatty acid ในสัดส่วนโดยโมล (โมลเป็นหน่วยบอกความเข้มข้นทางเคมี) ที่เท่ากัน คือ 1:1:1 จะให้ผลฟื้นฟู Barrier ได้รวดเร็วที่สุด แต่เนื่องจากเราไม่ทราบว่า เค้าใส่มาเท่าไหร่ มี่ก็จะให้คะแนนแค่ว่า ถ้ามันมีก็เอาไปเลย

แต่ถ้าเป็นคนที่เป็นโรคผิวหนังอโทปิก (Atopic dermatitis) จะเป็นกลุ่มคนที่ขาด Ceramide ดังนั้น แค่ครีมที่มี Ceramide อย่างเดียวก็ให้ผลดีแล้วค่ะ

จริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่า Ceramide ทุกชนิดจะให้ผลสร้าง Barrier ที่ดีได้หมด มันก็จะมีแค่ Ceramide บางชนิด ที่ให้ผลดี แต่มันจะลึกเกินไปเลยขอไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ

จบเรื่อง Barrier ผิว ลองมาดูเรื่อง Moisturizer กันต่อดีกว่าค่ะ

Moisturizer ที่ดีควรจะประกอบด้วยสารอยู่ 3 กลุ่มหลักๆ คือ
1.    สารจับน้ำ เราเรียกว่า Humectant สารนี้จะทำหน้าที่ดึงเอาความชื้นจากอากาศมาเก็บไว้ที่ผิว มีข้อจำกัดคือ ถ้าอากาศแห้งมากๆ หรือถ้าใส่มาในสูตรเยอะๆ มันจะไปดูดน้ำจากผิวแทน ทำให้เรารู้สึกไม่สบายผิว
2.    สารไขมันดูดซึมได้ ส่วนมากจะเป็นไขมันธรรมชาติ เช่น น้ำมัน/ไขมันจากพืชชนิดต่างๆ พวกสารไขมันที่พบได้ในผิว เช่น Phospholipids, Sterols ฯลฯ
3.    สารไขมันเคลือบผิว เป็นสารที่ไม่ดูดซึม หรือซึมน้อยมาก พวกนี้จะเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น เช่น Mineral oil, Hydrogenated polydecene, Petrolatum ฯลฯ

ก่อนไปรับชม ขออนุญาตบอกกล่าวนิดหน่อยค่ะ

1. ขอสงวนสิทธิ์ทุกกรณีในบทความ เว้นแต่การนำไปใช้เพื่อการศึกษา
2. ผู้เขียนมีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภค
3. ผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชื่นชม หรือ Discredit ผลิตภัณฑ์ไหน
4. ผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ
5. การให้คะแนนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล



เกณฑ์การให้คะแนน

ความสามารถในการฟื้นฟู Barrier 5 คะแนน

มี Ceramide (ไม่ว่าจะธรรมชาติหรือสังเคราะห์) ได้ 2 คะแนน
Fatty acid    ได้ 1 คะแนน
น้ำมันจากธรรมชาติ ได้ 1 คะแนน
Cholesterol หรือ Sterol อื่นๆ    ได้ 1 คะแนน

ความเป็น Moisturizer 5 คะแนน
สารกลุ่มน้ำ 2 คะแนน
-    มีแต่ Glycerin    1 คะแนน
-    มี Glycerin และอื่นๆ 2 คะแนน
สารกลุ่มไขมัน 3 คะแนน
-    ไขมันธรรมชาติ    2 คะแนน
-    สารเคลือบผิว        1 คะแนน (นับรวม Dimethicone ไว้ด้วยเพราะเคลือบผิวได้)

