“ความสวยมันแค่จับตา แต่เสน่ห์ทางการแสดงมันจับใจ”
ประโยคนี้เป็นของสมาชิกหมายเลข 860536 ที่ชื่นชมการแสดงของเอสเธอร์ใน “เล่ห์รตี”
เราชอบมากค่ะ เลยขอคุยต่อยอด เพราะสำหรับเราสวยหล่อพอทำเนา ระดับพระ-นางหน้าตาดีกันทุกคนอยู่แล้ว เลือกเสพกันได้ตามรสนิยม
แต่คนมี ‘ความเป็นนักแสดง’ ที่สวมบทบาทจนเราจับใจตัวละครที่เขาเล่น มีนับตัวได้
เห็นนางเอกหลายคนจับให้ร้องไห้ก็ร้องไห้ จับให้หัวเราะก็หัวเราะ จะโกรธจะงอนจะหงอทำได้หมด
แต่ไหงไม่ยักกะจับใจ ดูกี่เรื่องก็เหมือนเป็นตัวเองมายืนร้องไห้ มาต่อปากต่อคำกับพระเอกให้เราดู
แบบที่เรียกกันว่า “ร้อยเนื้อทำนองเดียว” เล่นเป็นกี่คนก็ทำหน้าเดิมใช้น้ำเสียงเดิมเหมือนกันหมด
เราเชียร์เอสเธอร์มาตั้งแต่เห็นฝีไม้ลายมือในบท ‘วิไลรัมภา’ ต่อมาเส้นทางที่เอสเลือกทำให้ย้อนนึกถึงคำว่า ‘ปั้น’
สมัยก่อนเรียก ‘เด็กปั้น’ สมัยนี้เรียก ‘เด็กดัน’ คำเรียกใหม่เกิดจากการคิดแบบใหม่ ซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
‘ดัน’ เป็นคำที่ให้ภาพ ‘คนดัน’ เป็นหลัก ให้น้ำหนักกับแรงดัน หรือ Power (พลังกับอำนาจ) จนแทบไม่เห็น ‘คนถูกดัน’ เลย
คำว่า ‘ปั้น’ มีศาสตร์และศิลป์ เห็นภาพ ‘คนปั้น’ และ ‘คนถูกปั้น’ ควบคู่กันไป
คนปั้นต้องรู้หลักการปั้น ส่วนคนถูกปั้นต้องเป็น ‘ดินเหนียวชั้นดี’ ถึงจะปั้นขึ้น
คนปั้นขึ้นรูปงานปั้นแล้วงานจะดีแค่ไหนต้องอยู่ที่เนื้อดินด้วย เรียกว่าสำคัญและเกื้อกันทั้งสองส่วน
ได้ดินปนกรวดทรายมา คนปั้นเก่งแค่ไหนเนื้อดินไม่อำนวยงานก็ออกมางั้นๆ
หลายคนบอกว่าเอสเธอร์ ‘มีของ’ อยู่แล้ว รอแค่โอกาส นี่แหละตัวอย่างของดินเหนียวที่เหมาะจะปั้น
คนปั้น (ผู้จัด / ผู้กำกับ / บทละคร - ปั้นด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งการละคร) ส่งบทให้ เอสเธอร์ขึ้นรูปเป็น ‘เคท’ ที่สวยงามทันที
นี่แหละที่เรียกว่างานปั้น! เอสเธอร์ ‘ปั้นขึ้น’ เพราะเป็นเนื้อดินดีมีคุณสมบัติในตัว
มองเผินๆ เส้นทางการเป็น ‘นางเอก’ ของเอสเธอร์อาจดูลุ่มๆ ดอนๆ
แต่เรามองว่าเส้นทางเดินในฐานะ ‘นักแสดง’ ของเอสเธอร์อาจเรียกได้ว่าสวยงามด้วยซ้ำ
คิดดูสิ กระแสชื่นชมเอสเธอร์ล้วนเกิดจากบทบาทการแสดง (เราบังเอิญกด link ไป link มา ถึงได้เห็นกระทู้เก่าๆ ยาวเหยียด
