ผมออกจากบ้านมา2วันแล้ว...ไม่รู้จะไปไหนดี

กระทู้คำถาม
ผมเป็นคนไม่มีบ้านอยู่ครับ ตอนนี้ผมอยู่กรุงเทพแถวๆสนามหลวงนี้เอง อยู่มา2วันแล้วครับ ไม่มีที่ไปไม่มีบ้านอยู่แต่ผมก็ไม่สกปรกซกมกนะครับผมสะอาดเหมือนคนมีบ้านทั่วไปนั่นล่ะ ตอนนี้ทั้งตัวมีอยู่500บาทไม่รุจะเอาไงต่อดีกะชีวิตร ผมอยากมีคนรับผมไปอยู่ด้วยจังผมมีเอกสารน่ะไม่ได้ไปอยู่ฟรีๆจะไปหางานทำช่วยออกค่าห้องน้ำไฟได้ครับ
ชื่อปั๊บ อายุ 25 ไม่ดื่มเหล้า ไม่ดูดบุหรี่
ใครจะแนะนำไรเชิญเลยนะครับ ผมไม่มีเฟสบุ๊คนะครับนั้ยืมรหัสเฟสเพื่อนเข้ามาตั้งกระตู้เฉยๆครับ จะติดต่อผมก็ติดต่อในกะทู้นี้เลยนะครับ จะเข้ามาอ่านทุกวันครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ลองไปติดต่อที่นี่ดูครับ  ของ กทม อยู่ที่ ประปาเก่าแม้นศรี  วรจักร น่าจะใกล้สนามหลวงนะครับ
อย่างน้อยที่สุดก็มีที่พักช่ั่วคราวก่อน  
ขอให้โชคดีนะครับ


https://www.youtube.com/watch?v=XS8Dd6JE-oY  
  
เปิด"บ้านอิ่มใจ"...ที่พักพิงของคนเร่รอนในกรุง

วันจันทร์ 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา 07:35 น.

ปัญหาคนไร้บ้าน มักเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ที่มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง ในขณะที่ค่าจ้างแรงงานและโอกาสในการหางานมีไม่สูงนัก คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองใหญ่อย่างเช่นกรุงเทพมหานคร หลายรายกลายเป็นคนไร้บ้าน เร่ร่อน เพราะไม่มีเงินพอในการเช่าที่พักอาศัย จึงสร้างปัญหาสังคมเพื่อให้ตนเองสามารถดำรงชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ให้ได้ จึงเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย เมื่อคนไร้บ้านถูกมองว่าเป็นคนหนึ่งที่ก่อปัญหาอาชญากรรม ทั้งที่คนเหล่านั้นต้องการแค่โอกาสในการทำมาหากิน เลี้ยงชีพและส่งเสียครอบครัว และส่วนใหญ่ยังมีปัญหาครอบครัวแตกแยก หย่าร้าง หรือการไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม จากข้อมูลการสำรวจกลุ่มคนไร้บ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ ล่าสุดเมื่อปี 2554 พบว่าจำนวน 1,093 คน แบ่งเป็นชาย 922 คน หญิง 141 คน และเด็ก 30 คน
  
ทางสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ให้ความสำคัญของการดูแลและการจัดสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเหล่านี้ จึงจัดทำ “บ้านอิ่มใจ” เพื่อเป็นศูนย์คัดกรอง ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและบุคคลหรือครอบครัวที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนและไร้ที่พึ่ง หรือมีรายได้น้อย ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการและการสงเคราะห์แก่ผู้รับบริการ ซึ่งได้เปิดให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
    
บ้านอิ่มใจ เป็นอาคาร 3 ชั้นในพื้นที่สำนักงานประปาแม้นศรี มีพื้นที่ใช้สอยรวม 10,000 ตารางเมตร โดยชั้นล่างเป็นสำนักงานห้องจัดกิจกรรม และลงทะเบียนผู้เข้าพักเป็นรายวัน ชั้น 2 เป็นห้องพักรวมหญิง ชั้น 3 เป็นห้องพักรวมชาย สามารถรองรับการเข้าพักได้วันละ 200 คน เป็นชาย 100 คน และหญิง 100 คน ในระหว่างเวลา 15.00 น.-22.00 น. และออกจากที่พักก่อนเวลา 09.00 น. มีอาหารเช้าและอาหารเย็นให้กับคนที่มาใช้บริการ เข้าพักฟรีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดย กทม.ตั้งงบประมาณใช้จ่ายปีละ 30 ล้านบาท
  