คะแนนสรุปให้ในตารางนี้ค่ะ



ตัวแรก เป็นผลิตภัณฑ์ชื่อดัง ที่มีการรีวิวไว้อย่างคับคั่ง ค่ะ



มอยส์เจอไรเซอร์จากแบรนด์ P สูตรปกติ

ส่วนผสมค่ะ


ส่วนของน้ำประกอบด้วย Glycerin กับ Pentylene glycol ซึ่งช่วยจับน้ำให้ผิวได้ และ Pentylene glycol มีฤทธิ์ระงับเชื้ออ่อนๆ ในส่วนของน้ำมันก็จะมีส่วนของ Ceramide กับ Fatty acid อยู่ สองตัวนี้ช่วยเสริมสร้าง Barrier ผิวได้ Squalane เป็นน้ำมันที่เป็นชนิดเดียวกับที่ต่อมไขมันสร้างออกมา ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวหนังได้

ความสมบูรณ์ของการสร้าง Barrier ตัวนี้ยังขาดส่วนของ Cholesterol ไป
ความสมบูรณ์ในการเป็น Moisturizer ตัวนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี แต่ยังขาดไขมันที่จะเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้นอยู่
คุณสมบัติพิเศษ ไม่มี

ตัวที่สอง ก็ชื่อดังเช่นกันค่ะ



มอยส์เจอไรเซอร์แบรนด์ P สูตร AI

ส่วนผสม



ตัวนี้ส่วนของน้ำประกอบด้วย Glycerin กับ Pentylene glycol เช่นเดียวกับสูตรปกติ ซึ่งช่วยจับน้ำให้ผิวได้ และ Pentylene glycol มีฤทธิ์ระงับเชื้ออ่อนๆ ส่วนของไขมันประกอบด้วย น้ำมันจากมะกอก ปาล์ม และ Olus อันนี้ส่วนตัวไม่เคยได้ยินมาก่อน พอไปลองค้นข้อมูล ก็ปรากฏว่าเป็นชื่อพ้องของ Oleum Vegetabile, Vegetable Oil (ข้อมูลจาก Cosmetic analysis และ เอกสารประกอบผลิตภัณฑ์น้ำมันหลายๆชนิด) หมายถึงน้ำมันจากพืช ซึ่งเป็นไขมันที่ดูดซึมเข้าผิวได้ ให้ผลทดแทนไขผิวหนัง
สารพิเศษที่เสริมเข้ามาชุดแรกคือ Palmitamide MEA ตัวนี้ เป็นสารกลุ่ม Fatty acid amide ที่พบในร่างกาย จัดอยู่ในกลุ่ม Nuclear factor antagonist มีบทบาทในการลดการอักเสบออกฤทธิ์ที่หลายๆ Receptor (จุดของร่างกายที่ทำหน้าที่จับกับสารเคมีแล้วเกิดฤทธิ์ทางชีวภาพ) มีงานวิจัยที่บอกว่าสารตัวนี้สามารถกดกระบวนการอักเสบได้ (Int J Inflam. 2013; 2013: 151028.) แต่พอพยายามค้นลึกลงไปเกี่ยวกับด้านผิวหนังกลับไม่พบข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกว่านี้ ข้อมูลจากผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชื่อ Mimyx (ซึ่งใช้ Palmitamide MEA เป็นสารสำคัญ) บอกว่าให้ฤทธิ์ลดการอักเสบเทียบเท่า Hydrocortisone (สารกลุ่ม Steroid) เข้มข้น 1% กับ Acetamide MEA ซึ่งเป็นสารกลุ่มเดียวกับ Palmitamide MEA เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ไม่มีงานวิจัยรองรับ สารอีกตัวที่เสริมเข้ามาคือ Sarcosine หรืออีกชื่อหนึ่งว่า N-methylglycine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่พบในเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ Glutathione, Serine, Creatine และเบส Purine ที่เป็นองค์ประกอบของสายใย DNA ผู้ผลิต Claim ว่า Sarcosine สามารถควบคุมการสร้างน้ำมัน Sebum ในผิวหนังทำให้ผิวหนังมีความมันน้อยลง รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวดูเรียบเนียนขึ้น สำหรับงานวิจัยยังไม่พบค่ะ (หรือหาไม่เจอไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองใช้ Keyword ค้นหาหลายๆแบบก็เจอแต่อะไรไม่รู้)

