เป็นกระทู้ที่อยากเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นอุทธาหรณ์เผื่อใครเจอเหตุการณ์แบบเรา
เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนแต่งงานได้ไปซื้อทองกับร้านที่เอ่ยไปก้อมีแต่คนรู้จักทั้งประเทศค่ะ สาขานี้อยู่จังหวัดทางภาคเหนือในห้างโลตัส
ไปกับว่าที่เจ้าบ่าวค่ะ ไม่ได้ไปคนเดียว ซื้อสร้อยคอ 3 บาท สร้อยแขน 1 บาท แหวนอีกสองสลึงสองวง ทั้งหมดรวมเป็น 5 บาท
ทางร้านมีโปรโมชั่นลดค่ากำเหน็จ สร้อยคอ 30 % สร้อยแขน 40% แหวน 50% ราคาทอง ณ วันนั้นอยู่ที่บาทละ 18,200 บาทค่ะ
หลังจากที่เลือกของเลือกลายจนพอใจแล้ว พนักงานก้อชั่งทองพร้อมกับคิดส่วนลดนั่นนี่ให้ เสร็จสรรพเรียบร้อย และบอกยอดเงินที่เราต้องจ่าย
เราก็เดินไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มซึ่งอยู่ในห้างนั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งมา โดยไม่ได้เอะใจ หรือสงสัยกับยอดที่เขาคิดมาให้ พอจ่ายเงินเรียบร้อย
ได้ใบเสร็จพร้อมของก็กลับบ้านปกติค่ะ หลังจากนั้นได้มีพิธีแต่งงาน โดยใช้ทองที่ซื้อมาเป็นสินสอด งานเสร็จสรรพโดยดี จนเวลาผ่านไปสี่เดือน
พนักงานร้านทองได้โทรมาหา พร้อมกับบอกว่าทางร้านได้คิดเงินผิดไป เราทำงานอยู่เลยขอกลับไปดูบิล จึงเห็นว่า เขาคิดค่าสร้อยคอผิดจริง คือ คิดราคาทั้งหมดลดไป 30% ไม่ได้คิดลดราคาแค่กำเหน็จ ทำให้เงินขาดไปหมื่นแปดกว่าบาท เนื่องจากเป็นของหมั้นหมาย จึงไม่อยากให้มีปัญหา กลัวจะเสียเคล็ดหรืออะไรงี้แหละค่ะ ก้อตั้งใจจะจ่ายให้ทางร้าน แต่เจรจาทางโทรศัพท์ว่า พี่จะจ่ายให้ แต่พี่ขอทยอยจ่ายได้ไหม เพราะเงินก้อนถูกใช้ไปหมดแล้วตอนจัดงาน เขาวางสายไป พร้อมกับหายไปหนึ่งวัน แล้วก็กลายเป็นตำรวจโทรมาแทน บอกให้ไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เนื่องจากทางร้านแจ้งความว่าเรายักยอกทรัพย์ เนื่องจากไปซื้อทองสี่บาท แต่เราได้เกินไปหนึ่งบาททั้งๆที่ความเป็นจริง คือพนักงานคิดเงินผิด ในบิลก็เขียนช้ดเจนจากลายมือพนักงานเองว่า 5 บาท
เราก็ออกแนวงงเลยค่ะ เพราะแทนการมาคุยเรื่องจ่ายยังไง กลายเป็นเรายักยอกทรัพย์ของทางร้าน ปรึกษาหลายฝ่ายก็ได้คำตอบที่แตกต่างกันค่ะ
แต่สุดท้ายเราก็ยอมไปโรงพัก ไม่มีการกล่าวถึงว่าการแจ้งความถูกผิดยังไง เขาคุยแต่เรื่องจ่ายยังไงเลยค่ะ จนตกลงกันได้ที่จ่ายเดือนละสี่พัน ซึ่งตอนแรกทางร้านไม่ยอม จะให้จ่ายก้อนเดียว สูงสุดแค่สองงวดไม่เกินนี้ สุดท้ายเราขี้เกียจต่อความยาว สาวความยืด เลยตกลงไปอย่างนั้น
ท้ายที่สุด กระทู้นี้ตั้งใจจะเล่าให้ฟัง ว่าเวลาไปซื้อทอง หรืออะไรที่มีมูลค่าขนาดนี้ ลองคิดคำนวณดูอีกรอบก่อนที่เราจะตกเป็นจำเลยแบบงงๆด้วยค่ะ