คุณสมบัติของผู้รับบริการ คือจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย (กรณีคนต่างด้าวจะต้องประสานส่งต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ต้องมีความสมัครใจ สามารถช่วยเหลือตัวเองในการดำรงชีวิตประจำวันได้ ไม่เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงหรือติดยาเสพติดให้โทษ ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน ไม่เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอาญา หรืออยู่ระหว่างสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือถูกดำเนินคดี ซึ่งหากเข้าข่ายว่าติดยาเสพติด วิกลจริต ก็จะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือต่อไป
  
ส่วนขั้นตอนการเข้าใช้บริการนั้น ในทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนเข้าพัก เพื่อทำการคัดกรองว่ามีคุณสมบัติตรงตามวัตถุประสงค์ของการให้บริการ โดยต้องยื่นหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่น ๆ ที่สามารถแสดงตนได้ การสัมภาษณ์สอบถามประวัติ การตรวจสอบอาวุธ การตรวจร่างกายเบื้องต้น และมอบกุญแจล็อกเกอร์ให้ใช้สำหรับคนมีสัมภาระ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะมอบเครื่องนอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม และอุปกรณ์ในการทำความสะอาดร่างกาย รายใดที่ไม่มีเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนก็จะมีให้บริการ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางเลือกไว้บริการแก่ผู้เข้าพัก ได้แก่ กิจกรรมฝึกอาชีพ อาทิ ร้อยลูกปัด กรอบรูปวิทยาศาสตร์ กัดลายกระจก นวดแผนไทย ช่างจักรยานยนต์ เป็นต้น
  
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานบ้านอิ่มใจกล่าวว่าตั้งแต่เปิดให้บริการ มีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากวันแรกที่มี 1-2 คน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 20-30 คน โดยยอดล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. มียอดรวม 149 คน เป็นเพศชาย 144 คน เพศหญิง 5 คน อายุตั้งแต่ 18-65 ปี โดยมาจากคนที่อาศัยอยู่ตามท้องสนามหลวง พาหุรัด สวนรมนีนาถ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ วงเวียน 22 กรกฎา สะพานพุทธ แคมป์คนงานก่อสร้าง เป็นต้น ทั้งนี้สาเหตุที่คนยังเข้าพักในช่วงแรกยังน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาคนมักกลัวว่าจะเหมือนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เข้าไปแล้วออกไม่ได้ ไม่สามารถไปทำมาหากิน หรือใช้ชีวิตตามที่เขาต้องการ ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีคนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ที่เข้ามาใช้บริการแล้วไปบอกต่อ รวมถึงเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เพื่อชักชวนให้คนเข้ามาใช้บริการ ซึ่งหากในอนาคตมีคนมาใช้บริการมากเกินกว่าที่จะรองรับได้ก็จะให้สิทธิคนที่มาลงทะเบียนก่อนในแต่ละวัน
  
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ จนจบ กศน.ม.6 ในช่วงแรกก็เข้าทำงานบริษัท ทำงานโรงงาน แต่ก็มีการเปลี่ยนงานบ่อย ประกอบกับมีปัญหากับคนรักจึงได้เลิกรากัน หลัง ๆ หางานยากขึ้น ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นจึงออกตระเวนหางานรายวัน จะรอทำงานรับเป็นรายเดือนก็ไม่ได้ เพราะในระหว่างเดือนก็ไม่มีเงินใช้จ่าย จึงรับจ้างรายวัน แจกใบปลิวบ้าง รปภ.รายวันบ้างช่วยล้างจาน ขนของตามจุดที่มีงานเทศกาลบ้าง และใช้ชีวิตตอนกลางคืนแถวท้องสนามหลวง โดยการซื้อผ้าใบ 20 บาทมาปูนอน ส่วนอาบน้ำก็อาบห้องน้ำสาธารณะที่เก็บค่าบริการ 5 บาท ส่วนการเข้ามาใช้บริการบ้านอิ่มใจเพราะเพื่อนบอกว่าดี เลยมาลองดู จึงรู้ว่าเป็นที่พักให้กับผู้มีรายได้น้อยที่สะดวกสบาย มีอาหาร มีที่พัก มีเพื่อน และยังให้อิสระกับเราให้สามารถออกไปประกอบอาชีพทำมาหากินและใช้ชีวิตตามปกติได้
  