ความสมบูรณ์ของการสร้าง Barrier ตัวนี้ยังขาดส่วนของ Cholesterol ไป
ความสมบูรณ์ในการเป็น Moisturizer ตัวนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี แต่ยังขาดไขมันที่จะเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้นอยู่
คุณสมบัติพิเศษ ลดการอักเสบในผิว

ตัวที่สาม ตัวนี้ก็ชื่อดังเช่นกันค่ะ



จากแบรนด์ Cer สูตร PM ค่ะ

ส่วนผสม



ตัวนี้ส่วนของน้ำ มี Glycerin กับ Hyaluron เป็นสารดึงน้ำ ส่วนของน้ำมัน มี Capric/caprylic triglyceride เป็นไขมันความยาวปานกลาง กับมหกรรมแห่ง Ceramides และ Cholesterol

สารพิเศษอื่นๆ มี Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)

ความสมบูรณ์ของการสร้าง Barrier ครบถ้วนทั้ง Ceramide, Fatty acid และ Cholesterol
ความสมบูรณ์ในการเป็น Moisturizer ตัวนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี มี Dimethicone คอยเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น
คุณสมบัติพิเศษ วิตามินบี 3 กระตุ้นให้ผิวสร้างเซราไมด์ ลดการอักเสบในผิว และช่วยลดจุดด่างดำได้ด้วย

ตัวที่ 4



มอยส์เจอไรเซอร์ที่กำลังโด่งดังจากแบรนด์ Ez

ส่วนผสม



ตัวนี้ส่วนของสารดึงน้ำมี Saccaharide isomerate ซึ่งดูเหมือนจะใส่มาค่อนข้างเยอะเลย สารตัวนี้มีข้อดีคือ ผู้ผลิต Claim ว่าสามารถไปจับกับกรดอะมิโน Lysine ของ Keratin ในผิว แล้วให้คุณสมบัติเป็นสารดูดน้ำ อุ้มน้ำ รักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนาน ไม่ถูกล้างออกไปได้ง่ายๆเหมือน moisturizer อื่นๆ กับ Glycerin ส่วนของสารกลุ่มน้ำมันก็จะมี Oleic/Linoleic triglycerides ที่เวลาเข้าผิวก็จะโดนผิวย่อยจนได้ Oleic acid กับ Linoleic acid ซึ่งตัวหลังนี้จำเป็นต่อ Barrier function ของผิว มี Hydrogenated polydecene เป็นตัวเคลือบผิว สูตรผสมของ Spent grain wax, shea butter extract และ Argan oil ไปตรงกับวัตถุดิบหนึ่งที่ชื่อ Stimutex-AS® ของบริษัท Center chem บริษัท Claim ว่า สารผสมนี้สามารถยับยั้งกระบวนการหลั่งสารภูมิแพ้ (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในผิว ก็จะช่วยลดอาการคัน บวม แดง และจากองค์ประกอบที่เป็นน้ำมัน/ไขมันจากธรรมชาติ ก็จะช่วยเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่แห้งได้
กับอีกตัวที่น่าสนใจคือ สารชื่อยาวๆ อย่าง Octadecyl Di-t-butyl-4-hydroxyhydrocinnamate เป็นสารที่มีขนาดโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ เป็น Antioxidant ที่มีความคงตัวสูง ช่วยรักษาน้ำมันในสูตรไม่ให้ถูกทำลายโดยออกซิเจนในอากาศ สามารถปกป้องผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสื่อมเพราะความร้อนได้ดี

ความสมบูรณ์ของการสร้าง Barrier มีแต่ Fatty acid
ความสมบูรณ์ในการเป็น Moisturizer ตัวนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี มีครบทั้งสามส่วน คือ สารดึงน้ำ สารไขมันที่ดูดซึมได้ และสารไขมันเคลือบผิว
คุณสมบัติพิเศษ ลดการอักเสบผิว


อีก 4 ตัวที่เหลือจะมาต่อในคอมเมนท์นะคะ

นานาขอบคุณ

ฝากกระทู้เก่าๆ ด้วยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   Moisturizer
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่