ตั้งขึ้นเพื่อชมฝีมือเอสทั้งนั้น เป็นพลังบริสุทธิ์ของคนดูล้วนๆ)
ไม่ต้องใช้การตลาดโปรโมตแบบผู้จัดการสร้างข่าวมาเรียกกระแสให้ซับซ้อนยุ่งยาก
ไม่ต้องให้ช่องดันชนิดเล่นละครเรื่องเดียวเป็น ‘ซุปตาร์’ แหล่ว (เอ่อ...อ จะไม่ใจร่มๆ รอให้น้องเขาได้ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองก่อนหน่อยเหรอ
ทั้งการพัฒนาฝีมือ การวางตัว ความอดทน ความมีวินัย หรืออีกสารพันคุณสมบัติที่ซุปเปอร์สตาร์รุ่นพี่ต้องไต่เต้าและสร้างผลงานหลายปีกว่าจะได้คำๆ นี้)
ส่วนที่ว่าเอสเธอร์สวยไม่ถึงขั้นนางเอก เราว่าดีซะอีก สวยจัดบางครั้งอาจกลบการแสดง ไม่สวยจัดอาจขับให้เห็นศักยภาพมากกว่า
แล้วก็แปลก เราสังเกตว่าตัวแม่ขั้นเทพของนักแสดงหญิงหน้าตาไม่ได้สวยจัด อย่าง ซอโดยอน เจ๊กง หรือ คิมซุนอานั่นไง
สวยพอประมาณแบบสามสาวนี่แหละ ลื่นไหลไปได้หลายบทบาทดีนัก
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องออกตัวอีกครั้งว่าเราไม่ใช่ติ่งช่อง ติ่งหมูติ่งแมว ติ่งใคร หรืออะไรยังไงทั้งสิ้น
เราเป็นติ่ง ‘ละคร’ เรารักในศาสตร์ที่ให้ความบันเทิงนี้ พอเห็นนักแสดงสักคนมีวี่แววว่าจะเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ที่เติบโตด้วยฝีมือการแสดง
โดยไม่ต้องเป็น ‘เด็กดัน’ ของใคร (ถ้าจะเป็นก็เป็น ‘เด็กปั้น’ หรือหากจะมีแรงดันก็ให้เป็นแรงดันจากใจคนดู)
เราก็อดชื่นชมไม่ได้ รวมทั้งอยากจะเป็นกำลังใจให้ด้วย
ต่อไปถ้าเอสเธอร์พิสูจน์ได้ว่าเธอเป็น ‘ปรากกฏการณ์’ จริงๆ บางทีนี่อาจเปิดโอกาสให้บ้านเรามีนางเอกในสายไม่สวยจัดแต่แสดงเจ๋ง (มีที่ยืน) มากขึ้น
เก๋สุดติ่งกระดิ่งเหมียวไปเลย...ว่ามะ
อย่างพงษ์พัฒน์ วชิระบรรจงผู้แก่กล้านั่นไง (ยกตัวอย่างมาทีเห็นความแก่ของ จขกท. เลยใช่ไหม)
เด็กรุ่นใหม่อาจไม่ทันเห็นผลงานถนัดถนี่ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนพี่อ๊อฟเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ไม่หล่อขั้นพระเอก
ที่ยืนยงอยู่มาได้ถึงวันนี้เพราะอะไร... เราว่าไม่ต้องตอบแล้วมั้ง
อยากให้เอสเธอร์ที่เราเชียร์อยู่ เติบโตด้วยเหตุผลเดียวกัน
เฮ้อออ...ชักหอบ สงสัยจะแก่จริงๆ แล้วเรา ร่ายมายืดยาวเองแล้วก็เหนื่อยเองอย่างกับยายแก่
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ไปล่ะ!
เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา นางเอกงานปั้น ที่ไม่ใช่ร้อยเนื้อทำนองเดียว
ประโยคนี้เป็นของสมาชิกหมายเลข 860536 ที่ชื่นชมการแสดงของเอสเธอร์ใน “เล่ห์รตี”
เราชอบมากค่ะ เลยขอคุยต่อยอด เพราะสำหรับเราสวยหล่อพอทำเนา ระดับพระ-นางหน้าตาดีกันทุกคนอยู่แล้ว เลือกเสพกันได้ตามรสนิยม
แต่คนมี ‘ความเป็นนักแสดง’ ที่สวมบทบาทจนเราจับใจตัวละครที่เขาเล่น มีนับตัวได้
เห็นนางเอกหลายคนจับให้ร้องไห้ก็ร้องไห้ จับให้หัวเราะก็หัวเราะ จะโกรธจะงอนจะหงอทำได้หมด
แต่ไหงไม่ยักกะจับใจ ดูกี่เรื่องก็เหมือนเป็นตัวเองมายืนร้องไห้ มาต่อปากต่อคำกับพระเอกให้เราดู
แบบที่เรียกกันว่า “ร้อยเนื้อทำนองเดียว” เล่นเป็นกี่คนก็ทำหน้าเดิมใช้น้ำเสียงเดิมเหมือนกันหมด
เราเชียร์เอสเธอร์มาตั้งแต่เห็นฝีไม้ลายมือในบท ‘วิไลรัมภา’ ต่อมาเส้นทางที่เอสเลือกทำให้ย้อนนึกถึงคำว่า ‘ปั้น’
สมัยก่อนเรียก ‘เด็กปั้น’ สมัยนี้เรียก ‘เด็กดัน’ คำเรียกใหม่เกิดจากการคิดแบบใหม่ ซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
‘ดัน’ เป็นคำที่ให้ภาพ ‘คนดัน’ เป็นหลัก ให้น้ำหนักกับแรงดัน หรือ Power (พลังกับอำนาจ) จนแทบไม่เห็น ‘คนถูกดัน’ เลย
คำว่า ‘ปั้น’ มีศาสตร์และศิลป์ เห็นภาพ ‘คนปั้น’ และ ‘คนถูกปั้น’ ควบคู่กันไป
คนปั้นต้องรู้หลักการปั้น ส่วนคนถูกปั้นต้องเป็น ‘ดินเหนียวชั้นดี’ ถึงจะปั้นขึ้น
คนปั้นขึ้นรูปงานปั้นแล้วงานจะดีแค่ไหนต้องอยู่ที่เนื้อดินด้วย เรียกว่าสำคัญและเกื้อกันทั้งสองส่วน
ได้ดินปนกรวดทรายมา คนปั้นเก่งแค่ไหนเนื้อดินไม่อำนวยงานก็ออกมางั้นๆ
หลายคนบอกว่าเอสเธอร์ ‘มีของ’ อยู่แล้ว รอแค่โอกาส นี่แหละตัวอย่างของดินเหนียวที่เหมาะจะปั้น
คนปั้น (ผู้จัด / ผู้กำกับ / บทละคร - ปั้นด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งการละคร) ส่งบทให้ เอสเธอร์ขึ้นรูปเป็น ‘เคท’ ที่สวยงามทันที
นี่แหละที่เรียกว่างานปั้น! เอสเธอร์ ‘ปั้นขึ้น’ เพราะเป็นเนื้อดินดีมีคุณสมบัติในตัว
มองเผินๆ เส้นทางการเป็น ‘นางเอก’ ของเอสเธอร์อาจดูลุ่มๆ ดอนๆ
แต่เรามองว่าเส้นทางเดินในฐานะ ‘นักแสดง’ ของเอสเธอร์อาจเรียกได้ว่าสวยงามด้วยซ้ำ
คิดดูสิ กระแสชื่นชมเอสเธอร์ล้วนเกิดจากบทบาทการแสดง (เราบังเอิญกด link ไป link มา ถึงได้เห็นกระทู้เก่าๆ ยาวเหยียด