ร้านทองคิดเงินผิด ผ่านไปสี่เดือนโทรมาทวง พร้อมกับแจ้งตำรวจจับลูกค้าข้อหายักยอกทรัพย์
เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนแต่งงานได้ไปซื้อทองกับร้านที่เอ่ยไปก้อมีแต่คนรู้จักทั้งประเทศค่ะ สาขานี้อยู่จังหวัดทางภาคเหนือในห้างโลตัส
ไปกับว่าที่เจ้าบ่าวค่ะ ไม่ได้ไปคนเดียว ซื้อสร้อยคอ 3 บาท สร้อยแขน 1 บาท แหวนอีกสองสลึงสองวง ทั้งหมดรวมเป็น 5 บาท
ทางร้านมีโปรโมชั่นลดค่ากำเหน็จ สร้อยคอ 30 % สร้อยแขน 40% แหวน 50% ราคาทอง ณ วันนั้นอยู่ที่บาทละ 18,200 บาทค่ะ
หลังจากที่เลือกของเลือกลายจนพอใจแล้ว พนักงานก้อชั่งทองพร้อมกับคิดส่วนลดนั่นนี่ให้ เสร็จสรรพเรียบร้อย และบอกยอดเงินที่เราต้องจ่าย
เราก็เดินไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มซึ่งอยู่ในห้างนั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งมา โดยไม่ได้เอะใจ หรือสงสัยกับยอดที่เขาคิดมาให้ พอจ่ายเงินเรียบร้อย
ได้ใบเสร็จพร้อมของก็กลับบ้านปกติค่ะ หลังจากนั้นได้มีพิธีแต่งงาน โดยใช้ทองที่ซื้อมาเป็นสินสอด งานเสร็จสรรพโดยดี จนเวลาผ่านไปสี่เดือน
พนักงานร้านทองได้โทรมาหา พร้อมกับบอกว่าทางร้านได้คิดเงินผิดไป เราทำงานอยู่เลยขอกลับไปดูบิล จึงเห็นว่า เขาคิดค่าสร้อยคอผิดจริง คือ คิดราคาทั้งหมดลดไป 30% ไม่ได้คิดลดราคาแค่กำเหน็จ ทำให้เงินขาดไปหมื่นแปดกว่าบาท เนื่องจากเป็นของหมั้นหมาย จึงไม่อยากให้มีปัญหา กลัวจะเสียเคล็ดหรืออะไรงี้แหละค่ะ ก้อตั้งใจจะจ่ายให้ทางร้าน แต่เจรจาทางโทรศัพท์ว่า พี่จะจ่ายให้ แต่พี่ขอทยอยจ่ายได้ไหม เพราะเงินก้อนถูกใช้ไปหมดแล้วตอนจัดงาน เขาวางสายไป พร้อมกับหายไปหนึ่งวัน แล้วก็กลายเป็นตำรวจโทรมาแทน บอกให้ไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เนื่องจากทางร้านแจ้งความว่าเรายักยอกทรัพย์ เนื่องจากไปซื้อทองสี่บาท แต่เราได้เกินไปหนึ่งบาททั้งๆที่ความเป็นจริง คือพนักงานคิดเงินผิด ในบิลก็เขียนช้ดเจนจากลายมือพนักงานเองว่า 5 บาท
เราก็ออกแนวงงเลยค่ะ เพราะแทนการมาคุยเรื่องจ่ายยังไง กลายเป็นเรายักยอกทรัพย์ของทางร้าน ปรึกษาหลายฝ่ายก็ได้คำตอบที่แตกต่างกันค่ะ
แต่สุดท้ายเราก็ยอมไปโรงพัก ไม่มีการกล่าวถึงว่าการแจ้งความถูกผิดยังไง เขาคุยแต่เรื่องจ่ายยังไงเลยค่ะ จนตกลงกันได้ที่จ่ายเดือนละสี่พัน ซึ่งตอนแรกทางร้านไม่ยอม จะให้จ่ายก้อนเดียว สูงสุดแค่สองงวดไม่เกินนี้ สุดท้ายเราขี้เกียจต่อความยาว สาวความยืด เลยตกลงไปอย่างนั้น
ท้ายที่สุด กระทู้นี้ตั้งใจจะเล่าให้ฟัง ว่าเวลาไปซื้อทอง หรืออะไรที่มีมูลค่าขนาดนี้ ลองคิดคำนวณดูอีกรอบก่อนที่เราจะตกเป็นจำเลยแบบงงๆด้วยค่ะ