นายบี (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า ตนเคยมีครอบครัวแต่ได้เลิกรากันไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น และร่างกายเริ่มต้องการการพักผ่อน จึงออกจากงาน และมารับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีเงินอยู่บ้าง ก็ใช้ชีวิตพักผ่อนตามหอสมุดแห่งชาติ สวนสาธารณะ และเมื่อรับทราบจากหนังสือพิมพ์ว่ามีบ้านอิ่มใจเลยลองมาใช้บริการ จึงรู้ว่าไม่เหมือนที่อื่น ที่เข้าไปแล้วมักออกมาใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ ถูกกักบริเวณ แต่ตนต้องการอิสระ ซึ่งตนมาใช้บริการแล้ว 5 วัน รู้สึกประทับใจเพราะให้บริการดีกว่าที่คาดไว้
  
นายซี (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นใบ้ ให้ข้อมูลว่า ตนได้เข้ามาอยู่บ้านอิ่มใจแล้ว 4 วัน ในทุกวันก็จะออกไปประกอบอาชีพเข็นดอกไม้ เข็นผักที่ปากคลองตลาด และพักอาศัยหลับนอนที่ตลาดและสะพานพุทธมาโดยตลอด ซึ่งคนที่รู้จักได้อ่านข่าวรู้ว่ามีบ้านอิ่มใจ จึงบอกให้มาลองใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ตนก็ชวนเพื่อนเข้ามาพักแล้ว 2-3 คน
  
ด้านจันทนา พันธุ์พิริยะ รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กล่าวว่า กทม.ยังคงส่งเจ้าหน้าที่พร้อมประสานทางมูลนิธิ และเอ็นจีโอ ลงพื้นที่เพื่อเผยแพร่โครงการและประชาสัมพันธ์ให้บ้านอิ่มใจเป็นที่รู้จักกับคนไร้บ้านและจุดประสงค์ในการช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เขาเกิดความหวาดกลัว สำหรับคนที่จะเข้ามาใช้บริการสามารถเข้ามาได้ที่บ้านอิ่มใจ ตั้งอยู่เลขที่ 2/22 สี่แยกแม้นศรี เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย บริเวณสำนักงานการประปา สาขาแม้นศรี (เดิม) หรือโทรฯ สอบถามได้ที่เบอร์ 08-0915-1009 หรือ 0-2224-7669-70
  
การหยิบยื่นโอกาสให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและปลอดภัย เพื่อเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือเป็นแนวทางการสร้างสังคมเมืองให้น่าอยู่.

ณปภัช จันทร์อุดม
http://www.dailynews.co.th/Content/regional/80393/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%26quot%3B%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%88%26quot%3B...%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นผู้ชาย  ถ้าคุณไม่ว่าอะไร  ลองไปขอพพระท่านพัก  ขออาหารก่อน  แล้วเมื่อท้องอิ่มก็ออกหางานทำห้าร้อยนั่นเป็นค่ารถค่าเดินทาง    สมัยนี้ แหล่งงานหายากนะคะ  คนจ้างก็ไม่ค่อยมีกำลังจ้าง

สิ่งสำคัญของคุณตอนนี้  อันดับหนึ่ง   ถามคนแถวนั้น  ไกล้มีวัดไหนบ้าง  
2    ไปกราบพระท่าน ขออาศัย พอหางานได้จะออก
3     ถามคนแถวนั้น ตลาดไปทางไหน
4    ถามแม่ค้า  คนแบกผัก ยกของใครต้องการบ้าง  
5 ค่อยๆขยับขยายหางาน  

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะคะ   เงินที่มี  เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น  ดูผมเผ้าอย่าให้รุงรัง  สมัครงานเขาจะได้รับ      เก็บความลำบากช่วงนี้ไว้เป็นแรงผลักดัน   สู้ต่อไปนะคะ     พี่ก็เคยดื่มน้ำแทนข้าวมาแล้ว  พี่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เป็นแบบนั้นอีก

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน     ลองตามนี้ดูนะคะอ่อลืมถาม ความรู้ ความสามารถเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่