ตั้งขึ้นเพื่อชมฝีมือเอสทั้งนั้น เป็นพลังบริสุทธิ์ของคนดูล้วนๆ)
ไม่ต้องใช้การตลาดโปรโมตแบบผู้จัดการสร้างข่าวมาเรียกกระแสให้ซับซ้อนยุ่งยาก
ไม่ต้องให้ช่องดันชนิดเล่นละครเรื่องเดียวเป็น ‘ซุปตาร์’ แหล่ว (เอ่อ...อ จะไม่ใจร่มๆ รอให้น้องเขาได้ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองก่อนหน่อยเหรอ
ทั้งการพัฒนาฝีมือ การวางตัว ความอดทน ความมีวินัย หรืออีกสารพันคุณสมบัติที่ซุปเปอร์สตาร์รุ่นพี่ต้องไต่เต้าและสร้างผลงานหลายปีกว่าจะได้คำๆ นี้)
ส่วนที่ว่าเอสเธอร์สวยไม่ถึงขั้นนางเอก เราว่าดีซะอีก สวยจัดบางครั้งอาจกลบการแสดง ไม่สวยจัดอาจขับให้เห็นศักยภาพมากกว่า
แล้วก็แปลก เราสังเกตว่าตัวแม่ขั้นเทพของนักแสดงหญิงหน้าตาไม่ได้สวยจัด อย่าง ซอโดยอน เจ๊กง หรือ คิมซุนอานั่นไง
สวยพอประมาณแบบสามสาวนี่แหละ ลื่นไหลไปได้หลายบทบาทดีนัก
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องออกตัวอีกครั้งว่าเราไม่ใช่ติ่งช่อง ติ่งหมูติ่งแมว ติ่งใคร หรืออะไรยังไงทั้งสิ้น
เราเป็นติ่ง ‘ละคร’ เรารักในศาสตร์ที่ให้ความบันเทิงนี้ พอเห็นนักแสดงสักคนมีวี่แววว่าจะเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ที่เติบโตด้วยฝีมือการแสดง
โดยไม่ต้องเป็น ‘เด็กดัน’ ของใคร (ถ้าจะเป็นก็เป็น ‘เด็กปั้น’ หรือหากจะมีแรงดันก็ให้เป็นแรงดันจากใจคนดู)
เราก็อดชื่นชมไม่ได้ รวมทั้งอยากจะเป็นกำลังใจให้ด้วย
ต่อไปถ้าเอสเธอร์พิสูจน์ได้ว่าเธอเป็น ‘ปรากกฏการณ์’ จริงๆ บางทีนี่อาจเปิดโอกาสให้บ้านเรามีนางเอกในสายไม่สวยจัดแต่แสดงเจ๋ง (มีที่ยืน) มากขึ้น
เก๋สุดติ่งกระดิ่งเหมียวไปเลย...ว่ามะ
อย่างพงษ์พัฒน์ วชิระบรรจงผู้แก่กล้านั่นไง (ยกตัวอย่างมาทีเห็นความแก่ของ จขกท. เลยใช่ไหม)
เด็กรุ่นใหม่อาจไม่ทันเห็นผลงานถนัดถนี่ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนพี่อ๊อฟเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ไม่หล่อขั้นพระเอก
ที่ยืนยงอยู่มาได้ถึงวันนี้เพราะอะไร... เราว่าไม่ต้องตอบแล้วมั้ง
อยากให้เอสเธอร์ที่เราเชียร์อยู่ เติบโตด้วยเหตุผลเดียวกัน
เฮ้อออ...ชักหอบ สงสัยจะแก่จริงๆ แล้วเรา ร่ายมายืดยาวเองแล้วก็เหนื่อยเองอย่างกับยายแก่
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ไปล่ะ!